ความทรงจำวัยเด็กของใครหลายคน เติบโตมาพร้อมกับแผงหนังสือนิยายรักวัยรุ่น ปกการ์ตูนที่วางเรียงรายอยู่เต็มชั้น เพื่อรอคอยให้นักอ่านวัยใสช้อปลงตะกร้า ภาพความสวย ความหล่อ และความเท่ของตัวละครน่าหยิบจับไม่แพ้กับเนื้อหาในเล่ม จนหลายคนเป็นแฟนตัวยงของนักวาดไปโดยปริยาย
หนึ่งในนักวาดปกนิยายที่ตราตรึงใจเหล่านักอ่านคือ ‘VICMON’ (วิกมน) หรือ มน-เพียงพิชญ์ ศาสตร์ศศิ นักวาดภาพปกนิยายแจ่มใสมากกว่า 300 เล่ม ผู้ฝากลายเส้นบนนิยายรักวัยรุ่นจนกลายเป็นยุคทองของ ‘นิยายแจ่มใส’
ถึงเวลาชวนเธอมาพูดคุยถึงเบื้องหลังงานปก และการกระโดดเข้าสู่สนามแห่งใหม่ในอาชีพ ‘นักเขียนการ์ตูน’ ที่ถูกแปลให้อ่าน 3 ภาษาใน 3 ประเทศ
วาดภาพบนคอมฯ ด้วยเมาส์หนู
บันไดขั้นแรกของวิกมน คงคล้ายกับศิลปินทั่วไปที่ชื่นชอบการวาดภาพ หลงใหลการอ่านการ์ตูน แถมยังมีไอดอลเป็น อาจารย์ทาเคชิ โอบาตะ-นักวาดการ์ตูนเดธโน้ต อาจารย์นาโอกิ คุโรซาวา-นักวาด Monster และ 20th Century Boys และ โนบุฮิโระ วาสึกิ-นักวาดซามูไรพเนจร
เมื่อเสพลายเส้นของชั้นเซียนได้สักพัก เธอเริ่มจับดินสอวาดการ์ตูนไว้อ่านเอง จนกระทั่งเพื่อนชักชวนให้ลองปล่อยของในเว็บบอร์ด นั่นเป็นครั้งแรกที่วิกมนได้รู้จักโลกของ ‘คอมพิวเตอร์กราฟิก’
“ตอนนั้นเราอยู่ ม.3 เพิ่งเรียนรู้ว่ามีสิ่งที่เรียกว่า Computer Graphic ครั้งแรกในชีวิต เราศึกษาทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด เริ่มจากการวาดมือ ฝากเพื่อนไปสแกนแล้วแปลงเป็นไฟล์ JPG. ก่อนจะใช้เมาส์หนูค่อยๆ ลงสี ซึ่งภาพหนึ่งเราใช้เวลาเป็นเดือน จนจุดหนึ่งเรารู้สึกว่าไม่ได้ละ อยากได้แท็บเล็ตสักตัว จะได้ทำงานได้เร็วมากกว่านี้”
วิกมนเล่าถึงความทรงจำสมัยเรียน กว่าจะได้วาดภาพแต่ละครั้งใช้คำว่าลำบากลำบนคงไม่ผิด เพราะเธอต้องลงสายประกวดวาดภาพ ไปถึงขั้นอดข้าวกลางวันเพื่อเก็บเงินซื้อแท็บเล็ตเครื่องเดียว แถมยังต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เพราะที่บ้านอยากให้โฟกัสการเอนทรานซ์มากกว่า
แม้จะมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่ก็หยุดความก๋ากั่นของวิกมนไม่ได้ เธอตระเวนออกบูทตามงานอีเวนต์หลายปี และลงผลงานผ่านบล็อกเล็กๆ ของเธอ ซึ่งผลลัพธ์ในวันนั้น ทำให้แมวมองจากสำนักพิมพ์แจ่มใสสนใจลายเส้นของเธอ และชักชวนให้ร่วมงานถึงบูทอีเวนต์!
ฝากลายเส้นบนปกนิยายแจ่มใส
หากใครยังพอจำได้ จะรู้ว่าก่อนหน้าปรากฏการณ์กระแสปกนิยายรักวัยรุ่นฟีเวอร์ มันไม่เคยมีนิยายปกการ์ตูนมาก่อน! รวมถึงสำนักพิมพ์แจ่มใสที่ออกหนังสือมาหลายปี ก็มักใช้ภาพวิวทิวทัศน์ หรือภาพเพนต์สุดอาร์ตมาขึ้นปก จนถึงยุคของวิกมนที่ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมนักวาดภาพประกอบยุคแรกของการวาดปกนิยายแบบการ์ตูน
วิกมนใช้เวลาวาดปกนิยายที่ได้รับมอบหมายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เป็นทั้งห้องนอน และห้องทำงาน แถมยังเรียนมหาวิทยาลัยควบคู่กันไป เธอตั้งใจอ่านนิยายของนักเขียนเป็นร้อยเรื่อง เพื่อตีความว่าตัวละครควรใส่เสื้อผ้าแบบไหน แสดงสีหน้าอย่างไร พระ-นางที่ขึ้นปกเป็นคนอย่างไร สถานที่ที่ตัวละครไปคือที่ไหน เพื่อทำให้ปกที่วาดมีชีวิตชีวา
รู้ตัวอีกทีก็วาดปกนิยายแจ่มใสเดือนละ 4 – 5 เล่ม เป็นเวลาสิบกว่าปี และการคลุกคลีในห้องจนลืมวันลืมคืน ทำให้บางครั้งเธออดสงสัยไม่ได้ว่าผลงานหลายร้อยเล่มที่วาดไปเป็นที่รู้จักแล้วหรือยัง
ฉันนั่งฟังถึงความกังวลว่าจะไม่มีใครจำงานได้อยู่ตรงข้ามวิกมน พลางนึกแปลกใจว่าทำไมเธอคิดเช่นนั้น เพราะลายเส้นของเธอเป็นดั่งความทรงจำของใครหลายคน ภาพวาดประกอบรวมกับเนื้อเรื่องจากนักเขียนล้วนทำให้ตัวละครในหนังสือมีชีวิต
เธอเล่าต่อว่าวันที่ตอบข้อกังวลใจ คือตอนกลับไปโรงเรียนสมัยมัธยมฯ และโดนเด็กมุงเยอะจนมิดหัว เพราะรู้จักว่าวิกมนคือนักวาดปกนิยายแจ่มใส
แต่ความสวยหล่อที่ฝากลายเส้นไว้บนปกนิยาย ยังไม่ใช่ความฝันของเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะนักวาดภาพประกอบในดวงใจของใครหลายคนที่อยู่ตรงหน้านี้ มีความฝันที่กำลังเติมเต็มอยู่ นั่นคือการเป็น ‘นักเขียนการ์ตูน’
‘นักเขียนการ์ตูน’ ยอดภูเขาที่สูงกว่า
แม้เส้นทาง ‘นักวาดภาพประกอบ’ จะอยู่จุดสุดยอดภูเขา แต่สิ่งที่วิกมนยังไม่เคยลงมือทำคือการเป็น ‘นักเขียนการ์ตูน’ เพราะช่วงขาขึ้นของงานปกนิยาย ทำให้เธอไม่กล้าก้าวเท้าออกมาจากเซฟโซน
“เราทำใจลำบาก เพราะช่วงนั้นเป็นยุคทองของสำนักพิมพ์ เราไม่กล้าทิ้งเพื่อนับหนึ่งใหม่ เรามัวแต่คิดอย่างนั้นมาสิบกว่าปี ไม่เคยมีการ์ตูนของเราออกมาสักเรื่อง จนวันหนึ่งหันมานั่งทบทวนกับตัวเองว่าอยากวาดภาพประกอบตลอดไปเหรอ ทั้งที่จริงแล้วเรามีเรื่องในหัวเป็นร้อยเรื่องที่อยากเล่าเลยนะ
“จุดเปลี่ยนคือวันที่ตกตะกอนว่าเรากดอ่านหนังสือการ์ตูนทุกเรื่องของนักเขียนที่ชอบ ซึ่งทุกครั้งที่กดเราพบว่าแม้นักเขียนการ์ตูนจะอยู่ในวงการมานานแค่ไหน เขายังเขียนไม่เกินสิบเรื่องเลย เราคิดว่า เฮ้ย ชีวิตคนมันสั้นนะ ขนาดคนที่วาดตลอดเวลาเขายังวาดไม่เกินสิบเรื่องเลย ถ้าเรามัวแต่ลังเล บวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เราจะเหลือวาดได้กี่เรื่องกัน”
วันที่เธอขึ้นภูเขาลูกใหม่ คือวันที่ลงมือวาดการ์ตูนรายปักษ์ใน SOS Comic ด้วยโจทย์เดียวกับนักเขียนการ์ตูนอีกหลายชีวิต ซึ่งทุกคนล้วนเป็น ‘ตัวเต็ง’ จนทำให้เธอรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ว่าจะสู้เขาได้หรือเปล่า แต่นั่นก็เป็นเรื่องดีที่ทำให้เธอเข้มงวดกับการปล่อยงานของตัวเองมากกว่าเดิม
“เราเขียนแล้วโยนทิ้งไปสิบครั้ง เพื่อเรื่องเดียว เราต้องคิดซับซ้อนไปเรื่อยๆ คิดว่าจะทำอย่างไรให้งานเราไม่เหมือนคนอื่น เพราะไม่อย่างนั้นเส้นเรื่องของเราอาจทับกับนักวาดคนอื่นก็ได้”
วิกมนจับปากกาวาดเส้นปกนิยายมาหลายสิบปี รายละเอียดของภาพประกอบคือส่วนสำคัญหลักที่ต้องใส่ใจ ซึ่งการหันหัวเรือมาเป็นนักเขียนการ์ตูน ทำให้วิกมนใส่ใจเส้นเรื่องมากกว่าส่วนอื่นเป็นพิเศษ เธอเล่าว่า มีเวลาวาดหนึ่งเรื่องภายใน 1 เดือน ใช้เวลาคิดเรื่อง 10 วัน และวาด 20 วัน หรือยุคที่เธอซุ่มเขียนการ์ตูนรายสัปดาห์ ทำให้เวลาคิดและลงมือวาดสั้นกว่ารายเดือน แต่เมื่อนำส่วนทั้งหมดประกอบร่างเข้าด้วยกัน ทำให้งานวาดการ์ตูนคือตัวตนของเธอ 100 เปอร์เซ็นต์
“เราได้ทำอะไรที่เป็นตัวตนของเรามาก มันคือความคิดและฝีมือของเรา แฟนลายเส้นบางคนจะรู้สึกว่าเราวาดแย่ลง แต่บางคนกลับรู้สึกว่าเขาชอบงานเราอย่างลึกซึ้งมากขึ้น เพราะเดิมทีเขาอาจจะมองว่าเราคือคนที่วาดผู้ชายหล่อ แต่การ์ตูนเรานำเสนอความคิดด้านอื่นด้วย
“คติในการวาดการ์ตูน ยึดจากสิ่งที่ทำให้เราซื้อ และสิ่งที่ทำให้เลิกซื้อ เราสามารถซื้อหนังสือการ์ตูนเล่มที่วาดสวยได้ แต่เลิกอ่านได้ถ้ามันไม่สนุก หรือเราซื้อหนังสือการ์ตูนเล่มที่ไม่ได้วาดสวยได้ แต่อ่านจบเพราะมันสนุกได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงให้ความสำคัญกับเส้นเรื่อง”
ลงสนามแข่งกับนักวาดทั่วโลก
ความสุขของวิกมนค่อยๆ ไต่ขึ้นไปตามความสูงของภูเขาทีละก้าว แต่กลับลดฮวบฮาบเมื่อ ‘วงการสิ่งพิมพ์’ ต่างพากันปิดตัวลง ซึ่งกระทบต่อการทำอาชีพนักวาดภาพประกอบ และนักเขียนการ์ตูนของเธอไม่แพ้กัน
“สำนักพิมพ์ไม่ได้ผลิตหนังสือเยอะเท่าเมื่อก่อน ทำให้มีพื้นที่สำหรับนักวาดภาพประกอบลดน้อยลงไปด้วย ซึ่งการมีแอปฯ อ่านการ์ตูนออนไลน์ พูดได้ว่าเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ทำให้เรามีที่ลงการ์ตูน แต่สนามต่อสู้มันน่ากลัวขึ้นเยอะมาก อย่างยุคหนังสือ เรานับหัวคนทำได้เลย แต่เมื่อทุกอย่างกระโจนเข้าสู่แอปฯ เราสู้กับคนทั้งโลก ซึ่งตอบยากมากว่าจะเอาชนะเขาด้วยวิธีอะไร
“เราเคยคิดว่าอาชีพนักวาดภาพประกอบมั่นคง จนกระทั่งวงการสิ่งพิมพ์ไปเกือบทั้งระบบ ไม่เคยคิดว่าจะไปทั้งวงการได้ขนาดนั้น เราไม่อยากใช้คำว่าล่มสลาย แต่วันนี้วงการหนังสือมันแคบลงมาก แม้แต่ตัวใหญ่ของวงการยังไม่ฟู่ฟ่าเท่าเดิม ซึ่งเวลานี้แหละ จะคัดว่าใครเป็นตัวจริง ใครที่ยังใจรัก และใครที่ยังมุ่งมั่นทำอยู่”
แม้วิกมนต้องต่อสู้กับการ์ตูนหลายร้อยเรื่องจากคนทั่วทุกมุมโลก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดปีนภูเขาลูกนี้ เพราะเธอมุ่งหน้าลงมือเขียนการ์ตูนออนไลน์เรื่องแรก ชื่อว่า ‘3rd Time Kiss’ การ์ตูนแนวแฟนตาซีออกไปทำสงครามกู้เมือง ผิดกับภาพปกนิยายวัยใสที่เธอเคยทำมา ซึ่งกระแสตอบรับดีเกินกว่าที่คิด จนได้นำไปแปลเป็นภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน
วาดต่อไปจนกว่าจะไร้แรงซัปพอร์ต
เป็นระยะเวลาสิบกว่าปีที่วิกมนโลดแล่นอยู่ในวงการนักวาดภาพประกอบ เธอสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่า ถึงแม้การวาดภาพประกอบจะทำให้เธอเป็นที่รู้จัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นนักเขียนการ์ตูนก็ทำให้เธอเป็นตัวเองมากที่สุด โดยเฉพาะคำชมที่บอกว่า นักอ่านหลายคนมองข้ามความสวย-หล่อของลายเส้นวิกมน แล้วหันมาให้ความสนใจกับเส้นเรื่องที่วางไว้มากขึ้น ทำให้รู้ว่าในวันนี้เธอมาถูกทางแล้ว
“เราเจอมาเยอะที่เขาชมว่าตัวละครหล่อจังเลย เราขอบคุณทุกคำชมเหล่านั้น แต่พอมีคนชมว่าคนเขียนเรื่องแบบนี้ได้ เขาต้องเป็นคนฉลาดมาก พอมีคนชมเราแบบนี้ทำให้เรารู้สึกว่าในที่สุดก็มีคนเห็นสิ่งที่เราพยายามอยู่
“ก่อนหน้านี้ เราเคยโดนสัมภาษณ์ว่ามีความฝันเป็นอันดับหนึ่งของวงการหรือเปล่า เราถามกลับว่าอันดับหนึ่งของคุณคืออะไร ขนาดวันพีซทุกคนยกให้เป็นอันดับหนึ่งเหมือนกัน แต่วันพีซเป็นหนึ่งในใจคุณหรือเปล่า สำหรับเราการเป็นที่หนึ่งในใจคน และมีคนซัปพอร์ตที่ช่วยให้เราได้ทำงานจนวันตายนี่แหละคือสิ่งที่ต้องการที่สุดแล้ว”
10 ปีก่อน ฉันเป็นวัยใสที่หลงใหลการอ่านนิยายรัก และเลือกปกจากความสวย-หล่อที่ตรงจริตมากที่สุด ในวันที่ฉันโตขึ้น ได้นั่งพูดคุยกับวิกมนต่อหน้า คำตอบของเธอทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่เพียงแต่นักอ่านที่เติบโตไปตามกาลเวลา แต่ตัวนักวาดก็เติบโตไปพร้อมกัน
เร็วๆ นี้ วิกมนกำลังมีการ์ตูนเรื่อง ‘ชั่วโมงที่ 25’ ลงบน LINE Webtoon ซึ่งลงทุกวันเสาร์ ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
สามารถติดตามผลงานทั้งหมดได้ที่ facebook.com/vicmonvicmon หรือทางทวิตเตอร์ @vicvicmon