ในยุคที่ศิลปินรุ่นใหม่เกิดขึ้นมากมาย เต็มไปด้วยแพสชันและพลังความคิดสร้างสรรค์ที่เต็มเปี่ยม ในการครีเอทงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และหลุดออกจากกรอบเดิมๆ เพิ่มเติมคือมุมมองต่อผลงานศิลปะที่มีความตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในศิลปินที่หลายคนคุ้นเคยกับลายเส้นและเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์อย่าง ‘ก้องกาน – กันตภณ เมธีกุล’ ชายหนุ่มผู้เปลี่ยนเอา Depression หรือความเศร้าให้กลายเป็นงานอาร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉียบคม แฝงไปด้วยความหมายและสัญลักษณ์จนกลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง และโด่งดังไกลไปถึงนิวยอร์ก
วันนี้ Urban Creature พามารู้จักกับเจ้าของ ‘เทเลพอร์ต’ ทะลุมิติที่จะพาคุณวาร์ปไปในที่ที่พบแต่ความสุขในแบบที่ตัวเราอยากให้เป็น การสนทนาครั้งนี้เปิดประเด็นด้วยคำถามเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของ ‘หลุมดำ’ ซึ่งคุณก้องได้เล่าเรื่องย้อนกลับไปสมัยที่ตัดสินใจก้าวออกจากเซฟโซน ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ถึงนิวยอร์ก
| จุดเริ่มต้นของ ‘เทเลพอร์ต’ ทะลุมิติ
ก้อง : ความคิดนี้เกิดขึ้นช่วงที่เราเคยรู้สึกเครียดตอนที่อยู่ต่างประเทศแรกๆ ทำให้เราอยากหาทางออกให้ชีวิต อยากมีประตูวิเศษที่พาเราไปในชีวิตที่เราอยากไป
“ ถ้าเราสามารถเทเลพอร์ตไปอยู่ในโลกที่ดีขึ้น
หรือโลกที่มีความสุขมากขึ้นก็คงดี”
แต่นอกจากเรื่องของความเครียดจากภาวะคัลเจอร์ช็อกแล้ว จุดเริ่มต้นของงานศิลปะในครั้งนี้ยังมาจากสังคมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยปัญหา ทั้งเรื่องธุรกิจ สิ่งแวดล้อม ปัญหาเรื่องเพศ หรือความไม่เท่าเทียมกันในสังคม จึงเกิดแนวคิดที่ว่า “ถ้าเราสามารถเทเลพอร์ตไปอยู่ในโลกที่ดีขึ้นหรือโลกที่มีความสุขมากขึ้นก็คงดี”
| ‘หลุมดำ’ ซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร
ก้อง : ตอนอยู่นิวยอร์ก ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเอง ทำให้สามารถผลิตงานอาร์ตที่เกิดจากอินเนอร์ของผมจริงๆ ผนวกกับที่นั่นเป็นโลกที่รวมเอาหลายเชื้อชาติมาอยู่ด้วยกัน ทำให้ผมเห็นความแตกต่างทางวัฒนธรรม คนที่นั่นมีสิทธิเสรีภาพมากกว่า และมีอิสระค่อนข้างมากเขาจึงกล้าคิด กล้าทำ กล้าพูด ทั้งเรื่องของ LGBT คนทุกคนมีสิทธิที่ชัดเจนครับ
| จากความหวังความฝันสู่แรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจที่ทำให้คุณก้องกานค้นพบศิลปะในแบบของตัวเองนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความเศร้า ความเหงา และความผิดหวัง เพราะเมื่อต้องไปอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย โดยเฉพาะการเป็นคนเอเชียที่ต้องปรับตัวมากกว่าคนอื่น
ก้อง : เหมือนที่นั่นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนที่ตามหาความฝัน รวมไปถึงตัวเราด้วย แต่บางความฝันมันก็ยากที่จะหาเจอ มันไม่เหมือนที่คิดเอาไว้ เราเลยคิดว่าหลุมดำของเรามันเหมือน Hope เหมือนความหวังที่จะเป็นกำลังใจทุกคนว่าเราจะไปถึงความฝันได้นะ โดยต้องเริ่มจากความหวัง และการไม่ยอมแพ้ก่อน
“ ผมคิดว่างานศิลปะต้องเกิดจากอินเนอร์จริงๆของตัวเรา”
รวมทั้งการไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในที่แปลกใหม่ เพื่อเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก็เป็นส่วนสำคัญในการหาแรงบันดาลใจ และการสร้างงานศิลปะของคุณก้องกาน “ผมคิดว่างานศิลปะต้องเกิดจากอินเนอร์จริงๆ ของตัวเรา”เป็นเหตุผลที่เขามักจะพาตัวเองไปอยู่ในที่ใหม่ๆ พบเจอผู้คน วัฒนธรรม และสังคมที่หลากหลาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจจนเกิดมาเป็นผลงานใหม่ๆ
ก้อง : ผมชอบทำงานกับความเศร้าด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยดีกับตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็ผลิตงานได้ค่อนข้างดีเลย เราชอบวาดรูปที่มันมาแก้ปัญหาของตัวเองด้วย เหมือนเติมเต็มตัวเอง เลยคิดว่าเราจะทำออกมาได้ตอนที่เรารู้สึกเครียดหรือรู้สึกเศร้า เราจะได้งานที่ค่อนข้างมีอินเนอร์ครับ
| ความท้าทายใหม่ๆในการสร้างสรรค์ผลงาน
นอกจากผลงานบนโลกโซเชียลที่เราเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว คุณก้องกานยังได้ครีเอทผลงานในรูปแบบของประติมากรรม และศิลปะการจัดวาง ออกมาให้ได้ชมกันอีกด้วย ที่สำคัญเร็วๆ นี้กำลังจะมีโปรเจ็กต์ใหญ่อย่างนิทรรศการเดี่ยวที่เป็นห้องแสดงศิลปะการจัดวาง งานอาร์ตในรูปแบบของโปรเจกเตอร์ บวกกับศิลปินที่เป็นนักดนตรี เรียกได้ว่าเป็นสื่อผสมที่รวมเอาการจัดวางต่างๆ ที่เปลี่ยนห้องธรรมดา 3 ห้อง ให้เต็มไปด้วยเรื่องราวจากไอเดียของคุณก้องกาน ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน
ก้อง : ผมว่าความท้าทายอยู่ที่เราจะเล่าไอเดียยังไงให้มันแปลกใหม่ และสามารถสื่อสารเนื้อหาที่เราต้องการได้ เพราะมันไม่ได้อยู่แค่ในภาพวาดแล้ว เราสามารถเล่าให้มันกว้างออกมาได้ แต่นี่เราต้องการสร้างบรรยากาศ จำลองโมเมนต์ที่เราเจอไปใส่กับคนที่เข้ามาดู เหมือนคนที่เดินเข้ามาดูได้รู้สึกแทนตัวเราครับ
| เทรนด์ศิลปะในปัจจุบัน
ก้อง : ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเทรนด์ แต่รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนมาเป็นศิลปินกันเยอะ ซึ่งมันดีนะ กรุงเทพฯ มีความตื่นตัวมาก มีงานอาร์ตใหม่ๆ หลายรูปแบบซึ่งน่าสนใจมาก คนเริ่มแสวงหาการแสดงงานอาร์ตในมิติใหม่ๆ มากขึ้น เหมือนบางคนเค้าอาจจะ เพนต์ไม่เป็น เขาก็ไปทำรูปแบบอื่นแทน ทำศิลปะเกี่ยวกับแสง การแสดง หรือดนตรี มันมากกว่าแค่ภาพวาดแล้ว งานศิลปะมันมีมิติให้คนเสพมากขึ้นครับ
| One of a Kind Art ในแบบของก้องกาน
ก้อง : ผมคิดว่าคือศิลปะที่มากกว่าภาพวาดหรือศิลปะบนกระดาษครับ เพราะจริงๆ ศิลปินคนหนึ่งอาจจะฝันหรืออยากเล่าเรื่องที่อยากเล่า แต่ในพื้นที่ที่แปลกประหลาด มันก็น่าสนใจขึ้น เพราะงานเดี๋ยวนี้มีแพลตฟอร์มกว้างมาก
ในมุมมองของก้องกาน มองว่ารูปแบบการสร้างสรรค์งานศิลปะในปัจจุบันมีความหลากหลาย และมีพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ศิลปินได้โชว์ฝีมือ แสดงออกทางความคิด และจินตนาการ ขยายขีดจำกัดและเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบในการดื่มด่ำกับงานศิลปะ ได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจมากขึ้นด้วยเช่นกัน
แคมเปญสุดอาร์ต ! เปลี่ยนฟองเรียบๆ ให้เป็นสเปซสำหรับงานศิลปะ
อีเวนต์สุดอาร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่าง What a Sur-Pint! ก็ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้ครีเอทงานอาร์ตในแบบฉบับของตัวเองลงบนฟองเบียร์ ที่พร้อมสร้างความเซอร์ไพรส์แก่ผู้ดื่ม ด้วยการเปลี่ยนฟองเรียบๆ ให้กลายเป็นสเปซสำหรับครีเอทงานศิลปะหรือข้อความเท่ๆ ที่มีเอกลักษณ์ และความสนุกที่ได้ปล่อยพลังสร้างสรรค์
หากใครที่ไม่อยากพลาดความเอ็กซ์คลูซีฟแบบนี้ สามารถเข้าร่วม One of a Kind Art Competition แคมเปญประกวดงานออกแบบศิลปะบนฟองเบียร์ ได้ที่ www.whatasurpint.com ร่วมครีเอทชิ้นงานที่บ่งบอกถึงความเป็น One of a Kind Art งานอาร์ตในแบบฉบับของคุณ กับคอนเซ็ปต์ ‘A Surprise on Your Pint’ เพื่อลุ้นคัดเลือกเป็นหนึ่งในภาพที่ได้จัดแสดง และได้เข้าร่วมไปสัมผัสความเซอร์ไพรส์ในงาน รวมถึงลุ้นรางวัลชนะเลิศอีก 1 ต่อ เป็นตั๋วเครื่องบินไปเสพงานอาร์ตที่สิงคโปร์เลยทีเดียว
อย่าพลาดอีเวนต์สุดอาร์ตที่จะมาสร้างความเซอร์ไพรส์ ในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ณ Number 1 Gallery สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB และ IG Hoegaarden.asia และ www.whatasurpint.com
#WhataSurPint #Hoegaarden