สต็อกโฮล์มถือเป็นหนึ่งในเมืองที่เราชอบที่สุดเลย แล้วเราก็มาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาแล้วด้วย ใครๆ ก็คอยถามว่าสต็อกโฮล์มมีอะไร เจ๋งตรงไหน ทำไมไปบ่อยจัง เราก็อยากจะบอกเลยว่าเมืองนี้เนี่ยมีครบจริงๆ ไม่ได้มีแค่ IKEA แต่มีที่ช้อปปิ้งสุดเก๋ แบรนด์เสื้อผ้าคูลๆ สไตล์สแกนดิเนเวียนทั้งหลายก็มีต้นกำเนิดมาจากที่นี่แหละ ไหนจะบ้านเมืองที่ไล่สีโทนเหลืองสวยงามบนเกาะแก่งต่างๆ แค่เดินเล่นซอกแซกไปดูวิวตามจุดชมวิวต่างๆ ก็สนุกแล้ว
แต่ครั้งนี้เราไม่ได้จะพาไปดูวิวเมืองอย่างเดียว เพราะช่วงนี้ที่สต็อกโฮล์มหนาวมาก หนาวแบบที่อุณภูมิติดลบทั้งวันทั้งคืนจนน้ำในทะเลเป็นน้ำแข็ง หิมะก็ตกจนถนนขาวไปหมด คนไทยอย่างเราถึงจะฟินกับหิมะแลวิวสวยๆ แต่ก็คงทนกับอากาศหนาวยะเยือกแบบนี้ได้ไม่นานหรอก เพราะฉะนั้นครั้งนี้เราจะพาหลบหนาวลงใต้ดิน มาชมงานศิลปะที่ยาวที่สุดในโลกที่สถานีรถไฟใต้ดินของสต็อกโฮล์มกัน
งานศิลปะที่สถานีรถไฟใต้ดินที่สต็อกโฮล์มถือเป็นงานแสดงศิลปะที่ยาวที่สุดในโลก
รวมระยะทางแล้วก็ 110 กิโลเมตร จากทั้งหมด 90 กว่าสถานีที่มีการแต่งแต้มสีสันจากศิลปินกว่า 150 ชีวิต ซึ่งแต่ละสถานีก็จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางสถานีตกแต่งด้วยกระเบื้องสีสันต่างๆ โมเสก รูปปั้น รูปสลัก ภาพวาด บางที่ก็มีการประดับไฟอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ เรียกได้ว่าเวลานั่งรถไฟใต้ดินที่นี่เราต้องคอยชะเง้อดูความสวยงามของสถานีต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่จะให้เราไปตามเก็บทั้ง 90 กว่าสถานีก็คงไม่ไหว เราเลยขอเลือกสถานีสุดฮิตที่ถ้าไปสต็อกโฮล์มแล้วต้องไปตามเก็บมาให้ได้ให้ชมกัน
มาเริ่มจากสถานีแรก T-Centralen สถานีนี้เป็นสถานีศูนย์กลางที่มีทั้งรถไฟใต้ดิน รถไฟ รถบัส ถ้าใครมาจากสนามบินก็น่าจะได้มาลงที่สถานีนี้ก่อนเพื่อน T-Centralen ยังเป็นสถานีแรกสุดที่มีการโชว์งานศิลปะตั้งแต่ปี 1975 แต่ด้วยความที่สถานีนี้ใหญ่มาก มีหลายชั้นหลายชานชลา แต่ชานชลาที่มีภาพเพ้นต์คือชานชลาของรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน จำง่ายๆ ว่าเป็น The blue platform ซึ่งก็จะตกแต่งไปด้วยภาพเพ้นต์สีน้ำเงินของศิลปินชื่อ Per Olof Ultvedt ที่จงใจเลือกใช้สีน้ำเงินและลายโมทีฟรูปใบไม้เพราะอยากให้คนที่เดินทางกันอย่างเร่งรีบได้มีเวลาผ่อนคลายพักเคลียร์หัวสมองกันบ้าง
อีกหนึ่งสถานีโปรดที่พลาดไม่ได้เลยคือ Stadion สายสีแดง เพราะที่นี่มีสายรุ้งอันเบ้อเริ่มอยู่กลางสถานี เมื่อก่อนสถานีนี้เป็นสถานีแรกๆ ที่ออกแบบมาให้เหมือนถ้ำ ทำให้เกิดความกลัวว่าคนจะนึกถึงโลกใต้พิภพหรือนรกอะไรทำนองนั้น ศิลปิน Åke Pallarp และ Enno Hallek จึงน้ำสายรุ้งและท้องฟ้าสีฟ้าสดใสลงมาไว้ใต้ดินเพื่อให้คนเห็นว่านี่ท้องฟ้าอยู่ไม่ไกลนะ ปัจจุบันนี้รูปสายรุ้งสีสันสดใสนี้ยังบังเอิญมีความเกี่ยวข้องกับงาน Stockholm Pride Festival ที่จัดขึ้นทุกปีใกล้ๆ สถานีนี้ สายรุ้งนี้เลยได้ต้อนรับชาว LGBT ไปพร้อมๆ กันด้วยเลย
นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดงเลยไปจนสุดสาย จะถึงสถานี Mörby Centrum สถานีโปรดของสาวๆ สายพาสเทลฟรุ้งฟริ้งเพราะสถานนีนี้มีถ้ำสีชมพูสลับสีเขียวอ่อนบนพื้นสีขาว ซึ่งว่ากันว่าเป็นภาพลวงตาที่ศิลปิน Gösta Wessel และ Karin Ek จงใจสร้างขึ้นให้สามารถเปลี่ยนสีได้ขึ้นอยู่กับว่าเรายืนดูจากมุมไหน และยังมีมุมกระเบื้องสีพาสเทลสุดน่ารักให้เราไปโพสท่าเดินผ่านถ่ายรูปเก๋ๆ มาลง Instagram กันด้วย
สำรวจความกุ๊กกิ๊กของสายสีแดงจนเพลินแล้วลองเปลี่ยนมาสายสีเขียวมั่ง นั่งมาลงที่สถานี Citybanan-Odenplan สถานีนี้เป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟของสต็อกโฮล์ม ทำให้มีหลายชานชลาและมีผลงานศิลปะของศิลปินมากมายถึง 17 คน แต่เราตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาชมผลงานไฟเท่ๆ ที่มีชื่อว่า Life Line เป็นไฟ LED สีขาวที่ขดเป็นรูปเหมือนคลื่นหัวใจยาวกว่า 400 เมตรบนบันไดเลื่อน ซึ่งได้รับแรงบัลดาลใจมาจากคลื่นหัวใจของลูกชายขณะแรกเกิด แต่ดูไปดูมาก็แอบคล้ายสัญลักษณ์ Joy Division อยู่เหมือนกันนะ
ไปต่อกันที่สถานี Thoridsplan สายสีเขียว สถานนีนี้ไม่ได้อยู่ใต้ดินทำให้เราต้องทนกับความหนาวเหน็บนิดหน่อย แต่บอกเลยว่าคุ้ม เพราะสถานีนี้จะทำให้เรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง! ศิลปิน Lars Arrhenius ได้รับแรงบัลดาลใจจากพื้นที่รอบๆ Thoridsplan ทั้งทางข้ามถนน ลิฟท์ บันไดและฟุตบาท ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในวีดีโอเกม เลยได้ครีอีทงานกระเบื้องเป็นตัวการ์ตูนจากเกม 8-bit ชื่อดังอย่าง Mario Bros. และ Pac-Man ให้เราได้นึกถึงความสนุกสมัยเด็กๆ สไตล์ 8-bit กัน
นี่เป็นแค่สถานีเรียกน้ำย่อยเท่านั้นนะ เพราะอย่างที่บอกไปว่าที่นี่มีผลงานศิลปะอยู่มากกว่า 90 สถานี ใครที่สนใจจริงๆ ที่นี่เขาก็มีไกด์ทัวร์พาชมและฟังเรื่องราวของแต่ละสถานีด้วย น่าเสียดายที่ไกด์ภาษาอังกฤษจะมีเฉพาะหน้าร้อนตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม ที่สำคัญคือไกด์ทัวร์เนี่ยฟรีด้วยนะ ใครที่ชอบดูงานศิลปะบอกเลยว่าต้องจดสต็อกโฮล์มไว้ในลิสต์เลยนะเพราะเมืองนี้ดีจริงๆ ไว้คราวหน้าเราจะพาไปเที่ยวอีกนะ