WHAT’S UP
เครื่องอัดขยะขนาดครัวเรือน ช่วยเปลี่ยนขยะพลาสติกแบบบาง ให้เป็นก้อนอิฐที่ง่ายต่อการรีไซเคิล
ปกติแล้วผู้คนมักเก็บ ‘ถุงพลาสติก’ ที่ได้จากการซื้อของไว้เพื่อการใช้งานในครั้งต่อๆ ไป ถึงแม้ว่าถุงประเภทนี้จะนำกลับมาใช้งานใหม่ได้จริง แต่ความแข็งแรงอาจจะไม่คงทน ยิ่งถ้าเก็บไว้นานๆ ก็อาจจะแห้งกรอบจนใช้งานไม่ได้อีกเลย ก่อนจะเปลี่ยนสภาพเป็นขยะที่ต้องใช้เวลานานหลายร้อยปีกว่าจะย่อยสลายได้ เพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกล้นบ้าน สตาร์ทอัปสัญชาติอเมริกันอย่าง Clear Drop จึงได้ออกแบบ ‘เครื่องอัดพลาสติกแบบอ่อน (Soft Plastic Compactor : SPC)’ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานจัดการพลาสติกในครัวเรือนได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ถ้าดูผ่านๆ เจ้าเครื่องอัดพลาสติกนี้มีขนาดและหน้าตาคล้ายกับถังขยะในครัวเรือนทั่วไป เหมาะที่จะตั้งไว้ใช้งานตามมุมต่างๆ ของบ้าน ส่วนการทำงานของ SPC ก็ง่ายมากๆ แค่นำพลาสติกประเภทอ่อน เช่น ถุงพลาสติกหรือฟิล์มบรรจุภัณฑ์ ใส่เข้าไป ตัวเครื่องจะอัดขยะเหล่านั้นจนกลายเป็นลูกบาศก์แข็ง จากนั้นจะได้ก้อนอิฐที่สามารถนำไปใช้งานต่อ หรือจะทิ้งในขยะรีไซเคิลเพื่อส่งไปยังโรงงานคัดแยกขยะต่อไปก็ได้ มากไปกว่านั้น เครื่องอัดพลาสติกประเภทนี้ยังปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม เพราะมันปล่อยควันในระดับที่กฎอนามัยและความปลอดภัยกำหนดไว้ เครื่อง SPC จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในเดือนมกราคม 2566 ทาง bit.ly/3VXTpXM หากใครที่กำลังมองหาวิธีเปลี่ยนขยะพลาสติกในบ้านให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ก็อาจลองสั่งเจ้าเครื่องนี้มาใช้ดูได้นะ ดูวิธีใช้งานเครื่องอัดขยะพลาสติกได้ที่ shorturl.at/fQX34 Source : DesignTAXI | bit.ly/3uOuFFj
อบอุ่นและรักษ์โลกกับผ้าห่มกันหนาว ทำด้วยขนเป็ดและวัสดุอัปไซเคิลจากสินค้าเก่าของแบรนด์ Arc’teryx
อากาศหนาวเริ่มพัดผ่านมาให้พอรู้สึกถึงฤดูหนาวกันบ้างแล้ว หลายคนคงเริ่มมองหาเสื้อกันหนาวหรือผ้าห่มสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวสิ้นปี เพื่อให้เข้ากับเทรนด์ในตอนนี้ เราขอพาไปรู้จักอุปกรณ์กันหนาวผลิตจากวัสดุเหลือใช้ ที่ให้ทั้งความอบอุ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2021 Arc’teryx แบรนด์เสื้อผ้ากลางแจ้งและอุปกรณ์ปีนเขาจากประเทศแคนาดา ได้เปิดตัว ReBird ผ้าห่มขนเป็ดจากแบรนด์ย่อยที่ชื่อว่า System_A ในโครงการ ReBird ที่ออกแบบสินค้าหมุนเวียนผ่านการซ่อมแซม รีเซลล์ อัปไซเคิล เพื่อให้ไม่มีขยะเหลือทิ้งจากการผลิต ในปีนี้ ทางแบรนด์ได้นำผ้าห่มกลับมาวางขายอีกครั้งแบบจำนวนจำกัด โดยผ้าห่มขนเป็ดนี้ทำขึ้นจากวัสดุเหลือใช้จากผ้า 7D Arato ที่เบาและอ่อนนุ่มเป็นพิเศษจากแบรนด์ และเสริมด้วย 850 ขนเป็ดรีไซเคิล เพื่อทำให้ผ้ากันน้ำได้ดีขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ บางส่วนของเนื้อผ้ายังทำขึ้นมาจากเสื้อผ้าเก่าและเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วจากโครงการ ReBird ที่ทางแบรนด์เปิดให้ลูกค้าส่งสินค้าเก่ากลับมาเพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการอัปไซเคิลสำหรับสินค้าอื่นๆ ด้วย นอกจากใช้ผ้าห่มในการห่อหุ้มตัวเพื่อความอบอุ่นแล้ว ยังสามารถติดกระดุมด้านหน้าเพื่อเปลี่ยนให้เป็นเสื้อปอนโชได้อีกด้วย ผ้าห่มขนเป็ด ReBird เปิดจำหน่ายทางออนไลน์ที่ bit.ly/3hsgtyF Sources : Arc’teryx | arcteryx.com DesignTAXI | bit.ly/3Hx1uhv
ทางเลือกใหม่สำหรับรถยนต์ EV ‘Lignode’ แบตเตอรี่จากต้นไม้ ชาร์จไว ปลอดภัย ไม่ทำลายโลก
แม้รถยนต์ไฟฟ้า EV จะเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง จนค่ายรถยนต์และผู้ใช้ทั่วโลกต่างให้ความสนใจมากขึ้นในช่วงนี้ แต่ก็มีคนที่ยังคงชั่งใจในการซื้อรถยนต์ประเภทนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจากเปลี่ยนแบตเตอรี่แต่ละที จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากถึงหลักแสนเป็นอย่างต่ำ เพราะเหตุนี้ ‘Stora Enso’ บริษัทผลิตวัสดุหมุนเวียนในเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ จึงได้คิดค้นแบตเตอรี่ที่ทำจากต้นไม้ที่มีชื่อว่า ‘Lignode’ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ยั่งยืนสำหรับรถยนต์ EV ในอนาคต Lignode เป็นแบตเตอรี่ที่ทำจากคาร์บอนหมุนเวียนจาก ‘ลิกนิน (Lignin)’ หรือส่วนของผนังเซลล์พืชที่ทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะและทำให้ไม้มีความแข็งและต้านทานต่อการเน่าเปื่อย ซึ่งปกติแล้วภายในต้นไม้แต่ละต้น จะประกอบด้วยลิกนินประมาณ 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ลิกนินเป็นหนึ่งในแหล่งคาร์บอนหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ Stora Enso จึงตัดสินใจเลือกใช้ลิกนินจากต้นไม้ในการผลิต Lignode เพื่อเป็นพลังงานทางเลือก แทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิล ก๊าซธรรมชาติ และคาร์บอนกราไฟต์ในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใช้ขับเคลื่อนยานพาหนะในปัจจุบัน กระบวนการผลิตแบตเตอรี่ Lignode เริ่มจากการแยกลิกนินออกจากเนื้อไม้ และกลั่นบริสุทธิ์จนได้ออกมาเป็นผงคาร์บอนละเอียด (Fine Carbon Powder) เพื่อใช้เป็นวัสดุสำหรับทำขั้วบวกลบของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ในชื่อ ‘ผงคาร์บอนแข็ง (Hard Carbon Powder)’ จากนั้นจะถูกนำมาใช้ต่อเพื่อผลิต ‘อิเล็กโทรดคาร์บอนแข็ง (Hard Carbon […]
สัมผัสฮ่องกงในซีนหนังของหว่อง กาไว กับนิทรรศการภาพถ่าย โดย Wing Shya วันนี้ – 29 ม.ค. 66 ที่ HOP ศรีนครินทร์
‘ฮ่องกง’ ของคุณหน้าตาเป็นแบบไหน เรามั่นใจว่าคำตอบของหลายๆ คนน่าจะเป็นฮ่องกงที่เป็นเมืองคนเหงา ซึ่งทั้งเศร้าและโรแมนติก เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์ของผู้กำกับ ‘Wong Kar-Wai (หว่อง กาไว)’ ใครที่ยังติดตรึงกับภาพเมืองฮ่องกงที่ฉาบไปด้วยแสงไฟสีแดง และปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกแสนโดดเดี่ยว HOP หรือ Hub Of Photography ได้จัดนิทรรศการภาพถ่ายของศิลปินชาวฮ่องกง ‘Wing Shya’ ผู้ทำงานบันทึกเบื้องหลังภาพยนตร์ของผู้กำกับ หว่อง กาไว ที่เป็นดั่งสื่อกลางช่วยให้ผู้คนเข้าใจภาพของฮ่องกงในเฟรมหนังที่คุ้นเคย Wing Shya คือช่างภาพที่ถ่ายภาพเบื้องหลังภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Happy Together (1997) และ In the Mood for Love (2000) จนถูกใจผู้ชมจำนวนมาก นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังภาพถ่ายของภาพยนตร์ Eros (2004) และ 2046 (2004) อีกด้วย นอกจากจะเป็นการย้อนกลับไปรำลึกถึงภาพเมืองฮ่องกงเมื่อหลายสิบปีก่อนในความทรงจำ ที่หลายๆ คนรับรู้ผ่านภาพยนตร์ของผู้กำกับชาวฮ่องกงแล้ว ภาพถ่ายของ Wing Shya ยังงดงาม ดูเป็นธรรมชาติ ให้แรงบันดาลใจ […]
วัดระดับความเครียดด้วย E-tattoo ส่งคลื่นไฟฟ้าแจ้งข้อมูลผ่านสมาร์ตวอตช์ ใช้ประเมินตัวเองเบื้องต้น ไม่ต้องพบแพทย์
หลายคนคงเคยเกิดอาการเครียดแบบไม่รู้ตัว แล้วจะทำยังไงให้รู้ถึงการมีอยู่ของความเครียดได้ รู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้เราประเมินความเครียดได้โดยไม่ต้องพบแพทย์ทุกวัน ผ่านการอ่านข้อมูลจากรอยสักอิเล็กทรอนิกส์ (E-tattoo) บนฝ่ามือ นักวิจัยจาก University of Texas at Austin และ Texas A&M University ได้พัฒนาเทคโนโลยี E-tattoo ที่ใช้วัดระดับความเครียดในขณะทำกิจกรรมต่างๆ แต่ละวันได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องน้ำหนักและความเกะกะ เพราะรอยสักนี้ไม่มีน้ำหนัก แถมอยู่บนฝ่ามือได้อย่างแนบเนียนจนแทบมองไม่เห็นเลยทีเดียว ตัวหมึกที่ใช้สักทำมาจากกราฟีน (Graphene) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในวงการ E-tattoo เพราะเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัตินำไฟฟ้าได้สูง วัดศักย์ไฟฟ้าจากร่างกายได้ดี นำไปสู่การอ่านค่าได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังเป็นหนึ่งในวัสดุที่บางแต่ทนทานที่สุดในโลก นักวิจัยจึงนำกราฟีนมาใช้เป็นหมึกรอยสักร่วมกับวิธีการวัดค่าจากความเปียกชื้นบนฝ่ามือ เมื่อรู้สึกตื่นเต้นหรือวิตกกังวล E-tattoo จะทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ตวอตช์บนข้อมือ เพื่อส่งต่อข้อมูลไปยังกระบวนการประเมินสุขภาพจิตได้ทันที ถึงแม้ว่ารอยสักคดเคี้ยวที่อยู่บนฝ่ามือนั้นจะทนต่อการเคลื่อนไหวจากการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างการเปิดประตูหรือขับรถก็ตาม แต่กราฟีนยังมีข้อเสียในเรื่องของความไวต่อการเคลื่อนไหวของมือ ที่อาจไปรบกวนการอ่านข้อมูล ซึ่งนักวิจัยได้วางแผนพัฒนาวัสดุด้วยการสานริบบิ้นที่ประกอบด้วยกราฟีนและทอง เพื่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างรอยสักกับการใช้งานในอนาคต และอาจนำไปใช้ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์อื่นๆ Sources : DesignTAXI | bit.ly/3P8h5WO The University of Texas at Austin | bit.ly/3h3gXvf
มูเตลูเสริมดวง เรียนรู้ความเชื่อ ‘คนสายมู’ วันที่ 16 – 18 ธ.ค. 65 ที่มิวเซียมสยาม
เมื่อความจริงช่างโหดร้ายเกินทน สิ่งที่หวังไม่เป็นไปอย่างตั้งใจ และใครหลายคนกำลังมองหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ‘Night at the Museum’ ครั้งที่ 12 ปีนี้ พบกับงาน ‘คนสายมู’ ที่จะชวนทุกคนไปเรียนรู้เรื่องความเชื่อแบบไม่ลบหลู่ ภายใต้ธีม ‘เชื่อไปให้สุด แล้วหยุดที่ศรัทธา’ ภายในค่ำคืนแห่งมูเตลู จะมีกิจกรรมทำความรู้จักกับหลากหลายศาสตร์แห่งความเชื่อ ตั้งแต่คำถามว่า เรื่องเหนือธรรมชาติมีจริงหรือไม่ สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจกับเศรษฐกิจมีความเกี่ยวโยงกันยังไง แล้วทำไมคนไทยถึงอยู่คู่กับความเชื่อมาอย่างช้านาน เป็นต้น ใครเลยจะรู้ว่าบางทีสิ่งเร้นลับที่มองไม่เห็น อาจนำมาซึ่งการเสริมบารมี ช่วยให้งานและเงินเข้ามามากขึ้น บางครั้งยังอาจช่วยให้คนโสดผู้เหี่ยวเฉาเจอกับเนื้อคู่ที่ต้องตาต้องใจก็เป็นได้ เพราะไม่ว่าจะสมัยใด ความเชื่อก็ยังเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยหายไปจากสังคมไทย ทั้งยังมีการปรับตัวให้ร่วมสมัยขึ้นด้วย งาน Night at the Museum ครั้งที่ 12 คนสายมู จัดที่มิวเซียมสยาม วันที่ 16 – 18 ธันวาคม 2565 เวลา 16.00 – 22.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/museumsiamfan
Grandstand Building สนามกีฬาฟุตบอลเด็กในโปรตุเกส ที่เพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่และส่งเสริมความยั่งยืน
สนามหญ้าเทียมสีเขียวตัดกับบันไดอัฒจันทร์สีเหลืองคือเอกลักษณ์ที่เด่นชัดของ ‘Grandstand Building’ สนามกีฬาฟุตบอลเทศบาลสำหรับเยาวชนตัวน้อยที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับ Aveiro Municipal Stadium ในเมือง Aveiro ประเทศโปรตุเกส ที่ออกแบบโดยสตูดิโอสถาปัตยกรรม ‘Summary’ ซึ่งตั้งอยู่ในวิทยาเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งมหาวิทยาลัยปอร์โต Grandstand Building ทำหน้าที่เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับกิจกรรมทางด้านกีฬาขนาด 1,500 ตารางเมตร ที่ภายในประกอบด้วยสนามฟุตบอล 4 สนาม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อย่างครบครัน เช่น ล็อกเกอร์เก็บของ ห้องอาบน้ำ และห้องแต่งตัวของนักกีฬาแต่ละทีมที่แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ทั้งหมดซ่อนอยู่ภายใต้อัฒจันทร์แนวยาวที่คั่นกลางระหว่างสนามฟุตบอลทั้งสองฝั่ง เพื่อรองรับการฝึกซ้อมฟุตบอลและการแข่งขันอย่างเป็นทางการของทีมเยาวชนภายในเมือง เหตุผลหลักที่ Summary ออกแบบอัฒจันทร์ให้เป็นแนวยาวและมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ภายในนั้น เป็นเพราะแผนผังลักษณะนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่สาธารณะได้ ทั้งยังลดการใช้วัสดุก่อสร้าง ต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงระยะเวลาในการก่อสร้างด้วย นอกจากนี้ Summary ยังใช้ทรัพยากรแบบ Bioclimatic ซึ่งเป็นการออกแบบที่ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างช่องเปิดสำหรับระบายอากาศภายใต้อัฒจันทร์ และการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อกักเก็บเอาพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ภายในสนาม เพื่อทำให้ Grandstand Building แห่งนี้สามารถระบายความร้อนได้ดีและประหยัดพลังงานสูงสุด นอกจาก Grandstand Building จะเป็นสนามฟุตบอลที่เป็นมิตรต่อเด็กๆ ในเมือง รวมถึงส่งเสริมกิจกรรมด้านกีฬาของคนในชุมชนแล้ว ที่นี่ยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนอีกด้วย Sources […]
ออกไปเรียนรู้ในแบบฉบับของตัวเอง กับ 12 พื้นที่เรียนรู้ขนาดเล็กนอกกรุงเทพฯ ผ่านไกด์บุ๊ก ‘Tiny Space, Big Learning’
ก่อนหมดสิ้นปี ‘ILI.U ไอแอลไอยู’ สื่อออนไลน์ที่เชื่อในอิสระของการเรียนรู้ จับมือกับ ‘The KOMMON.co’ ที่ผลักดันการสร้างพื้นที่การเรียนรู้นอกห้องเรียน จัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในชื่อ ‘Tiny Space, Big Learning’ เพื่อพาทุกคนไปรู้จักกับ 12 พื้นที่เรียนรู้ขนาดเล็ก ที่กระจายตัวอยู่นอกกรุงเทพฯ ตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ โดยแต่ละพื้นที่ต่างมีบทเรียนที่เป็นองค์ความรู้เฉพาะตัวแตกต่างกันไป ดังนี้ #LearningwithNature | เรียนรู้ผ่านธรรมชาติ #LearningwithFood | เรียนรู้ผ่านอาหาร #LearningwithArt | เรียนรู้ผ่านศิลปะ #LearningbyPlaying | เรียนรู้ผ่านการเล่น #LearningwithCommunity | เรียนรู้ชุมชน #LearningwithSelf | เรียนรู้ตัวเอง ILI.U และ The KOMMON.co หวังว่าไกด์บุ๊กเล่มนี้จะช่วยเติมพลังการเรียนรู้ให้ผู้คนกล้าออกไปเรียนรู้ในแบบที่เป็นตัวเองมากขึ้น และทำให้พื้นที่การเรียนรู้เล็กๆ รอบนอกกรุงเทพฯ เติบโต เพื่อสร้างอิสรภาพในการเรียนรู้ให้กว้างขวางออกไปได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดาวน์โหลดหนังสือ ‘Tiny Space, Big Learning’ และเก็บไว้อ่านได้ที่ www.ili-co.me/ili-u-friends/tiny-space-big-learning
รองเท้าผ้าใบ The Degenerate ไร้พลาสติก ผลิตจากพืช 100% ส่งคืนเพื่อย่อยสลายกลายเป็นดิน
ในยุคหนึ่ง กระแสแฟชั่นที่หมุนเร็วทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รายเล็กพยายามออกคอลเลกชันเครื่องแต่งกายใหม่ๆ มาเพื่อรองรับความต้องการของผู้คน ทว่าในวันนี้ หลากหลายบริษัทผู้ผลิตเริ่มหันกลับมาหาวิธีที่จะลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้มากที่สุด จากการทำโปรดักต์ให้ยั่งยืน ‘UNLESS Collective’ แบรนด์แฟชั่นสายกรีนจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกว่าในอุตสาหกรรมแฟชั่นมีการผลิตรองเท้า 24,000 ล้านคู่ต่อปี โดย 300 ล้านคู่ในจำนวนนั้นจะถูกโยนทิ้ง และรองเท้าส่วนใหญ่มักทำจากพลาสติกและปิโตรเคมีที่แตกตัวเป็นไมโครพลาสติกหลุดร่วงลงสู่แหล่งน้ำได้ เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่เกิดจากการรวมตัวของนักคิด นักประดิษฐ์ วิศวกร ศิลปิน และนักเคลื่อนไหว ซึ่งหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ด้วยเหตุนี้ ทุกผลิตภัณฑ์ของ ‘UNLESS Collective’ จึงใช้วัสดุที่ผลิตจากพืชทั้งหมด ล่าสุดพวกเขาได้เปิดตัว ‘The Degenerate’ หรือรองเท้าผ้าใบที่ได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าสเก็ตบอร์ด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคอสนีกเกอร์ที่ไม่อยากเพิ่มจำนวนขยะรองเท้าให้โลก เพราะเชื่อว่าวันหนึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในโลกจะมีจุดจบที่พื้นดิน พวกเขาจึงผลิตรองเท้าผ้าใบแฟชั่น ‘The Degenerate’ จากพืชและแร่ธาตุ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยร่วมมือกับพาร์ตเนอร์อย่าง NFW (Natural Fiber Wielding) บริษัทที่คิดค้นและพัฒนาวัสดุจากพืช มาช่วยผลิตวัสดุที่ใช้เป็นพื้นผิวรองเท้าชั้นนอกและกันกระแทกด้านใน ที่มีความยืดหยุ่น ทนทาน สวมใส่สบาย แถมยังใช้วิธีการผลิตรองเท้าแบบสมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีการใช้พลาสติกอีกด้วย ความพิเศษอีกอย่างคือ เมื่อตัวรองเท้าหมดอายุการใช้งาน เจ้าของสามารถส่งรองเท้าคืนผู้ผลิตต้นทาง […]
เปิดขายเสื้อฟุตบอล Goalissimo แคมเปญเรียกร้องสิทธิแรงงานข้ามชาติที่เสียชีวิตระหว่างสร้างสนามฟุตบอลโลก
Hen’s Teeth ครีเอทีฟเอเจนซีจากประเทศไอร์แลนด์ได้เปิดตัวคอลเลกชันเสื้อฟุตบอล ‘Goalissimo’ สำหรับแคมเปญจาก Amnesty International ที่ชื่อว่า ‘FIFA : Time to Compensate Migrant Workers in Qatar’ แคมเปญ FIFA : Time to Compensate Migrant Workers in Qatar นี้มีเป้าหมายส่งเสริมให้ประเทศกาตาร์และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) จ่ายค่าชดเชยให้กับแรงงานข้ามชาติที่ประสบปัญหาการใช้แรงงานอย่างไม่เหมาะสมในระหว่างการก่อสร้างสนามฟุตบอลสำหรับ FIFA World Cup 2022 เนื่องจากข้อมูลของ The Guardian รายงานว่า มีแรงงานข้ามชาติกว่า 6,500 คนเสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างสนามฟุตบอลโลก 8 แห่งในประเทศกาตาร์ โดยเสื้อในคอลเลกชัน Goalissimo ออกแบบโดยครีเอทีฟ 13 คนจากประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ได้แก่ Greg Spring จาก Hen’s Teeth […]
เข้าใจสิทธิกับสิ่งแวดล้อมผ่าน 4 สารคดีที่ยืนยันว่าทุกคนควรเข้าถึงอากาศสะอาด ชมฟรีที่ House Samyan 9 – 12 ธ.ค. 65
ปัจจุบันโลกของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากร การอพยพย้ายถิ่นฐาน สาธารณสุข และความขัดแย้งระดับนานาชาติที่ล้วนเชื่อมโยงกัน ความเสียหายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่จึงกลายเป็นภัยคุกคามต่อการเข้าถึงสิทธิมนุษยชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้รับรองว่า การเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ดีต่อสุขภาพ และยั่งยืน เป็นสิทธิมนุษยชนที่มนุษย์ทุกคนพึงมี เนื่องจากวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปีตรงกับ ‘วันสิทธิมนุษยชนสากล’ เราจึงอยากชวนทุกคนร่วมงาน ‘Our Right to Live on a Healthy Planet’ เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของสิทธิมนุษยชนและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมกับสภาพภูมิอากาศให้มากขึ้น ผ่าน 4 ภาพยนตร์สารคดี ได้แก่ 1) สายเลือดแม่น้ำโขง Special : Edition (2022)ผู้กำกับ : ธีรยุทธ์ วีระคำประเทศ : ไทย 2) Losing Alaska (2018)ผู้กำกับ : ทอม เบิร์กประเทศ : ไอร์แลนด์ 3) สายน้ำติดเชื้อ (2013)ผู้กำกับ […]
ออกแบบเมืองที่อยากอยู่ผ่านโปรดักต์ กับคอลเลกชัน EASE AROUND CITY โดยแบรนด์ดีไซน์ Ease Around
ไม่ว่าใครก็อยากเห็นเมืองที่ตัวเองอยู่อาศัยกลายเป็นเมืองที่ดีขึ้น หลายๆ คนจึงพยายามขับเคลื่อนเมืองตามความถนัดและเท่าที่ตัวเองจะทำได้ และในฐานะของแบรนด์ดีไซน์ไทยอายุกว่า 5 ปี Ease Around ก็อยากใช้ความถนัดทำโปรดักต์ที่สื่อสารถึงการอยากเห็นเมืองที่ดีขึ้นในเวอร์ชันของพวกเขา ‘ถ้าเราออกแบบเมืองที่เราอยู่ได้เอง เราอยากได้เมืองแบบไหน’ คือหลักคิดตั้งต้นที่ Ease Around หยิบมาสร้างสรรค์โปรดักต์ดีไซน์คอลเลกชันล่าสุดอย่าง ‘EASE AROUND CITY’ ที่ผ่านการคิดและออกแบบเมืองในฝันที่แบรนด์อยากให้เป็น ภายใต้ไอเดียที่อยากให้ภาพวาดของพวกเขาไปอยู่ในไอเทมที่ใช้ในประจำวันของทุกคน เพื่อหวังว่าจะช่วยทำให้ชาวเมืองเอนจอยกับเมืองเล็กๆ ที่แบรนด์สร้างขึ้น เมืองที่มีพื้นที่สาธารณะให้ทุกคนมาร่วมใช้ได้เมืองที่มีพื้นที่สวยๆ ให้หย่อนกายหย่อนใจในวันหนักๆเมืองที่เราเอนจอยกับดนตรี วรรณกรรม ภาพยนตร์ และศิลปะในหลายๆ แขนงได้มากขึ้นเมืองที่เราได้เป็นตัวเอง และได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่เรากำหนดเอง ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างไอเดียเมืองที่ Ease Around นำไปออกแบบผ่านโปรดักต์ดีไซน์ต่างๆ เช่น พวงกุญแจ ที่คั่นหนังสือ การ์ดสติกเกอร์ โปสต์การ์ด เป็นต้น เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการขับเคลื่อนและพัฒนาเมืองในแบบฉบับของคนทำงานสร้างสรรค์และทำแบรนด์ดีไซน์ที่เกิดและเติบโตในประเทศนี้ สั่งซื้อโปรดักต์คอลเลกชัน ‘EASE AROUND CITY’ และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ Ease Around ได้ที่ facebook.com/easearound