สัมภาษณ์ : แม็กซ์-ณัฐวุฒิ เจนมานะ
ประเด็น : แม็กซ์กับบทบาทความเป็นพ่อของน้องชัดเจน
บรีฟ : สัมภาษณ์พร้อมถ่ายภาพประกอบ แต่งตัวแก่นเซี้ยว สนุกๆ มาเลยนะคะ
“ได้เลยครับ 55555” แม็กซ์พิมพ์ตอบภายใน 2 นาทีหลังจากส่งบรีฟให้เขาทางไลน์
ถัดจากฉันไม่ถึง 3 ก้าว คือชายผิวขาว ตาสีน้ำตาลอ่อน มีโครงหน้าค่อนไปทางฝรั่งจนฉันเคยเข้าใจผิดว่าเขาเป็นลูกครึ่งแน่ๆ ตั้งแต่ประกวดร้องเพลงเวที The Voice Thailand ไปจนถึงออกซิงเกิลติดปากมากมาย เช่น ไวน์, วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า, ปีศาจ และล่าสุด วันนี้ฉันอยากไปทะเล
แต่แท้จริงเขาเป็นลูกชายคนโตประจำตระกูลเจนมานะ บ้านที่แวดล้อมไปด้วยคนไทยเชื้อสายจีน มีอากง อาม่า ป๊า ม๊า ที่เลี้ยงดูอย่างเข้มข้นและเข้มงวดบ้างตามค่านิยมสังคม แถมถูกปลูกฝังความเป็นปึกแผ่นในครอบครัวใหญ่ตามแบบฉบับธุรกิจกงสี ฉะนั้น จะเรียกเขาว่าลูกครึ่งไทย-จีน คงไม่ผิดเพี้ยน
แม้แม็กซ์เติบโตมากับแนวคิดดั้งเดิมของคนรุ่นก่อน แต่ทัศนมิติรอบด้านในฐานะ ‘พ่อคน’ กลับใหม่เอี่ยมและจี๊ดจ๊าด เพราะ เด็กชายชัดเจน เจนมานะ ลูกชายวัย 5 ขวบครึ่งของเขาไม่ต้องคิดเรื่องทดแทนบุญคุณ ไม่ต้องมาเลี้ยงเขายามแก่ อยากเป็นอะไรก็เป็น อยากชอบอะไรก็ชอบ พูดคำหยาบก็ได้ ตั้งคำถามกับโลกใบนี้ตามใจหวัง หากพ่อแม่ทำผิดต้องได้ยินคำขอโทษและติงพ่อแม่กลับได้เสมอ เพราะหลักสำคัญในการเติบโตคือ พ่อ แม่ ลูก เป็นมนุษย์เท่ากัน และเรียนรู้ไปด้วยกัน
“แก่นเซี้ยวพอไหมครับ” แม็กซ์ทักทายพร้อมพรีเซนต์ชุดที่สวมมาแบบติดตลก ฉันคิดในใจทันทีว่าวันนี้สนุกแน่นอน
01 คนไม่ชัดเจน
คุณพ่อวัย 31 เหยียดขาเล็กน้อย ดื่มกาแฟสักอึกสองอึก ก่อนตบมือหนึ่งฉาดเพื่อส่งสัญญาณว่าเรามาเริ่มคุยกันเถอะ ผมพร้อมแล้ว!
“ตั้งชื่อลูกว่าชัดเจน เพราะต้องการความชัดเจนหรือเปล่า” คำถามแรกที่อยากรู้ถูกส่งไปยังคนเบื้องหน้า แม็กซ์ตอบกลับมาในวินาทีถัดมาอย่างรวดเร็วว่า เพราะชอบตัวละครชัดเจน (แสดงโดย ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) จากซิตคอม บางรักซอย 9 ทว่าเขาเผยความจริงต่อภายในไม่กี่นาทีถัดไปหลังฉันพยักหน้าเออออว่า ล้อเล่นนะ จนเราทั้งคู่หลุดขำกันแป๊บหนึ่ง (คุณพ่ออารมณ์ดีใช่ย่อย)
“เราอยากได้ชื่อที่เป็นได้ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง เพราะไม่เข้าใจว่าเราจะมีสองชื่อกันทำไม ชื่อแรกที่ตั้งคือ ‘ชัด’ แต่พออ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแล้วเหมือนแชต ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ‘ชัดเจน’ เพราะเราอยากให้เขาเป็นคนชัดเจน จะได้ไม่เหมือนผมที่ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ค่อยชัดเจน
“สิ่งที่พ่อคนนี้จะมอบให้ลูกได้ตั้งแต่ลืมตาตื่นจึงเป็นการให้ชื่อ โยนความชัดเจนไปก่อนเลย ที่เหลือให้เป็นเรื่องที่เขาเรียนรู้เอง โดยที่ครอบครัวไม่ต้องชี้ให้เขาไปทางไหนเป็นพิเศษ แต่ให้เขาชัดเจนด้วยตัวเอง”
หมึกน้ำเงินถูกเขียนลงบนสมุด “จะได้ไม่เหมือนผมที่ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ค่อยชัดเจน” เพื่อถามแม็กซ์ต่อว่าคุณเป็นคนไม่ชัดเจนอย่างไร
มื้อนี้กินอาหารไทย ญี่ปุ่น หรือเกาหลี จะขับรถไปย่านนี้เลี้ยวขวาหรือเลี้ยวซ้ายดีกว่ากัน แล้วกลับบ้านไปจะเข้านอนกี่โมงล่ะ ทั้งหมดเป็นพฤติกรรมเล็กๆ ที่ไม่ชัดเจนของแม็กซ์แต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเขาในทุกๆ ด้าน และแน่นอนเขาพยายามต่อสู้กับความลังเลของตัวเองเมื่อมีลูก
แม็กซ์เติบโตในครอบครัวไทยเชื้อสายจีนที่เข้มงวด หัวเก่า แต่พยายามหัวใหม่ (เขาว่าแบบนั้น) จนต้องตั้งคำถามว่า ทำไมย้อนแย้งจัง
ตั้งแต่บอกว่าอยากเรียนอะไรก็เรียนนะ แต่จริงๆ มีธงตั้งไว้ให้แล้วว่าเรียนแบบนี้ดีกว่า ทั้งพาไปเรียนร้องเพลง วาดภาพ เขียนหนังสือ หรือเรียนภาษาซี โดยไม่ได้ปล่อยให้เลือกเองตั้งแต่ต้น กลายเป็นว่ากิจกรรมร่วมกับพ่อแทบไม่มี แต่ถูกทดแทนด้วยการพาไป ‘เรียน’ อย่างเดียว
“เด็กไทยรุ่นผมจนมาถึงรุ่นปัจจุบันมีปัญหาเรื่องทางเลือกเยอะเหมือนกันนะ ว่าจะทำอะไรดีวะ จะทำตามค่านิยมของผู้ใหญ่ดีไหม เรามีสิทธิ์ตั้งคำถามไหมหว่า ยิ่งบ้านเราไม่ได้บอกว่าลองไปเลยลูก แต่เป็นการให้ลองหลายๆ แบบที่เลือกมาแล้ว มันจึงทำให้ผมรู้สึกสับสนว่าเราชอบอะไรกันแน่วะ
“ก่อนจะเป็นนักร้องผมเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากเป็นอะไร ไม่มีความฝันเป็นชิ้นเป็นอัน ผมเริ่มเป็นในสิ่งที่ผมเคยได้เรียนพิเศษมาทีละอย่างบวกกับสิ่งที่คิดว่าชอบในแต่ละช่วงวัย ทั้งลองเป็นนักเขียน ดีเจ นักการตลาด แต่สุดท้ายก็มาพบว่าไม่มีอะไรทำให้ผมจี๊ดที่ใจเท่ากับการทำเพลง เวลาเห็นเครื่องดนตรีใจมันพองที่สุดแล้ว ซึ่งอาชีพอื่นมันให้กันไม่ได้ จากที่เราเคยลังเลกับมัน สุดท้ายกูก็เลือกมึงอยู่ดี อ้าว กลายเป็นกูชัดเจนกับอาชีพนี้เฉย
“ตอนนี้ เราโตพอที่จะรู้ว่ากูเองก็เก๋าพอที่จะเลือกทางของตัวเอง ไม่ต้องเจ็บปวดกับทางเดินที่ต้องรอผู้ใหญ่มาอนุญาตให้ใช้ชีวิตหรือทำอะไรสักอย่าง พอมีลูกเราเลยอยากให้เขาสามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเชื่อที่ผมสอนทั้งหมดก็ได้”
02 อยากเป็นพ่อที่ชัดเจน
เมื่อเขารู้อยู่เต็มอกว่าอาชีพนักร้องคือความชัดเจนในชีวิตที่ตามหา ทว่าแม็กซ์ดันใช้ความชัดเจนโดยไม่สน Work-life Balance อยู่ช่วงหนึ่ง
ย้อนกลับไป 5 ปีก่อนแม็กซ์ตัดสินใจเปิดตัวลูกกับสื่อมวลชน เขาใช้ชีวิตกับอาชีพนักร้องอย่างสุดโต่งด้วยความคิด ‘เป็นนักร้องก็ต้องทำแต่เพลงสิ’ จึงไม่แปลกถ้าตอนนั้นฉันติดต่อสัมภาษณ์เขาไปแล้วจะโดนปฏิเสธกลับมา
“เราพยายามทำงานเพลงอย่างเดียว ทำหนักมากจนตัดทุกอย่างในชีวิตออกหมดเลย เริ่มสักเยอะขึ้นเพราะอยากปรับคาแรกเตอร์ของตัวเอง พูดเรื่องส่วนตัวในชีวิตน้อยมาก นำเสนอแต่เรื่องเพลง แนวคิดการทำเพลง และมีเป้าหมายอยากให้คนรักเราที่ผลงานก็พอ
“แต่พอไปๆ มาๆ เราฉุกคิดขึ้นมาว่าปัจจัยที่ทำให้คนรักไปนานๆ ความสามารถอย่างเดียวมันพอเหรอวะ มันมีเรื่องอื่นๆ อีกนะ ถ้าเราจะนำเสนอแค่เพลงไปตลอด โดยไม่แสดงความเป็นตัวเองให้พวกเขาเห็น มันอาจจะดูปลอม และไม่ได้ตอบแทนผู้บริโภคที่ชื่นชอบเราเท่าไหร่ เลยอยากใส่ชีวิตของตัวเองเข้าไปในอาชีพนี้ให้คนเห็นตัวตนมากขึ้น
“ช่วงที่มีลูกใหม่ๆ ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีกำแพงขึ้นมาว่าอยากชัดเจนกับงานมากขึ้น จริงจังจนทำให้ชีวิตมีแต่งาน เพราะเราอยากเก็บเงินเลี้ยงลูกให้ดี คิดไปว่าลูกจะอายไหมเนี่ยมีกูเป็นพ่อ ถ้ากูไม่เจ๋งมันจะโดนเพื่อนล้อไหม เลยเลือกทำงานหนักๆ เพื่อเป็นพ่อที่ดี
“สรุปยิ่งทำยิ่งดูไม่จริง เหนื่อย จึงตั้งโจทย์กับตัวเองว่า ในเมื่อนิยามตัวว่าเป็นคนทำเพลงเพื่อเล่าเรื่องอะไรสักอย่างแล้ว ทำไมเราไม่เล่าชีวิตตัวเองด้วยล่ะ แบบนั้นคนน่าจะเข้าใจเพลงของเรามากขึ้นนะ สองปีที่แล้วผมจึงเดินออกจากกำแพง เปิดตัวว่าเป็นพ่อคน”
03 พ่อของชัดเจน
เพลง ชัดเจน ของแม็กซ์ที่ปล่อยออกมาเมื่อ 3 ปีก่อน จากที่แฟนคลับมองว่าน่ารักเหมือนมีหนุ่มคอยเทกแคร์ พอวันนี้กดไปฟังอีกรอบหลังจากได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของเขามาบ้าง…เพลงนี้จึงทำงานได้ดีกว่าเดิม และกลายเป็นเพลงแห่งความอบอุ่นประจำตัวเด็กน้อยชื่อเดียวกับเพลง
“‘เหนื่อยก็รีบนอน ไม่ต้องรีบร้อน พรุ่งนี้ยังเป็นของเรา’ ท่อนนี้เราได้แรงบันดาลใจมาจากวันที่ลูกร้องไห้ไม่หยุด เลยอยากบอกลูกและย้ำเตือนตัวเองไปด้วยว่านอนก่อนเถอะ เหนื่อยก็พักบ้าง ถ้าชัดเจนโตมาแล้วร้องไห้อีก จำไว้นะว่ายังมีพรุ่งนี้ และกูจะอยู่กับมึงเอง อย่างน้อยก็คนหนึ่งแหละ เฮ้ย เท่จัง (หัวเราะ)”
อ่านมาถึงตรงนี้อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าพ่อแม็กซ์เลี้ยงน้องชัดเจนอย่างไร ป้ะ! ไปเปิดตำราแบบฉบับนายณัฐวุฒิกันได้เลย
1. ลูกสอนให้รู้ว่า เป็นพ่อต้องรู้จักขอโทษลูก
“การขอโทษลูกเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้ยินจากปากพ่อแม่ผมหรือผู้ใหญ่รอบตัว ผมเลยขอโทษลูกเป็นประจำ บางครั้งผมทำผิดแต่ลืมขอโทษ ชัดเจนก็ท้วงขึ้นมาได้เลยว่าทำไมพ่อไม่ยอมขอโทษ
“มีอยู่ครั้งหนึ่งเราดุลูกที่กลับบ้านช้ามาสี่สิบนาที ว่าถ้าคราวหลังทำอีกจะให้ป๊าทำยังไง เขาตอบกลับมาว่าชัดเจนคุยกับแม่แล้วว่ากลับมาตอนนี้ได้ เราก็เจื่อนเลย ไปดุลูกโดยที่ลูกเขาตกลงกับแม่ไว้แล้ว (หัวเราะ) ก็ต้องขอโทษเขาเลยครับ บทเรียนนี้สอนให้ผมรู้จักยืดหยุ่นต่อความเป็นคน”
ในความคิดของแม็กซ์ การที่พ่อแม่ขอโทษลูกจะส่งผลดีต่อเด็ก ทำให้เด็กเติบโตมาแล้วรู้ว่าสถานการณ์ไหนที่เขาต้องเป็นฝ่ายขอโทษ อย่างว่าถ้าพ่อแม่ไม่รู้จักขอโทษให้ลูกเห็น แล้วลูกจะอยากขอโทษคนอื่นได้อย่างไร
2. ลูกสอนให้รู้ว่า การใช้เวลาร่วมกันส่งผลต่อพัฒนาการเด็ก
“จะว่าผมทดแทนสิ่งที่ผมไม่ได้รับจากครอบครัวตัวเองก็ได้นะ เพราะผมแทบจะไม่มีกิจกรรมอะไรกับที่บ้านเลย พอมีลูก จึงตั้งใจอยากอยู่กับเขาเยอะๆ โดยไม่จ้างพี่เลี้ยง อย่างกิจกรรมที่ทำกับเขาเป็นประจำจะมีเล่นกีตาร์ ตีกลอง ร้องเพลง หรือแต่งเพลง ซึ่งบางครั้งเขาก็มานั่งช่วยผมเขียนเพลงเลย พอผมไม่เอาคำที่เขาใช้เขาก็จะงอน น่ารักดี
“แล้วก็ชอบอาบน้ำและนอนด้วยกันครับ ยังกลัวอยู่ว่ากูต้องอาบน้ำกับมึงไปถึงเมื่อไหร่ เขาบอกว่าจะนอนกับพ่อไปจนอายุสามสิบ แหม เอาให้จริงนะชัดเจน (หัวเราะ)”
กิจกรรมพ่อลูกสำคัญต่อพัฒนาการเด็กมาก แม็กซ์ว่ามาแบบนั้น และเสริมขึ้นว่าการได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ย่อมดีกว่าสอนเพียงปากเปล่า ที่สำคัญ เขามองคำว่าครอบครัวเปลี่ยนไปจากเดิม จากเติบโตมากับครอบครัวใหญ่แบบคนจีน เมื่อสวมบทพ่อจริงจัง เขากลับอินกับครอบครัวเล็กๆ ที่มีแค่พ่อ แม่ ลูก เป็นพอ จึงแยกบ้านออกมาเพื่อให้ลูกไม่ได้รับคำสอนแบบที่เขาไม่ชอบ
3. ลูกสอนให้รู้ว่า เป็นพ่อต้องช่างสังเกตและเรียนรู้ลูกด้วยความใจกว้าง
“ผมไม่อยากเป็นโรลโมเดลให้เขาทำตามทุกอย่างที่ผมบอก แต่อยากเป็นหน้าหนังสือที่ให้เขาเรียนรู้และตั้งคำถามได้ว่า ป๊าทำงี้แม่งไม่เวิร์ก หรือชัดเจนไม่ชอบแบบที่ป๊าบอกได้ไหม อย่างถ้าไปกินข้าวแล้วเขาบ่นร้อน ผมก็จะไม่ท้วงเขาแล้วว่าบ่นทำไม เพราะกูก็ยังบ่นเลย แค่ให้แง่คิดเขาว่าบางครั้งร้านอาหารอร่อยๆ มันก็ไม่ได้อยู่แค่ในห้างฯ นะ
“หรืออีกกิจกรรมที่ชอบทำกับลูกมาก คืออ่านหนังสือและดูหนังกัน ซึ่งผมก็จะเปิดกว้างเขามากๆ และคอยสังเกตเขาว่าจริงๆ เขาชอบอะไรกันแน่ อย่างตอนนี้เขาอินหนังซูเปอร์ฮีโร่มาก เราก็ให้ดูไปเลยทั้งจากค่าย Marvel และ DC ปรากฏว่าเขาชอบพล็อตดาร์กๆ จิตๆ หลอนๆ จาก DC มากกว่า ซึ่งเหมือนผมมากจนตกใจ และล่าสุดผมพาไปดูหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ Raya and the Last Dragon หรือเมื่อก่อนก็พาไปดู Elsa จาก Frozen แล้วเขาชอบมาก ซึ่งผมจะไม่ปิดกั้นความชอบอะไรเขาเลย”
4. ลูกสอนให้รู้ว่า มนุษย์ทุกคนเท่ากัน
“ลูกมีสิทธิ์ว่าผม ผมมีสิทธิ์ว่าเขา แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องหันหน้าฟังกัน ถ้าเขาไม่มีสิทธิ์ว่าผมเลยเพราะเขาเป็นเด็ก แต่ผมกลับมีสิทธิ์ว่าเขาเพราะเป็นผู้ใหญ่ นั่นเท่ากับว่าเราไม่เท่าเทียมกัน เขาจะค้านในใจแน่นอน ซึ่งสิ่งที่ผมอยากให้ลูกเป็นคือกล้าตั้งคำถามและกล้าพูด
“ผมอยากให้เขาเห็นความเทาของมนุษย์ด้วยว่าไม่มีใครเป็นคนดีได้แบบสุดโต่ง อย่างตัวละครในหนังที่เขาดู เราก็จะสอนเขาว่าบางคนอาจไม่ได้ร้ายไปตลอด บางคนเขาอาจจะเคยเป็นคนดีมาก่อนแต่กลายมาเป็นร้าย หรือบางครั้งเป็นคนร้ายอาจจะกลับไปเป็นดีก็ได้ในอนาคต
“ตัวผมเองก็ไม่ได้ดีไปทั้งหมด ผมยังสูบบุหรี่ จนลูกบ่นว่าเมื่อไหร่พ่อจะเลิก ซึ่งแบบนี้ถ้าผมห้ามเขาสูบบุหรี่ตอนโต เขาก็คงไม่เชื่ออะไรเลย หรือการใช้คำหยาบเอง ผมให้เขาได้ยินเลยจากกลุ่มเพื่อนผม กู มึง ไอ้เหี้ย (หัวเราะ) เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนในสังคมพูดคำหยาบเป็นปกติ แต่จะย้ำเขาเสมอว่าจะไปพูดกับคนไม่รู้จักไม่ได้นะ ต้องรู้จักกาลเทศะ
“และสอนให้เขารู้จักความหลากหลายของคน อย่างผมชอบกินน้ำอัดลมและแฮมเบอร์เกอร์ ส่วนแม่เขาชอบกินน้ำเปล่าและอาหารเพื่อสุขภาพ แต่เราก็อยู่ด้วยกันได้ ชีวิตมันไม่ได้มีทางเลือกเดียว ถึงลูกจะชอบเตือนผมว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพก็เถอะ”
04 อยากให้ลูกชัดเจน
และข้อสุดท้าย ลูกสอนให้แม็กซ์รู้ว่า โตไปไม่ต้องทดแทนบุญคุณพ่อหรอก
“อย่างที่ผมบอกมาทั้งหมดว่าผมสอนลูกให้มองทุกคนเท่ากัน เราคงไปสอนเด็กอนุบาลเรื่องสิทธิมนุษยชนจ๋าๆ เลยเขาคงไม่เข้าใจ แต่เราจะสอนเขาผ่านการเลี้ยงดูแบบเนียนๆ ไป ครั้งหนึ่งกลางโต๊ะอาหาร ผม ภรรยา และลูก นั่งล้อมวงกัน ผมพูดขึ้นมาว่า ที่ป๊าทำดีด้วยสารพัด ไม่ต้องคิดนะว่าทำเพื่อหวังอะไรอะ ฉันอยากทำเอง อยากมีโมเมนต์นี้เฉยๆ (หัวเราะ) แค่อยากอยู่ด้วยกัน
“ไม่ต้องมาบอกเลยนะว่าถ้าป๊าอยากให้เรียนอะไรหรืออยากให้ชัดเจนเป็นแบบไหน ชัดเจนจะเป็นให้ ไม่ต้องเลย ชัดเจนอยากเป็นอะไรก็ได้ เราอยู่ด้วยกัน เราต้องถกเถียงกันได้ แก่ไป ชัดเจนก็ไม่ต้องเลี้ยงป๊า ป๊าดูแลตัวเองได้ เราไม่มีหนี้ติดค้างกัน ป๊าหวังแค่ได้ใช้เงินเที่ยวรอบโลกกับภรรยา และวันไหนชัดเจนอยากชวนป๊าไปเที่ยว ป๊าก็จะไปและดีใจมาก
“ถ้าลูกไม่อยากให้เราเสียใจจริงๆ จะต้องไม่ใช่เรื่องตอบแทนบุญคุณ แต่คือมึงอย่าไปแทงคนอื่น ไปทำร้ายคนอื่น เออ อันนี้กูเสียใจ”
วิชาสอนน้องชัดเจนของ แม็กซ์-ณัฐวุฒิ เจนมานะ ไม่ได้มีบทนำ บทกลาง บทจบตายตัว แต่เขาพร้อมเรียนรู้และรู้จักลูกให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน ตามสถานการณ์และจังหวะเวลาตรงหน้ามากกว่าหยิบยื่นความคิดของตัวเองใส่ให้ลูก
“นี่ถ้าชัดเจนอายุสิบห้าจะแสบและแก่นเซี้ยวเหมือนพ่อไหมนะ”
ยังไม่จบ! ขอพื้นที่ไทอินสักครู่
นอกจากแม็กซ์จะถูกคนเรียกว่าแด๊ดดี้ เพราะมีลูกเป็นแมว (ซันจิ) มีลูกเป็นคน (ชัดเจน) เขายังมีลูกคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่นานชื่อ FreqOut Entertainment โปรดักชันเฮาส์ที่รับทำทั้งภาพ เสียง อัดเพลง จัดอีเวนต์ ร่วมกับก๊วนผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เพลงในแวดวงดนตรี ซึ่งอยากทำงานสร้างสรรค์ที่ไม่มีใครมาหยุด! โดยไม่มีอะไรกั้นได้
Writer
พัชญ์สิตา ไพบูลย์ศิริ
Photographer
