กลับมาอีกครั้ง ! กับร้าน “อาหารวังหิ่งห้อย” ที่อยากเชิญชวนทุกคนมาลองเปิดประสบการณ์การทานอาหารสไตล์ “Fine Dining” ท่ามกลางโอเอซิสใจกลางกรุง พร้อมกับชมหิ่งห้อยนับร้อย โดยครั้งนี้มาในธีมอาหาร “ธาตุไฟ” กับคอนเซ็ปต์ “Spirit of Fire” ที่จะมาเสิร์ฟความร้อนฉ่าบนจานของคุณ !
โอเอซิสใจกลางเมือง
“วังหิ่งห้อย (Wang HingHoi)” ร้านอาหารไทยสไตล์ Thai Inspired Cuisine ที่ยกโอเอซิสมาไว้ใจกลางเมืองภายใต้แนวคิดการอยู่ร่วมกันระหว่างความเป็นเมืองกับวิถีธรรมชาติในป่าคอนกรีตแห่งนี้ โดยมี “หิ่งห้อย” เป็นตัวแทนแห่งสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งได้นำมาเพาะพันธุ์ไว้กว่า 300 ชีวิต เพื่อการันตีว่าทางร้านมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์จนหิ่งห้อยสามารถมีชีวิตอยู่ได้ อีกทั้งยังมีคอนเซ็ปต์อาหารและเครื่องดื่มโดยยึดจากหลักตามธาตุแห่งชีวิต คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ซึ่งจะเปิดทำการเพียง 18 เดือนตามอายุไขของหิ่งห้อยเท่านั้น
เปิดโลกทัศน์อาหารธาตุไฟกับ “Spirit of Fire”
หลังจากที่ได้เสิร์ฟคอร์สความอร่อยมาตั้งแต่ ดิน น้ำ และลม ครั้งนี้วังหิ่งห้อยกลับมาเป็นครั้งที่ 4 กับธีมสุดท้ายในคอนเซ็ปต์ “Spirit of Fire” คอร์สอาหารธีมธาตุไฟ ที่พูดถึงความร้อนฉ่าตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ยันกรรมวิธีการผลิต ซึ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับ “ไฟ” แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นไฟที่เกิดจากการกิน หรือไฟที่เกิดจากความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศก็ตาม พูดมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงกำลังอยากยลโฉมอาหารจานหรูอย่างใจจดใจจ่อ จะมัวรอช้าอยู่ใย มาร่วมดื่มด่ำกับบริการคุณภาพดี และอาหารชั้นเลิศ จากร้านอาหารวังหิ่งห้อยกัน
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-17-683x1024.jpg)
เริ่มต้นจานแรกด้วย “ชนวน (Amuse Bouche Ignite)” ปาปาดัมท็อปปิ้งด้วยผลไม้อบแห้ง เสิร์ฟคู่พร้อมกับน้ำขิงเบคอนโฟมที่ทานเพื่อการปรับความสมดุลในร่างกายก่อนเริ่มอาหารในคอร์สถัดไป ซึ่งความพิเศษอยู่ตรง ‘น้ำขิงและเบคอนโฟม’ ส่วนผสมต่างขั้วที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่พอได้ลองชิมกลับกลายเป็นว่าเข้ากันได้ดีซะงั้น
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-25-683x1024.jpg)
จานถัดมาคือ “ปลุก (Awake)” หอยนางรมกับซอสฮอลแลนเดซ ท็อปด้วยหอมแดงทอด
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-27-683x1024.jpg)
ถัดมาคือ “เถ้าถ่าน (Ashes)” เป็นจานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยำปลาสลิด แต่ปรับเปลี่ยนน้ำยำจาก “น้ำ” มาเป็น “วุ้น” แทน และนำมาผสมให้เข้ากันกับรสถ่าน ถือว่าเป็นมิติใหม่ของยำที่ทวิสต์เข้ากันได้อย่างลงตัว
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-28-1024x682.jpg)
เมนูถัดไป เหล่าสาวกเนื้อคงชื่นชอบ คือ “อาบแดด (Sunbath)” เนื้อหมักไซส์ A5 ที่เซียร์บนหินร้อน มาพร้อมกับซอสลาวสูตรเด็ดที่มีส่วนผสมของเต้าหู้ยี้และถั่วตำ ให้รสชาติคล้ายกับซอสสุกี้ผสมน้ำจิ้มสะเต๊ะ ซึ่งเนื้อวัว A5 ให้รสสัมผัสเนียนนุ่มจนแทบละลายในปาก และมีรสชาติดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อกินคู่กับซอสลาวขอบอกเลยว่า ฟินลืม !
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-31-683x1024.jpg)
“แสงเหนือ (Aurora)” เมนูง่ายๆ ที่ผสมผสานระหว่างซุปต้มจับฉ่ายกับหมูสามชั้นซูวี พร้อมท็อปปิ้งด้วยบร็อคโคลี และเต้าหู้ทอดกรอบ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-32-1024x682.jpg)
มาตัดรสชาติกันก่อนที่จะเข้าอาหารเมนคอร์สด้วย “พลุ (Firework)” ที่พาเรากลับไปสู่วัยเด็กอีกครั้งด้วยลูกเล่น Pop Rock เคลือบด้วยสลัดผลไม้ เมื่อเอาเข้าปากแล้วจะได้ยินเสียงเป๊าะแปะอยู่ในปาก เป็นการเพิ่มความสนุกสนานลงในจานอาหารที่ทำให้คนชิมอย่างเราไม่รู้สึกเบื่อ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-37-1024x682.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-41-683x1024.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-36-683x1024.jpg)
มาถึงจุดไคล์แมกซ์สำคัญสำหรับอาหารเมนคอร์ส เริ่มด้วย “พลุ่งพล่าน (Burst)” ที่หยิบแกงเทโพจากต้นตำรับเดิมที่มักเน้นความเผ็ดร้อนมาทวิสต์ให้มีรสละมุน และมีความครีมมี่มากขึ้น ตามมาด้วย “เดือดดาล (Rage)” ที่พอชิมแล้ว ถึงกับบางอ้อว่ามันเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกที่เราคุ้นเคย แต่รสสัมผัสของเนื้อนุ่มละมุนจนหยุดตักไม่ได้ ยิ่งทานคู่กับหมี่กรอบด้านล่างก็จะให้เทกเจอร์ทั้งนุ่มและกรอบ ถือว่าลงตัวในคำเดียว จานสุดท้ายของอาหารเมนคอร์สคือ “กุ้งแม่น้ำย่างราสซอสมะขาม” ตัวกุ้งให้รสหวานนิดๆ ทานคู่กับมันกุ้งตรงหัวก็ให้ความฟินไปอีกแบบ แถมด้านล่างมันกุ้งยังเป็นรีชอตโต้มาให้ทานคู่อีกด้วย รับประกันว่าใครรักการกินมันกุ้งแล้วล่ะก็ อร่อยจนน้ำตาซึมเป็นแน่
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-46-683x1024.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-47-1024x682.jpg)
“กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่” สำนวนไทยที่ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย มาสตาร์ทความหวานด้วย “ไอซ์ลาวา (Ice Lava)” ไอศกรีมข้าวหมักเปียกลำไย ตบท้ายของหวานด้วย “อาทิตย์อุทัย (Rising Sun)” บิงซูนมสดที่ท็อปด้วยเฉาก๊วย โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งซากุระ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-21-683x1024.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-22-683x1024.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2019/06/wanghinghoi-19-683x1024.jpg)
ปิดท้ายคอร์สอาหารด้วยค็อกเทลสูตรพิเศษทั้งสามแบบ แฝงกลิ่นอายของความเชื่อแบบไทยๆ เข้าไป แถมยังให้รสชาติแปลกใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น “แผดเผา (Phaet Phao)” ได้รับแรงบันดาลใจจากหม้อหมอผี เป็นการมิกซ์แอนด์แมทช์กันระหว่างพริกหัวเรือ เกลือสินเธาว์ และมะเขือเทศสด ต่อมาคือ “ร้อนรุ่ม (Ron Room)” ส่วนผสมระหว่างกระเจี๊ยบและว่านพระอาทิตย์ที่ช่วยกระตุ้นให้เลือดสูบฉีด และสุดท้าย “รมควัน (Rom Khawn)” น้ำส้มสีทองผนวกกับพีช ปากแก้วทาด้วยผงโกโก้ และท็อปปิ้งด้วยรวงผึ้งด้านบน
หากใครอยากลองเปิดประสบการณ์ลิ้มรสอาหาร “ธาตุไฟ” สไตล์ Fine Dining แล้วล่ะก็ สามารถตามมาชิมได้ที่ร้านวังหิ่งห้อย บริเวณสนามกอล์ฟ RCA บนถนนกำแพงเพชร 7 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 18.30 น. ถึง 00.00 น. สอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 091-979-6226 หรือ https://www.wanghinghoi.com และ Facebook: WangHingHoi