“ให้เธอคิดสักนิดนึง ในวันที่เรานับหนึ่ง ยังจำได้ไหมว่าเธอนั้นคือทุกสิ่ง นี่เรากำหลังหมดรักกันจริง ๆ ใช่ไหม”
ท่อนนี้จากเพลง ‘วันที่เรานับหนึ่ง’ ของพี่สิงโตอาจคงติดหูของใครหลายๆ คนไปแล้ว หรืออาจจะฆ่าใครหลายๆ คนได้ ด้วยเพลงจังหวะช้า สะเทือนอารมณ์ ถ่ายทอดเนื้อหาเพื่อเตือนสติคู่รักที่กำลังเผชิญปัญหาในความสัมพันธ์อยู่ ให้ลองคิดถึงวันแรกที่เริ่มรักกัน หรือวันแรกที่เคยนับหนึ่งมาด้วยกันอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะอย่างจะสายเกินไป…..
เพลงเศร้าได้อีก เศร้าไปอีก แต่ Urban Eat ของเปลี่ยนโหมดเศร้าให้กลายเป็นความสุขด้วย อาหารแบบฉบับพี่สิงโต ซึ่งของโปรดคืออาหารอีสาน“สายเนื้อรสแซ่บ” เราเลยชวนพี่สิงโตมานั่งคุยแบบกันเอง โชว์ร้านอาหารอีสานสุดนัวในดวงใจ
เริ่มกินเนื้อวัวตั้งแต่เด็ก งานบุญเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อกับเขา
พี่สิงโต บอกว่าจริงๆ แล้วตนเองเริ่มกินเนื้อวัวตั้งแต่เด็ก ช่วงอายุประมาณ 7-8 ขวบ เป็นช่วงเด็กที่จำความได้บ้างแล้ว ซึ่งเวลาที่จะได้กินเนื้อนั้นต้องมีงานบุญ หรือเทศกาลแถวบ้านก่อน เช่นงานขึ้นบ้านใหม่ งานบวช แน่นอนล่ะว่า เขาก็จะมีเมนูเนื้อวัวนำมาสู่กันกิน หรือแบ่งกันกินบอกบุญให้ทั่วถึงนั่นเอง เรียกง่ายๆ ว่าเป็นเนื้อวัวที่ได้มากินแบบฟรีๆ ลาภปากไปได้หนึ่งมื้อ
“เริ่มจากงานบุญที่บ้านมีงานบุญขึ้นบ้านใหม่ งานบวช เขาเอาเนื้อมาให้กินก็เป็นเนื้อฟรี เลยได้เริ่มกินเนื้อตั้งแต่อายุประมาณ 7-8 ขวบ”
ต้องขอบอกก่อนว่าที่ได้กินฟรีแบบนี้ เนื่องจากพี่สิงโตเป็นเด็กต่างจังหวัด มีพื้นเพเป็นคนอีสานบ้านเกิดอยู่ที่บุรีรัมย์ ทำให้เมนูอาหารอีสานหลายอย่างเข้ามานั่งอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้
เมนูอีสาน ต้องครบเครื่อง ห้ามหวง “ข้าวคั่ว”
เมื่อโตขึ้นมาจะรอแต่งานบุญก็คงไม่ได้แล้ว เนื่องจากตนเองกลายเป็นสาวกเนื้อแซ่บอย่างเต็มตัว โดยเมนูที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้น ลาบ ก้อยคั่ว และเนื้อย่าง แค่ได้ยินชื่อเมนูเย็นนี้ปักหมุดไปกินกับแก๊งค์เพื่อนยังได้เลย ซึ่งพี่สิงโตได้แนะนำมาว่าอาหารอีสานสไตล์นี้ จะอร่อยได้นอกจากเนื้อที่ดีแล้ว ต้องครบเครื่อง
“เนื้อที่ีต้องมีข้าวคั่วเยอะๆ เครื่องต้องถึงจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการกิน บางร้านขี้เหนียวข้าวคั่วก็ไม่ถึงรสเท่าที่ควร”
อย่างเมนูลาบหรือก้อย จานนี้จะหอมยั่วน้ำลายแค่ไหน ข้าวคั่วต้องจัดเต็ม บางร้านถ้าหวงเครื่อง เมนูที่ว่าทำง่ายอาจจะไม่อร่อยก็ได้ ดังนั้นพี่สิงโตจึงคิดว่า “ข้าวคั่ว” เป็นตัวชูโรงการทำเนื้อในเมนูของอีสาน ช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินให้มากขึ้นนั่นเอง
ตามไปกิน ‘ร้านบ้านอีสานเมืองยศ’ เมนูอีสานสุดโปรดของสิงโต
เป็นศิลปินต้องติดหรูตลอด คงต้องตัดภาพนี้ออกจากหัวไปสักแปปหนึ่ง เพราะร้านอาหารอีสานสุดแซ่บที่เข้ามายืนหนึ่งในใจพี่สิงโต ที่ใครๆ ก็สามารถไปลิ้มลองได้ในราคาสบายกระเป๋า ต้องยกให้ ‘ร้านบ้านอีสานเมืองยศ’ ซึ่งพี่สิงโตคอนเฟิร์มว่า ‘แซ่บถึงทรวงทุกเมนู’ ตั้งแต่ส้มตำ ลุยกับปลาร้าสุดนัว ยัน ‘ลาบก้อยข้าวคั่ว’ เรียกว่ายกทัพเครื่องปรุงมาเต็ม รวมถึงเมนูย่างหรือลวกจิ้มแจ่ว ก็แซ่บสุดสะเด็ด
ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 31 เป็นร้านสำหรับนั่งกินดื่ม แซ่บแบบบ้านๆ สไตล์กลางเมือง ที่ไม่ใกล้ไม่ไกล หากเข้ามาทางถนนสุขุมวิทเข้าไปอีกประมาณ 400-500 เมตร ก็ถึงแล้ว แม้จะเป็นร้านกระจกติดแอร์ จนบางคนกลัวว่าจะไม่ได้รสชาติบ้านๆ แต่กลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะอาหารที่นี่สไตล์บ้านๆ แซ่บ นัวถึงใจ ! ทำเอาลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติติดใจกันเป็นแถว
และเมนูที่พลาดไม่ได้เลยเวลาไปร้าน จำเป็นต้องสั่งคือ โซนของย่าง ไม่ว่าจะเป็น ‘เนื้อย่าง’ ‘เสือร้องไห้’ ‘คอหมูย่าง’ ที่ทางพ่อครัวแม่ครัวจะย่างเกรียมแบบพอดี ทำให้รู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำ หรือแม้แต่ ‘น่องลายลวกจิ้มแจ่ว’ ที่นุ่มฟินลิ้น นอกจากนี้ ยังมีเมนูอีกมกมาย ตอนสั่งต้องใจเย็นสักหน่อย เพราะเยอะจนลายตาไปหมดหากหอบหิ้วท้องที่หิวโซไปด้วย
นอกจากร้านที่เราบอกเพื่อนๆ ไปแล้ว พี่สิงโตยังมีร้านในดวงใจอีกคือแถวซอยพัฒนาการ 20 ซึ่งร้านจะตั้งอยู่ติดริมถนนเลย นับว่าเป็นร้านขวัญใจของคนขับแท็กซี่ก็ว่าได้ ‘ลูกโดด’ หรือ พริก เคี้ยวสดๆ ทั้งเม็ด คือของโปรดเมื่อพี่สิงโตไปร้าน เสมือนเป็นผักเคียงหรือกับแกล้มไปในตัว ช่วยให้การรับประทานอาหารมื้อนั้นสุดยอด หากวันไหนเหนื่อยล้า เศร้า อ่อนแอ แค่ได้กินอร่อยๆ สักมื้อ ก็ถือว่าเป็นการชาร์ตแบตที่ดีเลยว่าไหม
“เนื้อที่ใช้ได้ข้าวคั่วต้องถึง และต้องมีลูกโดดอย่างพริก รับรองว่าจะทำให้ค่ำคืนของการรับประทานเนื้อนั้นสุดยอดไปเลย”
เมนูม่วนใจ คิดขึ้นกันเองกับแม่
นอกจากเนื้อย่างแล้ว พี่สิงโตยังชอบกินเนื้อแดดเดียวทอดอีกด้วย บวกกับลาบหรือก้อยคั่วที่กินเป็นประจำ ซึ่งเป็นเมนูรสมือคุณแม่ และเมื่อชอบทั้งคู่ เวลาแม่ทำให้กินทีก็ต้องทำทั้งสองเมนู คุณแม่เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาเป็นเมนู ‘ลาบเนื้อแดดเดียว’ ที่นำเนื้อแดดเดียวมาทำเป็นลาบนั่นเอง พร้อมจัดเต็มข้าวคั่วแม่เสมอแบบไม่ยั้งมือ
“แม่เห็นว่าชอบกินลาบและเนื้อแดดเดียว และแม่ก็ขี้เกลียจทำสองเมนู เลยปรับมาเป็นเมนูเดียวกันซะเลย คือเนื้อแดดเดียวย่างคลุกลาบ คือกินเนื้อแดดเดียวแบบลาบนั่นเอง”
มื้อเย็นนี้หรือวันว่างๆ หากใครยังหาร้านลาบก้อย ส้มตำ แบบอีสานแซ่บๆ ไม่ได้ ร้านโปรดของสิงโต ที่แนะนำไปก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ถึงจะไม่ใช่ร้านที่ใหญ่โตมาก บางร้านก็เป็นข้างทางทั่วไป แต่ราคาสบายกระเป๋าอย่างแน่นอน เงินเดือนออกแล้วไปโดนส้มตำกันสักหน่อยไหมล่ะ ?
เมื่อเป็นตัวยงขนาดนี้เราเลยถามพี่สิงโตว่ากินเมนูมากแค่ไหน? ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาก็คือ
“ไม่มาก แค่ 4 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้นเองที่ต้องไปกินให้ได้” (ไหนว่าไม่มากไงพี่ !)