แปลงโฉม ‘ป่าช้า’ ให้คนอยู่ได้ใช้พื้นที่ - Urban Creature

เรื่องเล่าตำนานหลอนคอยส่งทอดกันปากต่อปาก ที่เขย่าโสตประสาทให้จินตนาการไปร้อยแปดพันเก้าถึง ‘ป่าช้า’ ที่เล่นเอาคนฟังต้องขนลุกซู่ เพราะกลัวกุ๊กกุ๊กกู๋จะโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋! 

เมื่อการทิ้งศพ เผาศพ และฝังศพ คือฟังก์ชันของป่าช้าที่ถูกแช่แข็งมานานหลายร้อยปี บางที่ถูกทิ้งให้รกร้าง บางแห่งเป็นถนนตัดผ่าน หรือสร้างเป็นอาคารสำหรับพักอาศัย Urban Sketch ในครั้งนี้เราจึงคิดไอเดียขึ้นมาเล่นๆ ถ้าป่าช้าถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สาธารณะ แต่ยังคงฟังก์ชันเดิมเอาไว้ด้วยจะเป็นอย่างไร?

เปลี่ยนพื้นที่ ‘ร้าง’ ให้สร้างประโยชน์

บ่อยครั้งที่พื้นที่ป่าช้าจะถูกปล่อยให้รกร้าง ต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูง หญ้าขึ้นสะเปะสะปะ แถมสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ทำให้ช่วงดึกบรรยากาศอันแสนวังเวงแทรกตัวเข้ามาแทนที่ เลยไม่แปลกใจที่หลายคนจะขนลุกซู่

ดังนั้น เพื่อให้ชั้นพื้นดินถูกใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดสัดส่วนพื้นที่ระหว่าง ‘คน’ กับ ‘สิ่งที่มองไม่เห็น’ ให้อยู่ร่วมกันได้ เช่นการสร้าง ‘สวนสาธารณะ’ จึงตอบโจทย์มากที่สุด เพราะคนจะเข้าถึงพื้นที่สาธารณะได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง 

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเลนจักรยานสำหรับนักปั่น จุดออกกำลังกายต่างๆ รวมไปถึงการสร้างสนามเด็กเล่น เพื่อรองรับเด็กเล็ก และเราไม่ลืมที่จะทำ ‘ทางเดินลอยฟ้า’ ที่เชื่อมเข้ากับต้นไม้ใหญ่ในสวน 

นอกจากนี้ เราได้ติดตั้ง ‘แผงโซลาร์เซลล์’ ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อนำมาใช้เป็น ‘ไฟทางเดิน’ ให้ความสว่างรอบสวนสาธารณะ รวมถึงอาคารใต้ดินชั้นอื่นๆ ดังนั้น เราก็ไม่ต้องกลัวกุ๊กกู๋จะโผล่มาในความมืดกันแล้ว ส่วนคุณผีก็ไม่ถูกไล่ตะเพิดจนเกิดซีน ‘ฉันหวง ฉันมาทวงของฉันคืน’ แน่ๆ เพราะจัดระเบียบสุสานให้เป็นที่เป็นทางและน่ามองมากยิ่งขึ้น

ศูนย์การเรียนรู้หลังความตาย

ต่อมาเราวาร์ปลงไปใต้ดิน ชั้นที่ 1 จัดทำให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ขนาดย่อม โดยแบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซน ‘ห้องสมุดประชาชน’ เพื่อให้ ‘คนเป็น’ เข้าไปค้นหาความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต ไปจนถึงองค์ความรู้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และโซนที่สองเป็น ‘พิพิธภัณฑ์ศึกษากายวิภาคศาสตร์มนุษย์’ โดยนำอวัยวะบางส่วน ทั้งจากคนที่ตั้งใจบริจาคร่างกาย และศพไร้ญาติ นำมาจัดแสดงเพื่อศึกษาอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย

รับทำศพให้เป็น ‘ปุ๋ย’

ชั้นสุดท้าย เรายึดคอนเซปต์ของป่าช้าที่เป็น ‘พื้นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับศพ’ เอามาสานต่อฟังก์ชันแบบเดิมเอาไว้ โดยนำวิธีการจากบริษัท ‘รีคอมโพส (Recompose)’ ซึ่งเป็นสถานที่รับทำศพแนวใหม่ด้วยการนำศพเข้าตู้สี่เหลี่ยม ใส่เศษไม้และดินลงไป แล้วปล่อยให้จุลินทรีย์และแบคทีเรียเติบโต เพื่อย่อยสลายร่างผู้ตายตามธรรมชาติ ซึ่งจะกินเวลาทั้งหมด 30 วัน หลังจากย่อยสลายโดยสมบูรณ์ ก็จะนำปุ๋ยที่ได้ไปหล่อเลี้ยงต้นไม้ในสวนสาธารณะนั่นเอง ที่สำคัญ วิธีการนี้ใช้พลังงานเพียง 1 ใน 8 ของการเผาศพเท่านั้น

การเปิดบริการรับย่อยสลายศพแบบนี้ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง และไม่รู้จะประกอบพิธีกรรมอย่างไร ซึ่งพวกเขาจะตัดสินใจยกร่างกายของตัวเองไปทำปุ๋ยต่อ หรือนำอวัยวะบางส่วนไปทำพิพิธภัณฑ์มนุษย์ เพื่อให้คนได้เข้ามาศึกษากายวิภาคต่อก็ย่อมได้


Source : https://recompose.life/

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.