ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะได้ยลโฉม Concept Car จาก BMW ด้วยตาจริงๆ ในงาน ‘Road to Neue Klasse’
งานนี้ทาง BMW ขอเล่นใหญ่ยกรถ Classic BMW อย่าง ‘BMW 1600’ และ ‘BMW 2000 C’ ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับที่ใช้ถ่ายภาพยนตร์เรื่อง One for the Road มาไว้กลางห้างฯ เพื่อบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ไฮไลต์ของงานกับ ‘BMW Vision Neue Klasse’ Concept Car ต้นแบบของรถ BMW ในอนาคต
ภายในงาน Road to Neue Klasse จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูต่อกันในบทความ แล้วไปเจอของจริงกันได้ในวันที่ 8 – 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ที่ Central Embassy ชั้น G
ใครที่อยากเห็น BMW Vision Neue Klasse ใกล้ๆ ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ bit.ly/gobmw
หมายเหตุ : สิทธิ์มีจำนวนจำกัด และให้สิทธิ์ตามลำดับการลงทะเบียน หลังจากลงทะเบียน BMW Thailand จะติดต่อกลับเพื่อยืนยันสิทธิ์การเข้าร่วมอีกครั้ง
ผสานความคลาสสิกเข้ากับวิสัยทัศน์ของยุคใหม่
ภายในงาน Road to Neue Klasse แบ่งพื้นที่ออกเป็นทั้งหมด 2 โซนด้วยกัน โดยโซนแรกจะเป็นพื้นที่เปิด บริเวณพื้นที่กลางชั้น G ของห้างฯ Central Embassy และโซนไฮไลต์จะตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ กัน ที่เคยเป็นที่ตั้งแฟล็กชิปสโตร์ของ Versace
ทั้งหมดได้รับการออกแบบอย่างหรูหรา สวยงามหมดจด สอดคล้องกับความล้ำสมัย และมีโซน Immersive ฉายให้เห็นถึงการเป็นยานยนต์แห่งโลกอนาคตของ BMW
เริ่มต้นด้วยโซนแรกที่ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าก็เข้าชมได้กับ ‘BMW’S GAME CHANGER’ ที่ยังแบ่งออกได้เป็น 4 โซนย่อย เปรียบเสมือน Intro ที่จะพาเราเข้าไปทำความรู้จักเรื่องราวที่เชื่อมอดีตสู่อนาคตในพื้นที่จัดแสดงนี้
ไม่ว่าจะเป็น ‘Back in the 1960s’ พื้นที่จัดแสดง Classic BMW ที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของ BMW Neue Klasse ด้วยการถ่ายทอดกลิ่นอายความคลาสสิกผสานกับวิสัยทัศน์แห่งอนาคต เพื่อเฉลิมฉลองจิตวิญญาณบุกเบิกที่สร้างตำนาน Neue Klasse ในยุค 1960 มาจนถึงการขับเคลื่อน BMW สู่ปี 2025 และก้าวต่อไป
3 โซนย่อยถัดไปเป็นพื้นที่ที่มาในรูปแบบของ Immersive Room ได้แก่ ห้อง Future Design Lab ห้อง Sound of Innovation และห้อง Feel the Circularity
ส่วนนี้เปิดให้รับชมผลงานศิลปะสุดพิเศษจาก ‘จี๊ป-ภาสินี คงเดชะกุล’ นักวาดภาพประกอบผู้มีลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ที่เคยฝากผลงานวาด Art Car กับทาง BMW มาก่อนหน้านี้ และ ‘เพชร-ภิพัชรา แก้วจินดา’ ดีไซเนอร์แห่งยุค ผู้ก่อตั้งแบรนด์ PIPATCHARA ที่โดดเด่นด้วยแฟชั่นเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
ก่อนที่จะไปถึงโซนไฮไลต์ของงานกับ ‘THE NEUE NEW’ พื้นที่ Immersive Room ที่ห้ามพลาด เพราะเราจะได้ชม BMW Vision Neue Klasse อย่างใกล้ชิด พร้อมการแสดงแสง สี เสียง ถ่ายทอดเรื่องราวของรถยนต์ต้นแบบที่นิยามการเดินทางยุคใหม่ สะท้อน DNA อันเป็นเอกลักษณ์ ของ BMW และตอกย้ำวิสัยทัศน์แห่งอนาคตได้เป็นอย่างดี
แต่สำหรับใครที่อยากเข้าชมโซนพิเศษนี้ อย่าลืมลงทะเบียนก่อนไปกันด้วยนะ
ผู้คนคือหัวใจสำคัญของการขับขี่ ส่งต่อสุนทรียภาพการขับขี่จากปัจจุบันสู่อนาคต
ส่วนใครที่สงสัยว่า Concept Car คันนี้คืออะไร คำตอบคือ BMW Vision Neue Klasse เกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนมาตีความใหม่ภายใต้แนวคิดด้านพลังงานไฟฟ้า ระบบดิจิทัล และทรัพยากรหมุนเวียน โดยกำหนดให้ผู้ขับขี่คือหัวใจสำคัญของทุกสิ่ง
เริ่มจากการดีไซน์ที่ลดทอนให้เหลือเพียงแก่นแท้ ทว่ายังคงความเรียบหรูอย่างเด่นชัด และเผยความเป็น BMW อย่างโดดเด่น ด้วยดีไซน์เส้นสายจากภายนอกที่ผสานกับพื้นผิวของตัวรถที่กว้างขวางและห้องโดยสารอันโอ่โถง
นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ BMW iDrive ที่รวมโลกเสมือนและโลกแห่งความจริงให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ภายในห้องโดยสารที่เน้นความสบายของผู้ขับขี่ และเปิดโอกาสให้ปรับแต่งได้ตามต้องการ
BMW Vision Neue Klasse ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ให้ระยะการขับขี่ได้ไกลขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ ชาร์จไฟเร็วขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 25 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังเพลิดเพลินไปกับการขับขี่อย่างไร้กังวลด้วย BMW eDRIVE เจเนอเรชันที่หก
พ้นไปจากด้านดีไซน์ สมรรถนะ และความสะดวกสบายแล้ว ด้านนวัตกรรมก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะ BMW Vision Neue Klasse มาพร้อมความสามารถในการชาร์จแบบสองทาง ด้วยแบตเตอรี่รุ่นล่าสุดที่ทำได้มากกว่าแค่การจ่ายพลังงานกับรถยนต์ แต่เป็นหน่วยกักเก็บไฟฟ้าชั่วคราว สามารถทำหน้าที่จ่ายไฟฟ้าให้กับบ้านพักอาศัยหรือจ่ายพลังงานกลับเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้า หรือใช้รถยนต์เป็นแบตเตอรี่สำรองแบบเคลื่อนที่เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ขณะออกไปตั้งแคมป์ หรือชาร์จจักรยานไฟฟ้าได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อก้าวสู่โลกอนาคตแห่งการเดินทาง ที่สุดแห่งยนตรกรรมเพื่อการขับขี่ ซึ่งไทยจะได้เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สัมผัสกับ BMW Vision Neue Klasse ในงาน Road to Neue Klasse
Writer
