ครั้งแรกที่ได้ฟัง ‘World-shaped Box’ เกิดจากการนั่งกดเฟซบุ๊กเข้านู่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนมาเจอเพจวง COMMON PEOPLE LIKE YOU วงอินดี้ร็อกจากเชียงใหม่ ประกอบไปด้วย ตี้-นที กังวานกิจ (Vox, กีตาร์) รัน-ศรัณย์ คำแก่น (กีตาร์) เต้-ทยากร ศิริธวนากุล (เบส) และ อาร์ม-ภานุพงษ์ วรสาร (มือกลอง) แค่เห็นชื่อวงก็ชวนกดปุ่มไลก์ ไหนจะคงคอนเซปต์กินใจเขียนตัวพิมพ์ใหญ่ในหน้า YouTube เพื่อเน้นว่า
‘เราก็คนธรรมดาเหมือนกันนั่นแหละ’
พอได้ทำความรู้จักมักจี่ผ่านเสียงดนตรีที่มีกลิ่นอายของ Post Punk และ Garage Rock จาก World-shaped Box เพลงใหม่ล่าสุดชวนให้นึกถึงดนตรีในยุค 2000 บวกกับเสียงกีตาร์ที่โดดเด่น สร้างสเต็ปโยกในใจของคนฟังขึ้นมาเล็กๆ จนแอบเผลอผงกหัวไปตามจังหวะ นี่ถ้าไม่ได้อ่านเนื้อร้อง ก็คงเข้าใจว่าเป็นเพลงรักทั่วไป แต่พอตั้งใจฟังจริงๆ ก็รู้เลยว่าโดนหลอก (แต่เต็มใจให้หลอกนะ)
กว่าจะออกมาเป็นเพลง World-shaped Box หรือที่แปลตรงๆ ว่า ‘กล่องรูปโลก’ ทั้งสี่คนใช้พลังขับเคลื่อนจากชีวิตล็อกดาวน์ในโควิด-19 เมื่อปีก่อน ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์เหงา เครียด และโกรธพฤติกรรมหลบๆ ซ่อนๆ ของรัฐบาล ที่ดันทุรังจัดซื้อเรือดำน้ำในขณะที่ประชาชนกำลังล้มตายจากพิษเศรษฐกิจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เพราะถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเพลงที่อยากลุกขึ้นมาสะท้อนการเมืองกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน
‘คนธรรมดา’ ที่โดนขังในกล่องรูปโลก
ท่อนอินโทรเปิดด้วยเสียงกีตาร์ ที่คลอไปกับภาพมิวสิกวิดีโอที่เบลอเหมือนลืมเปิด HD ชวนอึดอัดเหมือนถูกขังอยู่ใน ‘กล่อง’ แคบๆ ยังไงยังงั้น หลังจบอินโทร ท่อนเปิดก็ถวิลหา ‘ไอ้ต้าวความรัก’ คิดถึงการออกเดต การเจอหน้าค่าตา แต่ตอนนี้ทำได้แค่ส่งความคิดถึงผ่านห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น ฟังดูเหมือนเพลงกำลังพาไปพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก แต่ COMMON PEOPLE LIKE YOU กลับพาดริฟต์แหกโค้ง แล้วตะโกน ‘ความเซ็งเป็ด’ ที่มีต่อรัฐบาลแบบ ‘ซอฟต์ใส’ กลางบทเพลง World-shaped Box ที่ทำให้คนฟังถึงกับงงว่า มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ยยยยยย
Now I’m living in this world-shaped box,
I miss everything outside, feel like I’m stuck here for years
I miss my mom, my dad, my dog, my home, and you
Monologue นี้ อาร์มบอกฉันว่า มันสรุปสาระสำคัญของชีวิตช่วงล็อกดาวน์เอาไว้หมดแล้ว เขาคิดถึงครอบครัว คิดถึงโลกภายนอก มากไปกว่านั้นการล็อกดาวน์ครั้งก่อน กระทบธุรกิจร้านเหล้าของเขาจนต้องปิดตัวชั่วคราว ซึ่งสิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดคือ พนักงาน
ในฐานะที่ฉันเป็นพนักงานเงินเดือนคนหนึ่ง การใช้ชีวิตอยู่ในโลกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทำงานแบบ Work from Home มันแค่สร้างความเหงา ความเบื่อ และความเครียด แต่ยังคงได้รับเงินเดือนเพื่อเลี้ยงชีวิตเหมือนเก่า ขณะที่แรงงานหาเช้ากินค่ำ การที่พวกเขาออกไปไหนไม่ได้ = ไร้เงินประทังชีวิต
“ผมไม่ได้อยากให้เพลงมันอินกับสถานการณ์ มันควรจะไปเรื่องอื่นได้แล้ว”
สำหรับ COMMON PEOPLE LIKE YOU พวกเขาใช้คำว่า ‘โชคร้าย’ มากกว่าโชคดี ที่เพลง World-shaped Box ยังเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ได้ดี เพราะช่วงเวลาที่พวกเขาทำเพลงเสร็จสถานการณ์โควิด-19 ‘ก็ดูเหมือน’ จะดีขึ้น และกลัวคนเข้าถึงเนื้อหาที่ได้จากช่วงล็อกดาวน์ได้ยาก แต่กลายเป็นว่าประเทศไทยยังคงวิ่งวนอยู่กับที่
หมดยุคปิดหูปิดตาประชาชน
เพลง World-shaped Box ทำให้ฉันนึกถึงวันที่โควิด-19 มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก แต่รัฐบาลยึดมั่นว่าโควิดกระจอกเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยที่พวกเขารับมือได้ไม่ต่างอะไรกับไข้หวัด พร้อมเปิดประตูยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ราวกับกวักมือเรียกแล้วพูดว่า “Hi Coronavirus, welcome to Thailand!”
Why you’re trying to deny,
no you can’t hide, what I might find
Oh please don’t say that it’s fine, are you out of mind, are you out of…
เนื้อเพลงพูดถึงรัฐบาลว่าทำไมถึงเอาแต่ปฏิเสธตลอดว่า ‘ไม่รู้เรื่อง’ จนมีฉายาว่า ‘บิดาแห่งการไม่รู้’ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม แถมยังต่อด้วยท่อนที่สื่อว่ารัฐบาลปิดบังประชาชนไม่ได้หรอก อาศัยช่วงที่ประชาชนชุลมุนเรื่องโควิด-19 แล้วแอบเซ็นรวบรัดสารพัดโครงการ อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้ เหมือนกับ Monologue ถัดมาที่ตี้บอกว่า ส่งถึงรัฐบาลได้ตรงที่สุดแล้ว
Do you really think that I didn’t know anything?
Do you really think that I don’t know what you did behind my back when I’m stuck here?
This is 2020 and my home has an internet.
How can you do that? your endless need of everything,
don’t know what to do about you, f–k it
“ก่อนหน้านั้นไม่ถึงสิบปี ประเทศไทยมีความขัดแย้งไม่ต่างจากตอนนี้ แต่ตอนนั้นอินเทอร์เน็ตไม่ได้แพร่หลายเท่า และสื่อหลักยังคงเป็นแบบออฟไลน์ ทำให้คนเราทะเลาะกันอีกแบบ ได้รับข้อมูลคนละชุดจริงๆ ซึ่งปัจจุบันข้อมูลพวกนั้นมันถึงกันไวมาก วันต่อวัน นาทีต่อนาที ไม่ว่าคุณจะทำอะไรใครๆ ก็เห็น และพวกเหี้ยนี่ เอ้ย คุณพวกนี้ยังกล้าทำอะไรแบบหน้าด้านๆ อยู่อีก กูถามจริงมึง ถามจีงงงงงงงงงงง
“แล้วต่อให้รัฐบาลขังประชาชนอยู่แต่ในบ้าน แอบใช้งบประมาณลับหลังอย่างไม่โปร่งใส คิดว่าประชาชนทั่วไปจะไม่รู้จริงๆ เหรอ คุณเป็นรัฐบาล คุณต้องทำงานอย่างจริงใจและรับฟังเสียงของประชาชนจริงๆ แค่เปลี่ยน Mindset ว่าทุกอย่างทำเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่งก็ทำให้เห็นอะไรดีขึ้นได้เยอะแล้วนะ
“บางทีเราลองมานั่งจินตนาการกับรัฐบาลชุดนี้เป็นซีนหนัง สงสัยเขาจะใช้สรรพนามเรียกเราว่าอะไร เขาเรียก ‘เพื่อประชาชนของผม’ หรือ ‘เพื่อพวกมัน’ แค่คำพูดแบบนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาจะเรียกเราว่าอะไร ความเชื่อใจมันไม่มีให้กันสักนิดแล้ว พูดแล้วก็…ไปละ”
Ignorant = ไม่รู้ หรือ เพิกเฉย?
นอกจากนี้ เรายังชวนคุยต่อว่าอีกแง่หนึ่ง World-shaped Box ก็เปรียบเสมือนโลกแคบๆ ของคนที่ยังเพิกเฉยต่อการเมืองได้เหมือนกัน คล้ายกับท่อนหนึ่งในเพลงที่บอกว่า “How you don’t care. When you wake up tomorrow day, it’s not the world you stay” ซึ่งเราแปลด้วยจิตวิญญาณ (ทึกทักไปเอง) ว่าเขาคงอยากส่งความแสบๆ คันๆ ถึงเหล่าคนเพิกเฉยว่า ‘ไม่สนใจได้ไงวะ ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วไม่ใช่สยามเมืองยิ้มที่เคยอยู่ ก็เป็นเพราะประเทศไทยฉิบหายจากความอิกนอแรนต์ของมึงอะ!’ (ฟีลมันมา)
“คุณภาพชีวิตของเราตอนนี้กับการแก้ไขปัญหามันเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรงเลย ถ้าคุณยังไม่เห็น และคิดว่าการเมืองไม่ใช่ปัญหา คุณตาบอดและใจคุณบอดด้วย ลองเทียบกรณีอาม่าที่เสียชีวิตในบ้านเพราะโควิด ผมมองว่าการช่วยเหลือที่เท่าเทียมควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนควรได้เท่าเทียมกัน ไม่ใช่คุณเป็นชนชั้นอื่นแล้วบอกว่าต้องเป็นหมอคนนี้ อยากได้ห้องนั้น มันไม่ใช่ ทุกคนต้องได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน” รันพูด
“คล้ายกับที่รันพูดนะ ส่วนตัวผมเป็นพนักงานเงินเดือนที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจถ้าพูดกันตรงๆ แต่ถ้าลองมองออกไปจากตัวเองบ้าง คุณจะรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่คุณ คุณเคยเห็นความเดือดร้อนของคนอื่นไหม เคยเห็นไหมว่ารอบตัวมันไม่ดี ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ซึ่งการเมืองมันเกี่ยวไปหมดทุกอย่าง เราไม่สามารถจัดการ Facility เองอยู่แล้ว รัฐต้องทำให้เรื่องนี้ดีขึ้น มีความเข้าใจเพื่อนมนุษย์บ้างเถอะครับ” ตี้เสริม
สำหรับอาร์ม เขามองว่ากลุ่มคนที่เพิกเฉยมีอยู่จริงในสังคม แล้วเป็นตลกร้ายที่ต่างคนต่างเสพข่าวคนละแบบ เสมือนอยู่ในโลกคู่ขนาน กลุ่มที่เขาปักใจเชื่อมองว่าไม่เป็นปัญหาก็ยังเชื่ออยู่วันยังค่ำ เขาต้องการให้คนกลุ่มนี้กลับมาสู่โลกความเป็นจริงสักที และมองมนุษย์รอบข้างว่าวันนี้มีคนตายเพราะการเมืองห่วยๆ ไปแล้วกี่คน
เบื้องหลังแนวคิดของเพลงที่พวกเขาเล่าให้ฟังอย่างตั้งใจ ทำให้ฉันรู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คือช่วงที่ทำให้คนปิดหูปิดตาได้ตื่นรู้มากที่สุด เสียงเพลงของพวกเขาต้องการสื่อสารสิ่งที่ประชาชน ณ ที่นี้ต้องเผชิญหน้า มันไม่ได้มีบทสรุป หรือไกด์ไลน์ให้คนฟังว่าจุดจบต้องเป็นแบบไหน ซึ่งถ้าคุณคิดว่าคำพูดเป็นอาวุธได้ ดนตรีของพวกเขาก็ไม่ต่างกัน
“อันที่จริง เพลงนี้จะมองเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ การนอกใจ การโดนสวมเขา หรือเป็นเรื่องการเมืองก็ได้ อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะแทน You ว่าเป็นใคร เราโดนสวมเขาจาก ‘คนรัก’ หรือโดนสวมเขาจาก ‘รัฐบาล’ ก็ได้” ตี้เสริม
2 สัปดาห์หลังสัมภาษณ์ เราได้เปิดห้องแชตคุยกับ COMMON PEOPLE LIKE YOU อีกครั้งถึงสถานการณ์โควิด-19 ในไทย ซึ่งพวกเขาทำให้เราได้ประโยคปิดท้ายกับบทความนี้ได้อย่างสวยงามว่า
“สัมภาษณ์ผ่านไปสักพักละ สถานการณ์เส็งเคร็งกว่าเดิม 555”
ติดตามเพลงแสบๆ คันๆ ของพวกเขาได้ที่
YouTube : COMMON PEOPLE LIKE YOU
Instagram : @commonpeoplelikeyou
Facebook : @commonpeoplelikeyou