กลิ่นของความรัก กลิ่นของความหวัง กลิ่นของความทรงจำ
กลิ่นอะไรก็ตาม คุณเคยสังเกตตัวเองบ้างไหม ?
บางครั้งที่เราได้กลิ่นโชยมา จากนั้นเรามักจะคิดถึงประสบการณ์ชีวิตในอดีต เรื่องราวผสมกับความทรงจำของกลิ่นที่เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ภาพผสมผสานกับกลิ่นเหล่านั้นอย่างสมบูรณ์ สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ที่ทำให้สมองของเด็กเกิดการพัฒนา สร้างเส้นใยประสาทที่แข็งแรงขึ้น และพร้อมจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ง่ายขึ้น โดยมีความเกี่ยงข้องกับสมอง เชื่อมโยงไปยังกระบวนการการทำงานของระบบประสาท การใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ จะเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมองไปในตัว เพราะเมื่อเราใช้ ตา หู จมูก ลิ้น และมือในการสังเกต ฟัง ดมกลิ่น สัมผัส และชิมรส สมองจะทำหน้าที่ประมวลสิ่งที่เข้ามาผ่านทางประสาทสัมผัส และเกิดเป็นการเรียนรู้
นักเคมีเกี่ยวกับกลิ่นประเมินว่า ‘มนุษย์อาจสามารถแยกแยะกลิ่นระหายได้ถึง 10,000 รูปแบบ’ โดยการที่คนเราสามารถแยกความแตกต่างระหว่างกลิ่นต่างๆ เนื่องจากเซลล์รับกลิ่นมียีนที่เฉพาะเจาะจงเพียง 1 ยีนเท่านั้น ฉะนั้นเซลล์รับกลิ่นจึงมีอยู่เป็นจำนวนมากและมีหลายชนิด
| กลิ่นความทรงจำที่ไม่เคยจาง
นักจิตวิทยากล่าวเอาไว้ว่า
“กลิ่นส่งผลต่อความทรงจำของเรามากที่สุด”
‘กลิ่น’ มักเชื่อมกับความทรงจำระยะยาวของเรา ทำให้เราย้อนคิดถึงความทรงจำที่ประกอบด้วยความรู้สึกต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างหวนย้อนคืนมา ภาพและเสียงในตอนนั้น เมื่อเราสัมผัสถึงกลิ่นแห่งความทรงจำดีๆ ของใครสักคน เรามักจะเห็นภาพของความทรงจำนั้น ซึ่งหลายคนอาจมีคำถามว่าทำไมกลิ่นถึงกระตุ้นความทรงจำเราได้ดีนัก นั่นเพราะว่าสมองกลีบหน้าของเรานั้นต่อตรงเข้ากับการรับกลิ่น ทำให้ทุกครั้งที่ได้กลิ่นเรามักจะนึกถึงความทรงจำนั้นได้ดีกว่าการเห็นหรือได้ยินอยู่เสมอ
มนุษย์พัฒนาระหว่างการเติบโต อย่างเด็กทารกจะใช้การดมกลิ่นกายของแม่เพื่อหานมแม่แทนการมองเห็น ทำให้เด็กน้อยสามารถจดจำกลิ่นของแม่และดมหาแม่ซ้ำทุกครั้งที่ต้องการอาหารและความอบอุ่น เพราะสมองของเด็กแรกเกิดจะสามารถเชื่อมโยงกลิ่นกับความทรงจำได้ดี เมื่อไหร่ที่เด็กน้อยได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ การได้กลิ่นจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้พวกเขานึกย้อนไปถึงวัยเด็กได้ ส่งผลทำให้การใช้กลิ่นหอมสามารถสร้างอารมณ์และความรู้สึกได้ แต่อาจจะเป็นตัวเรียกความทรงจำซึ่งมีความสัมพันธ์กับอารมณ์มากกว่า
จากประสาทสัมผัสทั้งหมด การรับกลิ่นเป็นประสาทสัมผัสอันทรงพลังที่สามารถเชื่อมโยงกับความทรงจำในระยะยาวได้ นั่นเป็นเพราะประสาทการรับกลิ่นอยู่ใกล้ชิดกับส่วนของสมอง ซึ่งทำหน้าที่เก็บรักษาความทรงจำที่ดีและไม่ดีเอาไว้ได้ ทำให้กลิ่นหอมๆ นั้นสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของแต่ละคนผ่านการกระตุ้นความทรงจำ ซึ่งคุณยังสามารถสร้างสรรค์กลิ่นเฉพาะที่ทำให้สมาชิกครอบครัวและเพื่อนๆ จดจำได้ง่ายขึ้น เพื่อรังสรรค์กลิ่นหอมที่จะมอบความทรงจำที่แสนสุขแก่คนรอบข้างอันเต็มไปด้วยความอบอุ่นเพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ด้วยการสร้างกลิ่นเฉพาะตัวนั่นเอง
| ถึงเวลาเปิดประสาทสัมผัสจมูก
ในทุกทุกวันกลิ่นผ่านเข้าออกจมูกของเรานับครั้งไม่ถ้วน บางกลิ่นชวนให้ท้องร้อง บางกลิ่นชวนให้คิดถึง เรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ถูกส่งผ่านกลิ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความจริงแล้วกลิ่นเป็นการสัมผัสในระดับโมเลกุล เพราะโมเลกุลของกลิ่นต้องลอยเข้ามากระทบจมูกเราโดยตรง ต่างกับการดูหรือฟังที่มีแค่คลื่นเสียงหรือคลื่นไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเข้ามากระทบโดยตรง
เราจึงพามาทำความรู้จัก เปิดประสาทสัมผัสจมูกให้เข้าใจกับระบบเหล่านี้มากขึ้น
1. เส้นประสาทรับกลิ่น (Olfactory Nerve)ในโพรงจมูกของเรามีเส้นประสาทรับกลิ่นกว่า 40 ล้านเส้นที่รอรับกลิ่นต่างๆ ที่ส่งเข้ามาในต่อมรับกลิ่น แต่ละต่อมมีอายุประมาณ 40 วัน ดังนั้นภายในโพรงจมูกเราจึงมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่เสมอ
2.ต่อมโอลแฟคทอรี่ (Olfactory System) ในฐานะส่วนกลางระหว่างจมูกกับสมองในการส่งข้อมูลที่ช่วยให้เราจำแนกกลิ่นต่างๆ ท่ามกลางกลิ่นที่เกิดขึ้นเเละเข้ามาในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้นต่อมนี้จึงจำเป็นในการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ ซึ่งช่วยให้มนุษย์สามารถจำแนกกลิ่นของสิ่งที่กินได้และกินไม่ได้ออกจากกัน
3.โพรงจมูก (Sinus) โพรงจมูกขนาดใหญ่ของมนุษย์เราไม่ได้มีหน้าที่ใดเลยในการรับกลิ่น แต่มีหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมออกจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป เปลี่ยนให้เป็นของเหลวเพื่อให้ต่อมโอลแฟคทอรี่ตรวจจับได้
4.ระบบลิมบิก (Limbic System)มนุษย์มีพัฒนาการระบบลิมบิกตั้งเเต่ยังเด็ก ระบบนี้มีไว้เพื่อกักเก็บและจดจำการตอบสนองต่ออารมณ์ความรู้สึก เศร้า กลัว โกรธ และเนื่องจากกลิ่นเเต่ละกลิ่นมีผลต่อระบบลิมบิก กลิ่นนั้นๆ อาจไปกระตุ้นอารมณ์ของเราโดยเราไม่รู้ตัวเลยก็ได้
ซึ่งเมื่อประสาทถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นมันจะถูกเก็บไว้ในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งของระบบลิมบิก (Limbic system) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในความจำระยะสั้น ความทรงจำ และอารมณ์ในระยะยาว เมื่อเราได้กลิ่นมันก็เหมือนกับการระลึกถึงความทรงจำที่เราได้เก็บรักษาไว้ ความรู้สึกและอารมณ์ของเหตุการณ์ก็ถูกเรียกคืนกลับมาเช่นกัน และสมองของคุณเชื่อมโยงระหว่างกลิ่นและความทรงจำ จะเชื่อมโยงมันกับเหตุการณ์ บุคคล วัตถุช่วงเวลา หรือสถานที่โดยไม่รู้ตัว
| ออกเดินทางไปพร้อมกลิ่น
ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอดีต มนุษย์เราต่างหลงใหลในกลิ่นหอมมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังมีวิธีใช้กลิ่นหอมที่แปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ หลายคนอาจไม่รู้ว่ากลิ่นคือหนึ่งในประสาทสัมผัสที่ไวต่อความรู้สึก และยังสามารถกระตุ้นความปรารถนา ความลุ่มหลงได้มากกว่า รูป รส เสียง และสัมผัส ซึ่งอำนาจของกลิ่นถูกนำมาใช้ในหลากหลายสถานการณ์
เริ่มต้นกันที่ช่วงสมัยของ พระนางคลีโอพัตรา ที่อาศัยกลิ่นกายอันเย้ายวนจากการอบร่ำด้วยเครื่องหอมและน้ำดอกไม้ จนทำให้แม่ทัพนายกองอย่าง มาร์ค แอนโทนี่ ลุ่มหลงอย่างบ้าคลั่ง หรือไม่เว้นแม้แต่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง นโปเลียน ก็หลงเพ้อในกลิ่นกายของ นางโยเซฟิน หญิงหม้ายตลอดเวลา กระวนกระวายหนักถึงขนาดเขียนจดหมายล่อนหานางว่า “สามวันจากนี้ไปห้ามให้นางอาบน้ำโดยเด็ดขาด” ทั้งที่นางโยเซฟินก็ไม่ได้มีรูปโฉมงดงามอะไร แต่นโปเลียนก็หลงรักกลิ่นหล่อนอย่างถอนตัวไม่ขึ้น หรือในสมัยอียิปต์โบราณ แม่บ้านชาวฮีบรูก็มีการเก็บมินต์จากสวนมาโปรยบนพื้นที่เป็นดินอัดแข็ง จากนั้นก็ใช้ส้นเท้าบดขยี้เพื่อให้ได้กลิ่นหอมเย็น เป็นวิธีแรกเริ่มในการทำให้บ้านหอมด้วยกลิ่นมินต์นั่นเอง
แม้กระทั่งในสัตว์ กลิ่นก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ที่สังเกตได้ชัดเลยคือเจ้าตูบที่บ้านเราที่ชอบเอาตัวไปคลุกดิน คลุกโคลนกัน ซึ่งจริงๆ แล้วการกระทำเหล่านั้นมีความหมายแฝงอยู่ โดยกลิ่นที่บรรดาเจ้าตูบทั้งหลายไปสะสมมา มันต้องการจะเก็บกลิ่นเอาไปเล่าให้เพื่อนหรือฝูงฟังว่าตัวเองไปเจออะไรมาบ้าง ดังนั้นในโลกของสัตว์กลิ่นเป็นภาษาที่ใช้เล่าเรื่องและสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งกลิ่นของมนุษย์เราก็ส่งผลต่อสัตว์เช่นกัน อย่างในแพะและวัวตัวผู้เองก็มีท่าทีกระตือรือร้นเมื่ออยู่ใกล้ผู้หญิงที่มีประจำเดือน ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่สัตว์มีท่าทีแปลกๆ กับเรานั่นก็เพราะกลิ่นนั่นเอง
| กลิ่นปลดทุกข์บำบัดสุข
ใครจะเชื่อว่าเพียงแค่เราดมกลิ่นจะช่วยให้เราคลายความทุกข์ได้ นั่นคือ Aroma Therapy หรือการบำบัดรักษาโรคโดยใช้กลิ่นหอมนั่นเอง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 6,000 ปี เริ่มต้นใช้อียิปต์ที่มักใช้การเผาให้เกิดกลิ่นหอมเพื่อบูชาเทพเจ้า นอกจากนี้ ชาวอียิปต์ยังใช้กลิ่นจากพืชธรรมชาติเพื่อความสดชื่น นิยมใช้กับน้ำมันนวดและผสมลงในอ่างแช่ตัว ศาสตร์ Aroma Therapy นี้เป็นการนำประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหย มาทำให้ร่างกาย และจิตใจอารมณ์เกิดความสมดุล หลักการนี้ถูกนำมาศึกษา โดยใช้หลักทางสรีรศาสตร์ที่มนุษย์สามารถสัมผัสกลิ่นได้มากกว่าหมื่นชนิด
ซึ่งกลิ่นที่มนุษย์ได้รับสัมผัสในแต่ละครั้ง จะผ่านประสาทสัมผัสรับกลิ่น (Olfactory Nerves) ที่อยู่เหนือโพรงจมูก (Nasal Cavity) เมื่อกลิ่นต่างๆ จากโมเลกุลของสิ่งนั้นๆ ผ่านกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory Bulbs) ที่ต่อกับลิมบิค ซีสเต็ม (Limbic System) ซึ่งเป็นสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความทรงจำ โดยปกติแล้วระบบทางเดินหายใจเริ่มต้นจากการหายใจเข้า (Inhale) และหายใจออก (Exhale) เพื่อให้เลือดดูดซับออกซิเจนที่สูดเข้าไป เปลี่ยนสภาพและสร้างเป็นพลังงานให้ร่างกาย หากอากาศที่ผ่านเข้าสู่สมอง และปอดไม่บริสุทธิ์
เช่น อากาศเสียจากท่อไอเสีย จากบุหรี่ จากสารพิษ ฯลฯ ก็จะทำให้สารพิษที่ปนอยู่ในอากาศเสียนั้นตกค้างอยู่ในระบบทางเดินหายใจ และมีผลกระทบต่อระบบประสาทส่งผลถึงอารมณ์ และความทรงจำแปรปรวน กระทบไปจนถึงการทำงานของระบบทางเดินหายใจ และระบบรับกลิ่นด้วย ด้วยหลักการเดียวกัน น้ำมันหอมระเหยที่ถูกสกัดจากพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด จึงถูกค้นคว้าวิจัยถึงประโยชน์ เพื่อนำมาบำบัดรักษาโรคต่างๆ อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน