Atomic Blonde vs John Wick - Urban Creature

เชื่อว่า ณ​ จุดนี้ของแวดวงภาพยนตร์คงมีแฟนหนังคอภาพยนตร์ทั้งขาจริงและขาจรเพียงแค่จำนวนน้อยนิดที่ไม่เคยได้ยินชื่อของผู้กำกับภาพยนตร์สาย “แอ็กชันต่อยตี” หน้าใหม่ (แต่ชื่อเก่าในวงการ) อย่าง เดวิด ลีตช์ กันอย่างแน่นอน

หลายๆ คนคงพอทราบกันดีว่าภาพยนตร์ผลงานกำกับเดี่ยวเรื่องแรกของเดวิด ลีตช์อย่าง Atomic Blonde นั้นลงสนามเปิดตัวในสมรภูมิเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้อย่างเปรี้ยงปร้างและฮอตฮิตจนสามารถเรียกกระแสความนิยม​ในหมู่นักวิจารณ์และผู้เสพภาพยนตร์กลุ่มแมสวงกว้างได้อยู่พอสมควร ทำให้ตัวภาพยนตร์แอ็กชันพลังสายลับหญิงเรื่องนี้เองทะยานกวาดรายได้ที่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจจากการฉายในสหรัฐอเมริกาไปด้วยตัวเลขเหยียบ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขณะที่ยอดฉายรวมทั่วโลกก็ได้ประมาณ 80 ล้านเหรียญฯ) แซงหน้าศิษย์พี่ร่วมสำนักอย่าง John Wick ภาคแรกซึ่งออกฉายไปเมื่อปี 2014 ที่เก็บรายได้ในประเทศราว 43 ล้านเหรียญฯ กันเลยทีเดียว ซึ่งเท่าที่ตามอ่านดูก็น่าจะเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าตื่นเต้น (และพ่วงมาด้วยความกดดัน) สำหรับผู้กำกับเดวิด ลีตช์ ก่อนที่ตัวเขาเองจะก้าวข้ามขั้นไปรับงานสเกลใหญ่ระดับบล็อกบัสเตอร์อย่างเต็มรูปแบบในโปรเจกต์ถัดไปกับภาคต่อของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ปากมอมอย่าง Deadpool 2 ที่เตรียมถูกสตูดิโอฮอลลีวูดจับขึ้นสายพานลำเลียงสู่โรงภาพยนตร์ภายในปี 2018 นี้

เท่าที่เราสังเกตดูรายชื่อของภาพยนตร์ที่ลงโรงฉายในช่วงหลายปีมานี้ เราพอจับจุดได้ว่าภาพยนตร์แอ็กชันสมัยใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องที่ทั้งเหล่านักวิจารณ์และผู้ชมสายแมสนั้นเห็นพ้องต้องกันว่า “ดีงาม” ส่วนใหญ่มักจะเป็นภาพยนตร์แนวแอ็กชันที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนของเรื่องราวอันเข้มข้นน่าติดตาม ผนวกเข้ากับฉากต่อการสู้ของเหล่าตัวละครที่ได้รับการออกแบบมาให้มีความกระชับ ดุดัน สมจริง และมีจังหวะจะโคนรับกับองค์ประกอบศิลป์อันฉูดฉาดต่างๆ ในภาพยนตร์ได้อย่างลงตัวสวยงาม แถมยังสามารถลบภาพ “สุดยอดบุรุษแอ็กชันฆ่าไม่ตาย” ที่ควงหมัดจับปืนเข้าไปซัดกับเหล่าร้ายแบบทื่อๆ ในภาพยนตร์แอ็กชันแบบ “โอลด์สคูล” อย่างที่เราเคยได้รับชมกันมาในอดีตได้อีกด้วย (ถ้านึกไม่ออกก็ลองจินตนาการถึงหน้าอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์หรือบรูซ วิลลิสสมัยพีกๆ ดู)

ด้วยความเร้าใจแบบสดใหม่ดังกล่าว เราเชื่อว่าทั้ง John Wick และ Atomic Blonde ก็น่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาตัวอย่างผลงานที่ยกมาใช้อธิบายคาแรกเตอร์ของภาพยนตร์แอ็กชันสมัยใหม่ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ด้วยตัวเลขรวมรายได้จากการฉายแค่เพียงในสหรัฐอเมริกาของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องที่สูงเสียดเฉียดหลักร้อยล้านเหรียญฯ นี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เดวิด ลีตช์ (รวมถึงแชด สตาเฮลสกี คู่หูผู้ร่วมทำคลอดแฟรนไชส์ภาพยนตร์ John Wick สู่สายตาชาวโลก) นั้นมีส่วนสำคัญในการสร้างแนวทางใหม่ให้กับภาพยนตร์แนวแอ็กชัน

ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์แอ็กชันแนวใหม่แล้ว องค์ประกอบสำคัญอย่างแรกที่เรานึกถึงคงหนีไม่พ้นร่างกายที่แข็งแกร่งฟิตเฟิร์มพร้อมลุยของเหล่าทัพนักแสดง (นักแสดงในที่นี้หมายถึงทั้งนักแสดงหลักและนักแสดงสตันท์) เพราะถ้าปราศจากการเตรียมร่างกายให้พร้อมแล้วนั้น การเข้าฉากแอ็กชันที่เร็วแรง ดุเดือด อาจจะถูกนำเสนอออกมาได้อย่างไม่สมจริง และที่สำคัญคือเหล่านักแสดงอาจจะประสบปัญหาบาดเจ็บระหว่างการถ่ายทำได้ ด้วยเหตุนี้ความพร้อมของร่างกายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับภาพยนตร์แอ็กชั่น อย่างที่ชาร์ลิส เธรอน ดารานักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ต้องทำการบ้านอย่างหนัก (ก่อนเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ) เพื่อมารับบทเป็นเจ้าหน้าที่สายลับหญิงลอร์เรน โบรห์ตันใน Atomic Blonde ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันหนักๆ เน้นๆ หลายฉากด้วยกันในภาพยนตร์ (เท่าที่ทราบมาตัวชาร์ลิสเองเป็นคนเล่นฉากต่อสู้เองทั้งหมด) ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมถึงฉากแอ็กชันต่อสู้ด้วยมือเปล่าแบบลองเทกที่มีความยาวเกือบสิบนาทีอีกด้วย

โดยระหว่างโปรโมตภาพยนตร์นั้น ตัวชาร์ลิส เธรอนเองก็เคยออกสื่อให้สัมภาษณ์อธิบายถึงขั้นตอนการเตรียมพร้อมของเธอสำหรับภาพยนตร์แอ็กชันชิ้นล่าสุดนี้ไว้ว่าก่อนจะเปิดกล้องถ่ายทำ Atomic Blonde ตัวเธอต้องใช้เวลาอยู่ในโรงยิมเพื่อฝึกหนักวันละสี่ชั่วโมงเป็นเวลายาวนานเกือบสามเดือนด้วยกัน ร่วมกับเทรนเนอร์ฉากสตันท์อีกแปดชีวิตเพื่อให้ตัวเธอเองคุ้นเคยกับลีลาของการต่อสู้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งก็ทำให้เธอสามารถถ่ายทอดบทบาทของสายลับสาวผู้ชำนาญด้านการต่อสู้ด้วยมือเปล่าออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างที่หลายคนต้องอ้าปากค้าง (และแอบร้องซี๊ดอูยอยู่ในใจ) ในความสมจริงและระทึกใจของฉากแอ็กชั่นสตันท์ทั้งหลายทั้งปวงในภาพยนตร์เรื่องนี้

นอกจากนั้นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้สำหรับภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องของเดวิด ลิตช์นั้นคือฉากแอ็กชันต่อสู้ซึ่งผ่านการออกแบบลีลามาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เช่นเดียวกับฉากต่อสู้ด้วยปืนอันสุดเร้าระทึกของนักบู๊ฝ่ายชายอย่างจอห์น วิค (รับบทโดยคีอานู รีฟ) ฉากต่อสู้ด้วยมือเปล่าของสายลับหญิงลอร์เรน โบรห์ตันใน Atomic Blonde นั้นก็ได้ผ่านการคิดคำนวณมาแล้ว โดยเราจะเห็นได้ว่าเนื่องจากตัวละครเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพศหญิงซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วขีดจำกัดหรือความสามารถในการต่อสู้ของร่างกายผู้หญิงนั้นจะมีน้อยกว่าผู้ชาย ดังนั้นด้วยเหตุนี้เองในภาพยนตร์เราจะเห็นว่าสายลับโบรห์ตันต้องใช้การเคลื่อนไหวในการต่อสู้มากกว่าคู่ต่อสู้ (ที่เป็นผู้ชายทั้งหลาย) ซึ่งนั่นทำให้ชั้นเชิงการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของตัวละครเอกหญิงที่ผู้กำกับเลือกนำเสนอออกมานั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นการพยายามต่อยซ้ำหรือเตะย้ำที่จุดเดิม รวมถึงการใช้อุปกรณ์บ้านๆ ทั่วไปที่เธอหาได้รอบตัวในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อหยุดยั้งและจัดการกับเหล่าวายร้ายคู่ต่อสู้ บวกเข้ากับความ “คูล” ของการใช้มุมกล้องสุดล้ำ การตัดต่อที่กระชับ การจัดแสงอันฉูดฉาดสวยงาม รวมถึงดนตรีประกอบสุดเท่ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบทเพลงป็อบคุ้นหูแห่งยุค 80) ในฉากแอ็กชันต่างๆ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นฉีกขนบของภาพยนตร์แอ็กชันแบบเดิมๆ แล้วสร้างรูปแบบใหม่ของภาพยนตร์แอ็กชันสุดมันออกมาอย่างที่เราได้เห็นกันบนจอภาพยนตร์

ด้วยรายละเอียดยิบย่อยในฉากแอ็กชันเหล่านี้เองที่ช่วยทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึก “จริง” ร่วมไปกับเรื่องราวในภาพยนตร์และเอาใจช่วยให้ตัวละครสายลับลอร์เรน โบรห์ตันปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงรวมถึงเอาตัวรอดไปได้ แถมยังส่งให้นักแสดงสาววัย 42 ปีอย่างชาร์ลิส เธรอนก้าวขึ้นมาเป็นเป็นอีกหนึ่งแอ็กชันสตาร์แนวหน้าของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดในปัจจุบัน หลังจากที่เคยรับบทบาทแนวเดียวกันกับบทยอดหญิงแดนเถื่อนจาก Mad Max: Fury Road ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์สุดฮิตประจำปี 2015 ของผู้กำกับสุดเก๋าจอร์จ มิลเลอร์มาแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามฉากแอ็กชันสุดเร้าระทึกสมจริงในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นผลลัพธ์จากความทุ่มเทของเหล่าทีมงานและนักแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักแสดงนำหญิงระดับคุณภาพอย่างชาร์ลิส เธรอน ว่ากันว่าระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Atomic Blonde นี้นั้น เธอต้องประสบปัญหาจากอาการบาดเจ็บรบกวนมากมาย ทั้งเข่าบิด ซี่โครงช้ำ หรือแม้แต่ฟันกรามแตกถึงสองซี่ (เพราะเธอกัดฟันแรงเกินไประหว่างแสดงฉากสตันท์) กันเลยทีเดียว นี่ขนาดระดับมือโปรที่เตรียมตัวซ้อมร่างกายมาอย่างดียังมีพลาดพลั้งเจ็บตัวกันไป เอาเป็นว่าผู้อ่านมิตรรักตาสีตาสาทั้งหลายก็พยายามอย่าเลียนแบบฉากแอ็กชันในภาพยนตร์เอาเองที่บ้านแล้วกัน เราขอฝากทิ้งท้ายไว้ด้วยความหวังดี


Photo Credits :
FSR
CNET
Mountain Xpress
Frame of Mind

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.