ไม่นานมานี้ สองมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทั้ง Oleg Deripaska และ Mikhail Fridman ได้ออกมาแสดงจุดยืน เพื่อเรียกร้องให้เกิดสันติภาพ เนื่องจากปัจจุบันกิจการต่างๆ ในประเทศอยู่ภายใต้การคว่ำบาตร ปัจจุบัน พวกเขาถือเป็นสองนักธุรกิจชั้นนำกลุ่มแรกของประเทศที่ออกมาต่อต้านการรุกรานยูเครนของรัฐบาลอย่างเต็มรูปแบบ
Fridman เป็นหนึ่งในชายที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ เขาเป็นผู้ดูแลบริษัทหลักทรัพย์เอกชน LetterOne และเป็นผู้ก่อตั้ง Alfa Bank ธนาคารเอกชนรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย สื่ออย่าง Financial Times รายงานว่า ในอีเมลที่เขาส่งให้บรรดาพนักงานของตัวเอง มีข้อความเรียกร้องให้ยุติการนองเลือดที่กำลังเกิดขึ้น และกล่าวยืนยันว่าสงครามไม่ใช่คำตอบ
Fridman อธิบายที่มารากเหง้าของเขาว่ามาจากเมืองโอวีฟ ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พ่อแม่ของเขายังใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และเปิดเผยด้วยว่า ตนเองยังใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฐานะพลเมืองของรัสเซีย ทั้งในแง่การทำงานสร้างและการขยับขยายธุรกิจเรื่อยๆ จึงทำให้เขาผูกพันกับทั้งชาวยูเครนและชาวรัสเซียอย่างลึกซึ้ง และเห็นว่าความขัดแย้งในปัจจุบันเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับคนทั้งสองประเทศ
ส่วน Deripaska มหาเศรษฐีอีกคนเรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซีย เริ่มการเจรจาสันติภาพ อย่างเร่งด่วน ทั้งนี้เขาได้สื่อสารข้อความผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ว่า “สันติภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก” Deripaska เป็นผู้ก่อตั้ง Rusal บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอะลูมิเนียมของรัสเซีย ปัจจุบัน เขายังคงถือหุ้นผ่าน EN+ Group บริษัทแม่ที่จดทะเบียนในลอนดอน ประเทศอังกฤษด้วย
Deripaska กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะต้องไม่มีสงครามในประเทศยูเครน ทั้งนี้ในปัจจุบัน เขายังอยู่ในรายการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี 2018 จากข้อกล่าวหาว่าตนเชื่อมโยงกับรัฐบาลรัสเซีย ซึ่ง Deripaska ได้ดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากรายชื่อมหาเศรษฐีทั้งโลก Fridman ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes
ให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 128 ในปี 2020 จากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น เขายังเผยอีกว่า โดยปกติแล้วตนจะหลีกเลี่ยงการพูดประเด็นทางการเมือง
แต่ในเมื่อตนเป็นนักธุรกิจที่ต้องรับผิดชอบพนักงานจำนวนหลายพันคนทั้งในรัสเซียและยูเครน จึงเชื่อมั่นว่าสงครามไม่มีวันเป็นคำตอบให้เราได้ เพราะครั้งนี้จะคร่าชีวิตผู้คนมากมาย และทำลายล้างทั้งสองประเทศซึ่งเป็นพี่น้องกันมายาวนานหลายร้อยปี
จึงเป็นสาเหตุให้เขาลุกขึ้นมามีส่วนร่วมต่อการแสดงจุดยืนเพื่อสันติภาพของทั้งสองประเทศในที่สุด
Source : The Guardian |