3 เมืองในไทยครองแชมป์ หมุดหมายที่นักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดในโลก

ปัจจุบันการที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนจำนวนมาก อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป  เพราะถ้าเลือกได้ หลายคนก็คงอยากไปสถานที่สวยๆ ที่มีความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับฝูงชนจำนวนมาก และมีมุมถ่ายรูปสุดเอ็กซ์คลูซีฟไว้ลงโซเชียลมีเดียของตัวเอง แม้ว่าในเชิงเศรษฐกิจ การมีจำนวนนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศจำนวนมหาศาล อาจเท่ากับว่าพวกเขากำลังนำเม็ดเงินจำนวนมากมาสู่ประเทศเราด้วยเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเรามองดูในมิติอื่นๆ การเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปจนล้นเมืองหรือที่เรียกว่า ‘Overtourism’ อาจทำให้จุดหมายปลายทางยอดนิยมเหล่านั้นได้ไม่คุ้มเสีย ไม่เว้นแม้กระทั่ง ‘ประเทศไทย’ ของเราเอง นักท่องเที่ยวมากอาจไม่ใช่เรื่องดี ในอดีตการที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในประเทศจำนวนมาก อาจเป็นการการันตีว่าประเทศเหล่านั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม อันนำมาซึ่งรายได้ที่เติบโตตาม แต่การที่นักท่องเที่ยวเหล่านั้นมีมากจนเกินกว่าจะควบคุม ก็อาจตามมาซึ่งผลกระทบจำนวนมากได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพสูงขึ้น สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเสื่อมโทรมลง ระบบสาธารณูปโภคเกิดปัญหา เนื่องจากไม่เพียงพอในการรองรับนักท่องเที่ยว จนทำให้ความประทับใจของบรรดานักเดินทางลดลง อีกทั้งการมีอยู่ของนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปอาจสร้างความรบกวนให้กับคนท้องถิ่น จนความเป็นอยู่ของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาเหล่านี้ทำให้รัฐบาลหลายประเทศต้องกุมขมับ จนต้องสร้างมาตรการต่างๆ ที่จะมาควบคุมให้จำนวนนักท่องเที่ยวสมดุลกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เพื่อปกป้องแหล่งท่องเที่ยวไปพร้อมกับดูแลคนท้องถิ่นของตัวเอง อาทิ การปิดอ่าว ‘มาหยา’ ที่หมู่เกาะพีพีของประเทศไทย หลังจากภาพยนตร์ชื่อดัง The Beach จุดกระแสให้ชาวต่างชาติแห่มาเที่ยวจนทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลถูกทำลาย และมาตรการลดจำนวนนักท่องเที่ยวในเวนิส ด้วยการจำกัดจำนวนเรือสำราญที่เข้ามาเทียบท่า และคิดค่าปรับกับนักท่องเที่ยวที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไปจนถึงการเรียกเก็บภาษีนักท่องเที่ยว (Tourist Tax) ในหลายประเทศรวมถึงไทยเอง นโยบายต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากหลายเมืองทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง จนทำให้สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่ใครหลายคนเคยอยากไปเยือน กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่คนจำนวนไม่น้อยอยากหลีกเลี่ยงมากที่สุด เมืองที่นักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดในโลก […]

เวนิสเตรียมจำกัดกรุ๊ปทัวร์ไม่เกิน 25 คน ห้ามใช้ลำโพงสร้างเสียงรบกวน เพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง

การมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือนมากเกินไปใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะความนิยมนี้อาจก่อให้เกิดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง (Overtourism) ที่ทำลายศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวของเมืองนั้นๆ และกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ด้วย ล่าสุดเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี กำลังประสบปัญหานี้อย่างรุนแรง ทางการจึงได้ประกาศเตรียมจำกัดนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มไม่ให้เกิน 25 คน รวมถึงห้ามไม่ให้กรุ๊ปทัวร์หยุดเดินในถนนแคบๆ กลางทางเดิน หรือบนสะพาน มากไปกว่านั้น เวนิสยังห้ามการใช้ลำโพง เพราะอาจก่อให้เกิดความสับสนและการรบกวนได้ โดยจะเริ่มบังคับใช้มาตรการเหล่านี้ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเวนิส รวมถึงบริเวณหมู่เกาะมูราโน บูราโน และทอร์เซลโล ในเดือนมิถุนายน 2024 มาตรการนี้สอดคล้องกับแผนการก่อนหน้านี้ที่เวนิสได้ประกาศเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับของนักท่องเที่ยวที่มีอายุ 14 ปีขึ้นไป ซึ่งกำหนดไว้ที่ 5 ยูโรต่อคน (ราว 192 บาท) โดยจะดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในวันที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดระหว่างเดือนเมษายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งส่วนใหญ่จะตรงกับช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของอิตาลีในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สร้างสมดุลที่ดีขึ้นระหว่างความต้องการของผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือน แก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นทะลัก และลดความเสี่ยงที่เมืองจะถูกถอดออกจากรายชื่อเมืองมรดกโลกของยูเนสโก Sources :CNN | bit.ly/47xURF8Euronews | bit.ly/3ScqMGWTravel + Leisure | bit.ly/48Mc8LW

‘ศรีเทพ’ ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก แต่ ‘เวนิส’ เสี่ยงหลุดจากลิสต์ เหตุเพราะน้ำท่วมและนักท่องเที่ยว

ในวันที่ ‘เมืองศรีเทพ’ ของไทยได้รับประกาศจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นเมืองมรดกโลกแห่งล่าสุด ในช่วงเวลาเดียวกัน ‘เวนิส’ ได้รับคำเตือนว่าอาจจะขึ้นบัญชีดำที่มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกถอดออกจากรายชื่อมรดกโลก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะรัฐบาลอิตาลีและการปกครองท้องถิ่นเวนิสไม่ได้มีมาตรการหรือกลไกที่ผลักดันการปกป้องความอ่อนไหวของการมีสถานภาพเป็นเมืองมรดกโลก ที่ให้คนเข้าไปศึกษา ชื่นชม และเรียนรู้ จนอาจทำให้เกิดการสูญเสียความเป็นแก่นแท้ของสถานที่ นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของยูเนสโกก็ยังเสนอให้นำเมืองเวนิสไปอยู่ในลิสต์ของการเป็นมรดกโลกที่เสี่ยงต่อการถูกทำลายอย่างไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้ในสถานภาพของการเป็นมรดกโลก โดยมีเหตุผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศในปี 2019 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในเวนิส ไปจนถึงการเกิดปรากฏการณ์ Overtourism หรือปัญหานักท่องเที่ยวล้นทะลัก ที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อม และสภาพการเป็นเมืองมรดกโลก ถ้าย้อนไปดูตั้งแต่ปี 1987 ที่เวนิสได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก ยูเนสโกได้ส่งคำเตือนถึงประเด็นนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วจากการพัฒนาเมืองที่มากเกินไปเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมที่ทำให้อาคารเก่าแก่ทั้งหลายมีความเสี่ยงถูกทำลาย รวมถึงการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ที่ผ่านมารัฐบาลอิตาลีและเมืองเวนิสได้พยายามออกนโยบายและสร้างแผนการปกป้องเมืองด้วยการจำกัดไม่ให้เรือขนาดใหญ่แล่นผ่านคลองของเมือง เปิดใช้งานกำแพงกันน้ำท่วมอย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี 2020 และมีแผนเก็บค่าธรรมเนียมการเดินทางของนักท่องเที่ยวด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ยูเนสโกก็มองว่าทั้งหมดนี้ยังไม่เพียงพอต่อการรักษาสภาพของการเป็นเมืองมรดกโลกตามมาตรฐาน และจากปัญหานักท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อการอยู่อาศัย ทำให้คนเวนิสจำนวนไม่น้อยย้ายออกไปจากเมืองจนตอนนี้เหลือคนในพื้นที่เพียงห้าหมื่นคนเท่านั้น ซึ่งนั่นย่อมสั่นคลอนต่อสถานภาพการเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิตอยู่ของเวนิส Sources :APOLLO | tinyurl.com/2y7zwe4eBBC | tinyurl.com/283cvvg5Podcast : ‘เมือง-หมา-นุด’ EP.51 Venice กับความเสี่ยงถูกถอนออกจากเมืองมรดกโลก | tinyurl.com/2xwdvvwfTravel and […]

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.