‘ความยั่งยืน’ ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดสำหรับกลุ่มคนทำงานด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เพราะปัจจุบันฝั่งธุรกิจมีสินค้า บริการ และนวัตกรรมมากมายที่เกิดขึ้นจากความใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีจุดยืนที่อยากสร้างความยั่งยืนให้โลกของเรา
‘สยามพารากอน’ มองเห็นความสำคัญเรื่องนี้ และอยากส่งเสริมให้ความยั่งยืนกลายเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอนาคตของเมือง จึงริเริ่มด้วยการเป็นผู้นำในการสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายผ่าน ‘NEXTOPIA’ แม่แบบความร่วมมือของกลุ่มธุรกิจและพันธมิตรในเรื่องของความยั่งยืนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในการเป็นเมืองต้นแบบแห่งโลกอนาคต ที่จะเป็นพื้นที่ต้อนรับทุกคนให้มาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ดีไปด้วยกัน โดยผสมผสานความสร้างสรรค์และนวัตกรรมความยั่งยืนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คน เพื่อแสดงให้เห็นว่าการรักษ์โลกไม่ใช่เรื่องยากและไกลตัว
นอกจากนี้ยังมี NEXTOPIA World on ONESIAM SuperApp เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทุกคนสามารถเข้าไปรับข่าวสาร เรื่องราว และกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายใน NEXTOPIA นี้ได้ รวมไปถึงยังสามารถสะสม Green Coin เพื่อสิทธิประโยชน์มากมายอีกด้วย
คอลัมน์ Sgreen ขอพาผู้อ่านไปทัวร์ภายในเมืองต้นแบบแห่งโลกอนาคตแห่งนี้แบบละเอียดๆ กัน ตั้งแต่แนวคิดการออกแบบ นวัตกรรมการจัดการพลังงาน ไปจนถึงสินค้าและบริการที่ชวนให้เราสนิทกับความยั่งยืนมากขึ้นที่ NEXTOPIA
ศูนย์รวมคอมมูนิตี้แห่งความยั่งยืน

NEXTOPIA ไม่ได้เป็นแค่พื้นที่ใหม่ในสยามพารากอนเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองต้นแบบแห่งโลกอนาคตบนพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด ‘Co-creating Communities for a Better World’ จากการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันขับเคลื่อนความยั่งยืนในมิติต่างๆ ที่รวมทั้งสุดยอดนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และความยั่งยืนไว้อย่างครบวงจร
การร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้ผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ NEXTOPIA ไม่ว่าจะเป็นส่วนร้านค้า ร้านอาหาร หรือเพียงแค่แวะเข้ามาเดินเล่นก็เข้าใจได้ว่า ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมนอกจากจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว ยังเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย เพราะไม่ว่าหันไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มีเรื่องของความยั่งยืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น
สร้างบรรยากาศสุดล้ำด้วยการผสมผสานธรรมชาติกับศิลปะ

แค่ก้าวเท้าขึ้นมาบนชั้น 5 เราจะเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความยั่งยืนกับองค์ประกอบที่สวยงามของพื้นที่ภายใน NEXTOPIA
โดยเฉพาะการผสมผสานเข้ากับศิลปะและสถาปัตยกรรม ยกตัวอย่าง The Ocean Canopy งานศิลปะจากขยะทะเลที่นำมารีไซเคิลให้มีคุณค่าอีกครั้ง พร้อมกับสร้างรายได้ให้ชุมชนชาวประมงในท้องถิ่น หรือดอกไม้ประดับที่เป็นของตกแต่งเหลือใช้จากงานอื่นๆ ที่เก็บเอาไว้ก็นำออกมาใช้งานอีกครั้ง เพื่อสร้างบรรยากาศให้สดชื่น เพิ่มความน่ามองให้พื้นที่
และอีกหนึ่งไฮไลต์ของ NEXTOPIA ที่จะเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่อย่าง The Spiral บันไดโถงเชื่อมพื้นที่ ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิด Nature Inspired เชื่อมโยงมนุษย์กับธรรมชาติอย่างมีศิลปะ
ประหยัดพลังงานด้วยนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

นอกจากการใส่รายละเอียดแห่งความยั่งยืนให้กลมกลืนกับบรรยากาศภายในพื้นที่แล้ว กิจกรรมต่างๆ ภายในดินแดนอนาคตแห่งนี้ก็มีการใช้นวัตกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย
ยกตัวอย่าง บนทางเดินเราจะเห็น The Kinetic Floor (พื้นผลิตพลังงาน) อยู่ตามทาง มีลักษณะเป็นวงกลม เชิญชวนให้ทุกคนเดินผ่านหรือเข้าไปกระโดดอยู่ด้านใน โดยพื้นที่บริเวณนี้เป็นนวัตกรรมพื้นผลิตพลังงานที่เปลี่ยนพลังงานจลน์จากทุกย่างก้าวให้กลายเป็นไฟฟ้า
นั่นแปลว่ายิ่งเราขยับตัวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างพลังงานให้ดินแดนแห่งนี้มากเท่านั้น เป็นการสะท้อนแนวคิดว่า ทุกคนสามารถสร้างพลังงานสะอาดได้ง่ายๆ ในทุกการก้าวเดิน
นอกจากพื้นที่เหยียบแล้ว ถ้าเงยหน้าไปด้านบนเราจะได้พบกับโซลาร์รูฟขนาดใหญ่เหนือพื้นที่โครงการ โดยเป็นการออกแบบเพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานสะอาด ช่วงกลางวันพื้นที่นี้จะสว่างจากแสงธรรมชาติด้านนอก ส่วนตอนกลางคืนจะใช้พลังงานที่ได้มาจากการกักเก็บผ่านโซลาร์รูฟ
การออกแบบที่ทั้งสวยงามและยั่งยืนนี้ยังรวมไปถึงห้องน้ำภายในโครงการที่ให้ความสำคัญเรื่องการลดใช้น้ำผ่านการใช้ Smart Toilet ที่มีระบบจัดการน้ำอัจฉริยะในอาคาร เพื่อนำน้ำใช้แล้วไปบำบัดแล้วนำกลับมาใช้อีกครั้งสำหรับการกดชักโครก

อีกหนึ่งสิ่งที่เราจะสัมผัสได้เมื่อเข้าไปใน NEXTOPIA คืออากาศเย็นๆ ที่อยู่รอบตัว ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศเท่านั้น แต่เป็นนวัตกรรม Floor Radiant Cooling ที่ใช้กลไกการถ่ายเทความร้อนจากร่างกายของผู้คน หรือถ้าอธิบายให้เห็นภาพคือ เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นแต่พื้นที่ที่ยืนอยู่มีอุณหภูมิต่ำกว่า พื้นจะทำหน้าที่ดูดซับความร้อนจากร่างกายและแผ่ความเย็นกลับคืนโดยตรง โดยภายใต้พื้นนั้นได้ติดตั้งฝังท่อน้ำเย็นอุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส เพื่อคงอุณหภูมิผิวพื้นไว้ที่ 21 – 22 องศาเซลเซียส
รวมไปถึงความเย็นจาก The Cooling Waterfall น้ำตกความสูง 16 เมตรที่ควบคุมอุณหภูมิของน้ำไว้ที่ 15 องศาเซลเซียส สำหรับการสร้าง Radiant Cooling หรือการแผ่ความเย็นไปยังบริบทโดยรอบอย่างเป็นธรรมชาติ โดยปราศจากความชื้นส่วนเกินแก่อาคาร โดยพลังความเย็นที่กระจายตัวออกจากน้ำจะมอบความเย็นสบายแก่ผู้มาเยือน ช่วยลดภาระของเครื่องปรับอากาศ ประหยัดพลังงานไฟฟ้าและน้ำ
อากาศเย็นอย่างเดียวไม่พอ ที่นี่ยังมีอากาศบริสุทธิ์จากนวัตกรรมระบบปรับอากาศแบบ Displacement Air System (DAS) ร่วมกับ Dedicated Outdoor Air System (DOAS) ที่จะจ่ายอากาศบริสุทธิ์ตรงสู่ผู้ใช้งาน โดยจะเป็นอากาศที่เย็น แห้ง และอุดมด้วยออกซิเจน ช่วยสร้างความสบายตัว ลดการใช้พลังงาน และปกป้องผู้คนจากมลภาวะเมือง
การออกแบบทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนใน NEXTOPIA เท่านั้น แต่ยังทำให้เห็นถึงความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม จากการลดการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งเดิมอย่างเป็นรูปธรรม ตอกย้ำว่านวัตกรรมด้านพลังงานคือกุญแจสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนกว่าเดิม
สวนกินได้ในศูนย์การค้าใจกลางเมือง

ความมั่นคงทางอาหารเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่อยู่ภายใต้ความยั่งยืน ที่นี่จึงจัดเตรียมพื้นที่ที่เชิญชวนให้ทุกคนมาปลูกผัก เก็บผัก และกินผักที่ปลูกเองได้ในศูนย์การค้า
นับว่าเป็นครั้งแรกกับ DISTAR FRESH ซึ่งเป็น The Vertical Farming แพลตฟอร์มเกษตรสมัยใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง NEXTOPIA และ Distar ที่นำเทคโนโลยีการปลูกผักแนวตั้งของเกษตรกรไทยมาไว้ในย่านใจกลางเมือง เพื่อให้คนเมืองได้สัมผัสกับการลงมือปลูกผักด้วยตัวเอง ซึ่งผักทั้งหมดในแปลงปลูกนี้สามารถนำกลับบ้านหรือให้ร้านอาหารภายใน NEXTOPIA ประกอบอาหารให้ก็ได้ มั่นใจได้ว่าผักเหล่านี้สะอาดและปลอดสารเคมีแน่นอน
ลูกโลกยักษ์รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อม

และนวัตกรรมไฮไลต์ที่สร้างความสะดุดตา ไม่ว่าอยู่มุมไหนของ NEXTOPIA ก็ต้องมองเห็นลูกโลกยักษ์ The Globe : World Sustainable Reflection and Global Phenomena จอ LED ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
เจ้าสิ่งนี้ทำหน้าที่แสดงข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น สภาพภูมิอากาศหรือเหตุการณ์ธรรมชาติแบบเรียลไทม์จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) รายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในมิติต่างๆ รวมถึงรายงานผลลัพธ์จากทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นใน NEXTOPIA เช่น ผลดัชนีของการก้าวบน The Kinetic Floor ที่สร้างการมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งพลังเล็กๆ ในการสร้างโลกที่ดีขึ้น เป็นต้น
ความยั่งยืนและไลฟ์สไตล์ที่หลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกันได้

ดินแดนอนาคตแห่งนี้เกิดขึ้นเพื่อบอกว่า ไม่ได้มีแค่นวัตกรรมเท่านั้นที่จะส่งเสริมและแสดงออกถึงความยั่งยืนได้ แต่การใช้ชีวิตประจำวันของเราก็สามารถหลอมรวมเข้ากับความยั่งยืนได้เช่นกัน
เห็นได้จากร้านอาหารและคาเฟ่ในโซนของ NEXTOPIA ซึ่งล้วนเป็นร้านที่ได้รับการคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นร้านที่ยึดหลัก Sustainability และพร้อมเป็นครัวสีเขียวแห่งอนาคต โดยมีจุดยืนที่รับผิดชอบต่อโลก ลดขยะและ Food Waste ด้วยการคัดแยกและจัดการอย่างถูกต้อง มุ่งสู่เป้าหมายลดขยะฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) ใช้พลังงานปลอดภัย ปรุงเมนูสุขภาพจากวัตถุดิบสดใหม่ และสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกโซนที่เชื่อมกันที่ชั้น 4 อย่าง NEXTOPIA, Eatalier โซนร้านกินดื่มที่ผสานศิลปะ ดนตรี แฟชั่น และวัฒนธรรมการกินเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการเปิดประสบการณ์การกินดื่มให้กลายเป็น ‘Eat-Drink-Chill Hub’ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการจนถึงเที่ยงคืน สร้างความมีชีวิตชีวาได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน

สายชอปปิงเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความยั่งยืนได้ จากการเลือกใช้สินค้าที่ใส่ใจโลก ซึ่งที่ NEXTOPIA มีพื้นที่ที่รวบรวมและคัดสรรสินค้าสายกรีนจากผู้ประกอบการ SMEs ชุมชน ไปจนถึงแบรนด์ดังทั้งในและนอกประเทศ ภายใต้แนวคิด Co-creating Communities for a Better World ที่ ECOTOPIA
สินค้าและนวัตกรรมยั่งยืนทั้งหมดที่วางขายที่นี่แบ่งเป็น 8 หมวด ได้แก่ Upcycled, Zero-Waste, Hygienic, Beautiful, Stylish, Kids, Green และ Wellness โดยแต่ละแบรนด์ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นในด้านความสร้างสรรค์ แถมการซื้อสินค้าจากที่นี่ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น (Local Community)
คอมมูนิตี้แห่งโอกาสที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม

NEXTOPIA ยังเชื่อในเรื่องของการสร้างคอมมูนิตี้ ที่ไม่ใช่แค่ด้านความยั่งยืนเท่านั้น แต่รวมไปถึงความหลากหลายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ งานศิลปะ หรือความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness) เองก็ตาม ส่งผลให้โครงการนี้มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนแนวคิดนี้
อย่างในช่วงนี้เราจะได้เจอกับ BUGTOPIA นิทรรศการโดยความร่วมมือกันของ NEXTOPIA และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่จะชวนทุกคนมาใกล้ชิดและเรียนรู้ธรรมชาติ ตั้งแต่วงจรชีวิตไปจนถึงการเป็นอยู่ของแมลง พร้อมกับกิจกรรมต่างๆ เหมาะกับการพาเด็กๆ มาใช้เวลาว่างในช่วงสุดสัปดาห์
หรือในโซน EATELIER บริเวณข้างร้าน Dots Coffee ร้านกาแฟที่มีผู้พิการทางสายตาเป็นพนักงาน ก็มี ARTcycle นิทรรศการแสดงผลงานศิลปะจากเด็กออทิสติก ที่เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้แสดงความสามารถ อีกทั้งยังเป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้ที่ไม่มีใครเห็นคุณค่ามาสร้างสรรค์เป็นผลงาน สร้างความตระหนักรู้ถึงความหมายของการสร้างสรรค์ และมอบโอกาสให้วัตถุต่างๆ กลับมามีชีวิตพร้อมเรื่องเล่าในมุมใหม่ๆ
รองรับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยให้เอนจอยช่วงเวลาดีๆ กับเจ้านาย

ความหลากหลายของ NEXTOPIA ยังรวมไปถึงการเป็นพื้นที่ Pet Welcome ที่เข้าใจว่าการใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องสำคัญของใครหลายคน ที่นี่จึงมีพื้นที่เตรียมพร้อมให้บริการทั้งเจ้านายและสัตว์เลี้ยง
ไม่ว่าจะเป็น Pawtopia ร้านที่รวมแบรนด์คุณภาพและสินค้าน่ารักถูกใจทั้งน้องสัตว์และเจ้าของ Club Pawrents by Arak ที่คัดเลือกสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงคุณภาพดีมาให้เลือกสรร พร้อมทั้งยังมีบริการต่างๆ จากโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ ทีมสัตวแพทย์มืออาชีพ ทั้งฝากเลี้ยง อาบน้ำ ตัดขน ดูแลอย่างครบครัน
ที่สำคัญคือ ที่นี่ยังมี Relief Zone ให้น้องๆ ได้ทำธุระส่วนตัวอย่างสบายใจ โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องคอยเป็นกังวลเรื่องการขับถ่ายแม้จะอยู่ในศูนย์การค้าก็ตาม
จากการไปทัวร์มาทุกซอกทุกมุม เราเชื่อว่า NEXTOPIA จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ส่งต่อไอเดียดีๆ เพื่อสร้างโลกใหม่และอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการร่วมมือของทุกคนได้อย่างแน่นอน