Chengdu Science Fiction Museum พิพิธภัณฑ์ Sci-Fi แห่งใหม่ในเฉิงตู โดดเด่นเหมือน Star Cloud กลางทะเลสาบ

เฉิงตู ประเทศจีน คือเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 20 ล้านคน ที่นี่พัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านนวัตกรรมและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  ปี 2023 เมืองเฉิงตูจะล้ำหน้าไปอีกขั้นเพราะจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ‘World Science Fiction Convention’ หรือ ‘Worldcon’ ครั้งที่ 81 ซึ่งเป็นงาน Sci-Fi ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยภายในงานนี้ก็จะมีการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ Sci-Fi แห่งใหม่สำหรับผู้ที่หลงใหลในโลกอนาคตอย่าง ‘Chengdu Science Fiction Museum’ อีกด้วย Chengdu Science Fiction Museum ที่ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง Zaha Hadid Architects ตั้งอยู่บนทะเลสาบ Jingrong ตัวอาคารมีรูปทรงเป็นเมฆเนบิวลาที่กำลังขยายตัวและมีดาวอยู่ตรงกลาง เมื่อดูด้วยตาเปล่าจะเหมือน ‘เมฆดวงดาว’ หรือ ‘Star Cloud’ ที่กระจายพลังงานไปในทิศทางต่างๆ  พิพิธภัณฑ์นี้ถูกออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์ธรรมชาติและริมทะเลสาบ เพื่อผสมผสานพื้นที่ใช้งานในร่มและกลางแจ้ง และทำให้ผู้เข้าชมเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ภายในอาคารได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ ผู้คนยังสามารถเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์ผ่านทางเดินที่เชื่อมจากสถานีรถไฟในตัวเมืองได้ Chengdu Science Fiction Museum […]

เดินเล่น เต้นรำ รื้อฟื้นความทรงจำ ณ ลุมพินีสถาน 4 – 5 ก.พ. 66 ที่สวนลุมพินี

เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก เราอยากชวนทุกคนไปรื้อฟื้นความทรงจำ หากไม่ใช่กับคนรักแต่เป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง จนถูกยกให้เป็นพื้นที่แห่งวัฒนธรรมบันเทิงรื่นรมย์ในยุค 50 – 60 ของกรุงเทพฯ  สถานที่ที่ว่านี้คือ ‘ลุมพินีสถาน’ อาคารหลังเก่าที่ตั้งอยู่ใน ‘สวนลุมพินี’ ในงานครั้งนี้ เราจะได้กลับไปสัมผัสกลิ่นอายของช่วงเวลาในอดีต ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Learning from the past to create the future.’ เพื่อเรียนรู้สิ่งสำคัญของวันวานและร่วมสร้างอนาคตที่ดีไปด้วยกัน  งานนี้มีกิจกรรมมากมาย อาทิ การกลับมาแสดงดนตรีในลุมพินีสถานอีกครั้งของ ตำนานอย่าง ‘วงสุนทราภรณ์’ ที่มาพร้อมกับฟลอร์ลีลาศที่เนรมิตขึ้นใหม่ ให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศของงานเต้นรำยามค่ำคืน ซึ่งจะพัดพาให้ความทรงจำสำหรับนักเต้นรุ่นใหญ่หวนคืนมา และเปิดโอกาสให้นักเต้นรุ่นใหม่ได้ลองมาอยู่ในบรรยากาศแห่งยุค 50 – 60 ร่วมกัน มากไปกว่านั้น ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากนักร้องนำวงตำนาน Alternative Rock ยุคบุกเบิกของไทย ‘ป๊อด โมเดิร์นด็อก’ ที่จะมาชวนกระโดดสุดเหวี่ยงไปกับดนตรีสุดมัน รวมถึงได้อิ่มเอมไปกับการแสดงดนตรีจากคณะดุริยางคศาสตร์ ม.ศิลปากรอีกด้วย  สำหรับขาแดนซ์ก็จะได้สนุกไปกับการเต้นสวิงที่บรรเลงโดยวงดนตรี The Stumbling Swingout สำหรับใครที่ไม่เคยเต้นและอยากลองเต้นดูสักครั้ง โอกาสนี้เหมาะควรมากๆ เพราะจะมีครูสอนเต้นจาก Jelly […]

แฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองเท้าแตะย่อยสลายได้ กลายเป็นปุ๋ยหมักคืนสู่ธรรมชาติ

Balena บริษัทด้านวัสดุศาสตร์ในเมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล และเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมแฟชั่นที่สร้างขยะพลาสติกจำนวนมาก ได้เปิดตัว ‘BioCir Slides’ รองเท้าแตะย่อยสลายได้และกลับมาเป็นประโยชน์ต่อโลก โดยทำจากวัสดุ BioCir ที่มีความยืดหยุ่น เรียบลื่น และทนทาน ทดแทนการใช้พลาสติกและยางแบบเดิมที่มักพบในรองเท้าทั่วไป BioCir เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเทอร์โมพลาสติกที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนสภาพให้เป็นของเหลวและนำกลับมารีไซเคิลใช้งานได้อีกครั้ง รวมถึงมีพอลิเมอร์ที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้ ช่วยปรับขนาดวัสดุและลดการปล่อยมลพิษร่วมด้วย ทั้งนี้ Balena ไม่ได้ปล่อยให้ลูกค้าที่ซื้อรองเท้าไปศึกษาวิธีการย่อยสลายและเปลี่ยนเป็นปุ๋ยหมักด้วยตัวเอง เพราะทางแบรนด์จะให้ลูกค้าส่งรองเท้าที่ไม่ใช้แล้วกลับมา ก่อนส่งต่อรองเท้าเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการหมักในโรงงานท้องถิ่น เพื่อกำจัดรองเท้าและทำปุ๋ยหมักอย่างถูกวิธี Sources : DesignTAXI | bit.ly/3ZZBbHS  PR Newswire | prn.to/400m6p8

BAOBAB Luxury Safari Resort รีสอร์ตต้นไม้กลางซาฟารีในแอฟริกา ที่ผลิตไฟฟ้าและน้ำจากอากาศได้เอง

ถ้าการนั่งรถส่องสัตว์ในไนต์ซาฟารีตอนไปเที่ยวสวนสัตว์ยังไม่จุใจ เราขอเสนออีกหนึ่งตัวเลือกที่จะทำให้คนรักธรรมชาติได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ยากจะลืม ด้วยการนอนค้างบนบ้านต้นไม้ใจกลางซาฟารี กับ ‘BAOBAB Luxury Safari Resort’ รีสอร์ตบ้านต้นไม้สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในแอฟริกา BAOBAB Luxury Safari Resort เป็นผลงานการออกแบบของสตูดิโอ ‘MASK Architects’ ที่เคยฝากผลงานการออกแบบสุดสร้างสรรค์จนได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย เช่น ‘oasys’ หลังคากลางแจ้งที่เคยชนะการประกวดออกแบบ Cool Abu Dhabi Challenge และ ‘Villa G01’ บ้านพักหรูที่ได้รางวัลจากงาน LOOP Design Awards เป็นต้น ครั้งนี้ MASK Architects หยิบเอาเอกลักษณ์ของต้นเบาบับ (Baobab) พืชพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาที่มีลักษณะลำต้นอวบ ยืนต้นสูง มาใช้ในการออกแบบให้ตัวบ้านต้นไม้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ และสามารถส่องสัตว์ได้โดยไม่รบกวนสิ่งมีชีวิต  ตัว BAOBAB Luxury Safari Resort สูงจากพื้น 3.5 เมตร โดยมีบันไดวนบริเวณแกนกลางพาเราขึ้นไปยังห้องพักที่มีระเบียงโดยรอบสำหรับให้อาหารสัตว์ได้ด้วยตนเอง และสระว่ายน้ำส่วนตัวบนยอดสูงที่มองเห็นวิวของโซนซาฟารีได้ 360 องศา ความพิเศษที่มากกว่าบ้านต้นไม้หลังไหนๆ คือม่านกระจกที่ล้อมรอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์แบบโปร่งใส […]

Urban Farming Office เปลี่ยนสำนักงานตึกสูงเป็นสวนแนวตั้ง แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ผักผลไม้ และสมุนไพร

ภายใต้การขยายของเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คอนกรีตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้มีหลากหลายปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขาดพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติ มลพิษทางอากาศ น้ำท่วมและนำไปสู่สภาวะน้ำเค็ม ปรากฏการณ์เกาะความร้อน ฯลฯ  ด้วยเหตุนี้ สตูดิโอสัญชาติเวียดนาม ‘Vo Trong Nghia Architects’ ได้ออกแบบและสร้าง ‘Urban Farming Office’ ออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของตัวเองในนครโฮจิมินห์ เป็นอาคารโครงคอนกรีตที่ปกคลุมด้วยฟาร์มแนวตั้ง แวดล้อมไปด้วยพรรณไม้สีเขียวอย่างผักผลไม้และสมุนไพร แกนกลางของอาคารสำนักงานสร้างโดยใช้โครงคอนกรีตเปลือย ในขณะที่โครงสร้างภายนอกทำจากเหล็กบางๆ ทำหน้าที่คล้ายชั้นวางเหล่ากระถางต้นไม้ เพื่อเอื้อต่อการจัดเรียงต้นไม้ใหม่อย่างยืดหยุ่น หรือในกรณีที่ต้นไม้เติบโตขึ้น อาคารสำนักงานแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ด้วยการมีผนังต้นไม้ที่ปกคลุมด้านทิศใต้ของอาคาร เป็นตัวช่วยทำหน้าที่กรองแสงแดดและอากาศ ป้องกันความร้อนที่สูงเกินไป ทั้งยังสร้างร่มเงาและช่วยตกแต่งภายในสำนักงานอีกด้วย ภายในออฟฟิศ พื้นที่ทำงานถูกจัดไว้รอบๆ โถงกลาง และมีประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อเปิดไปยังระเบียงสำหรับเคลื่อนย้ายพืชหรือเก็บเกี่ยวผลผลิตจากกระถาง พร้อมสวนบนชั้นดาดฟ้าสำหรับปลูกพืชที่ต้องการได้อีกในอนาคต  นอกจากนี้ ตัวโครงสร้างคอนกรีตยังถูกปล่อยให้เปิดโล่งทั้งหมด โดยเสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มและไฟประดับแบบมินิมอล เพื่อให้ตัดกับเหล่าต้นไม้ใบเขียวสดใสของฟาซาดอาคารที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ Urban Farming Office โดย Vo Trong Nghia Architects ถือเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อประโยชน์ใช้สอย และเป็นได้มากกว่าแค่สำนักงานอย่างแท้จริง  Source :Dezeen | bit.ly/3XCW4XN

โอม อาหารจงอร่อยขึ้น! ‘SpoonTEK’ ช้อนกินข้าวไฟฟ้า เปลี่ยนอาหารรสชาติคลีนให้กินอร่อย

แม้จะไม่มีน้องเมดมาร่ายเวทย์ ‘โอม จงอร่อยขึ้น’ ให้อาหาร แต่เราก็สามารถกินอาหารที่อร่อยขึ้นได้ราวกับมีใครมาร่ายเวทมนตร์ ด้วยช้อนกินข้าวไฟฟ้า ‘SpoonTEK’ ช้อนกินข้าวไฟฟ้าแบบพกพาที่มีน้ำหนักเบา คือผลงานการออกแบบของสองพ่อลูก ‘Ken Davidov’ และ ‘Cameron Davidov’ ที่ทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรมอาหารมาตั้งแต่ปี 1999 จนทำยอดขายได้ถล่มทลายกว่าหนึ่งล้านบาทในระยะเวลาไม่ถึงเดือนหลังเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ SpoonTEK ทำให้อาหารรสชาติดีขึ้นด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่ไปกระตุ้นประสาทสัมผัสของลิ้นให้รับรสชาติได้ดีขึ้น ทำให้อาหารที่เรากินผ่านช้อนมีความนุ่มนวลและรสชาติเอร็ดอร่อย จากการทดสอบในคลินิกทางการแพทย์พบว่า SpoonTEK ช่วยปรับปรุงรสชาติของอาหารโซเดียมต่ำให้มีรสชาติเค็มขึ้นประมาณ 1.5 เท่า ทำให้ผู้บริโภคดื่มด่ำไปกับรสชาติที่อร่อยถูกใจได้ แม้จะอยู่ในช่วงควบคุมอาหาร ทำให้เหมาะสำหรับผู้บริโภคอาหารโซเดียมต่ำที่ต้องการตัวช่วยทำให้รสชาติและสัมผัสอาหารดีขึ้น โดยจะใช้งานได้เป็นอย่างดีเมื่อรับประทานร่วมกับอาหารประเภทซุป ไอศกรีม และโยเกิร์ต ใครที่สนใจ สั่งซื้อช้อนไฟฟ้า SpoonTEK ได้ที่เว็บไซต์ spoontek.com/products/spoontek-the-spoon-that-elevates-taste ในราคา 29 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 950 บาท) และในอนาคตคู่พ่อลูกยังมีแพลนเปิดตัวชามและตะเกียบไฟฟ้าด้วย Sources : Designboom | t.ly/0INnIndiegogo | t.ly/49lBSpoonTEK | spoontek.com

ญี่ปุ่นเตรียมทดลองกำจัดหิมะด้วยการเปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด แทนการนำไปทิ้งลงในทะเล

เนื่องจากบ้านเราไม่มีหิมะตก จึงอาจทำให้นึกไม่ออกว่าเมื่อหิมะตกลงมาทับถมกันนั้นสร้างความเดือดร้อนให้เมืองแค่ไหน อย่างในจังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หิมะตกสูงที่สุดในประเทศ เพราะมีหิมะตกสูงถึง 312 นิ้วในแต่ละปี ทำให้รัฐบาลต้องใช้ทรัพยากรและเงินจำนวนมากในการกำจัดหิมะออกจากอาคาร บ้าน และถนน เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล อย่างเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 มีค่าใช้จ่ายในการกำจัดหิมะสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 5.9 พันล้านเยน หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท ทีมวิจัยจาก Forte บริษัทสตาร์ทอัปในเมืองอาโอโมริและมหาวิทยาลัย Electro-Communications (UEC) ในเมืองโตเกียว มองหาวิธีการกำจัดหิมะที่ดีกว่าการทิ้งลงทะเล และค้นพบว่าหิมะเป็นแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนต่ำ และปลอดภัย จึงลองใช้หิมะจำนวนมากกับอากาศภายนอกเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ด้วยการใช้ท่อความร้อนในการจ่ายอากาศเย็นจากหิมะและอากาศร้อนจากอากาศภายนอกไปที่กังหันผลิตไฟฟ้า ความแตกต่างของอุณหภูมิทำให้เกิดกระแสพาความร้อนในของเหลวหล่อเย็นของกังหัน ทำให้กังหันหมุนและผลิตไฟฟ้าออกมาได้ ยิ่งความแตกต่างของอุณหภูมิหิมะและอากาศมีมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทีมวิจัยมองว่าการผลิตไฟฟ้าจากหิมะอาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และอาจคุ้มค่ากว่าด้วย ทั้งนี้ การทดสอบการผลิตพลังงานจากหิมะจะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม หากการดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดีก็อาจมีการนำระบบการผลิตพลังงานนี้ไปใช้กำจัดหิมะในประเทศและทวีปอื่นๆ ได้ แต่ขณะเดียวกัน พลังงานสะอาดจากหิมะก็ยังมีข้อจำกัดอยู่นั่นคือ มันสามารถให้พลังงานได้แค่อุปกรณ์ขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ใช่กังหันใหญ่ๆ ที่เราเคยเห็นกัน อีกทั้งยังต้องใช้พื้นที่กว้างขวางในการติดตั้งและจัดเก็บอุปกรณ์สำหรับสร้างพลังงาน และอาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาการไหลเวียนของอากาศร้อนให้คงที่ในสภาพอากาศหนาวเย็นอีกด้วย Sources : DesignTAXI | bit.ly/3XxCRqj  Interesting […]

เปลี่ยนก้นกรองบุหรี่ให้เป็นตุ๊กตา หมอน และกระดาษ โดย Code Effort บริษัทในอินเดีย

ทุกปีทั่วโลกจะผลิตบุหรี่ถึง 6 ล้านล้านตัว โดยมีก้นกรองบุหรี่กว่า 4.5 ล้านล้านตัวต่อปีที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะบนท้องถนน ท่อระบายน้ำ ในสวนสาธารณะ รวมไปถึงแม่น้ำ ลำคลอง และมหาสมุทร บุหรี่หนึ่งตัวประกอบด้วยยาสูบที่มีสารก่อมะเร็งกว่า 60 ชนิด เช่น ท็อกซิน, นิโคติน, เอทิลฟีนอล, สารหนู, ยาฆ่าแมลง, ทาร์, คาร์บอนมอนอกไซด์, ไฮโดรเจนออกไซด์ เป็นต้น และก้นกรองบุหรี่หนึ่งตัวใช้เวลาย่อยสลายราว 15 ปี ดังนั้น การทิ้งก้นกรองบุหรี่ไม่เป็นที่ จะกลายเป็นขยะที่มีส่วนทำให้สารเคมีต่างๆ ตกค้าง ปนเปื้อน และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิตอย่างมหาศาล  องค์การอนามัยโลกประเมินว่า เกือบ 267 ล้านคนหรือร้อยละ 30 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของอินเดียที่เสพยาสูบ โดยส่วนมากทิ้งก้นกรองบุหรี่เกลื่อนถนนในเมือง ด้วยเหตุนี้ ทำให้ ‘Naman Gupta’ ชาวอินเดียก่อตั้งบริษัท Code Effort ในเมืองนอยดา (Noida) รัฐอุตตรประเทศ เพื่อนำขยะก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ โดยสามารถรีไซเคิลก้นบุหรี่ได้นับล้านชิ้นในแต่ละปี วิธีการคือ […]

จิบกาแฟ อ่านหนังสือเที่ยงวันยันเที่ยงคืน ‘dot.b’ ร้านหนังสือใหม่บนถนนนครใน จังหวัดสงขลา เปิดวันแรก 25 ม.ค. 66

หลังจากที่ ‘ร้านหนังสือเล็กๆ’ บนถนนยะหริ่ง ได้บอกลาจังหวัดสงขลาไปสู่เมืองสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เมืองสงขลาขาดร้านหนังสืออิสระไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในวันที่ 25 มกราคม 2566 สงขลาจะกลับมามีร้านหนังสืออิสระอีกครั้ง กับ ‘dot.b’ ร้านหนังสือแห่งใหม่บนถนนนครใน ย่านเมืองเก่าสงขลา เพราะชอบอ่านหนังสือและยังอยากเห็นเมืองที่ตนอยู่อาศัยมีร้านหนังสืออิสระ ‘ธีระพล วานิชชัง’ เจ้าของ ‘dot’ ร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีหนังสือไม่น้อยให้ลูกค้าอ่านฆ่าเวลาในตึกเก่าที่หันหน้าเข้าสู่ถนนนครนอก จึงตัดสินใจต่อเติมอาคารให้กลายเป็นร้านหนังสืออิสระแห่งใหม่ที่หันหน้าเข้าหาถนนนครใน เชื่อมสองฝั่งถนนในเมืองเก่าสงขลาไว้ด้วยสองพื้นที่ในอาคารเดียวกัน นอกจากนี้ ธีระพลยังมีความตั้งใจที่จะนำหนังสือหลากหลายประเภทกลับมาสู่เมืองสงขลา รวมถึงอยากสร้างพื้นที่ให้ชาวเมืองได้มีสถานที่หลบภัยสำหรับนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานท่ามกลางความสงบในบริเวณชั้นสองของร้าน ขณะที่อีกด้านมีบริการกาแฟและเครื่องดื่มจากร้านเดิมร่วมด้วย  ร้าน dot.b ตั้งอยู่ที่ 115 ถนนนครใน ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา goo.gl/maps/t46TK5zHD9KpRAaV6 เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 25 มกราคม 2566 ที่จะถึงนี้ และเปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00 – 24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด เวลา 10.00 – 24.00 น.

สำรวจงานสร้างสรรค์ในธีม ‘เมือง-มิตร-ดี’ กับงาน Bangkok Design Week 2023 9 ย่านหลักทั่วกรุงเทพฯ 4 – 12 ก.พ. 66

ใครที่อยากสำรวจงานสร้างสรรค์และหาแรงบันดาลใจเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองให้ดีขึ้น เราอยากชวนไปงาน ‘เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2566’ หรือ ‘Bangkok Design Week 2023 (BKKDW2023)’ ที่จะจัดขึ้นใน 9 ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ พร้อมนำเสนอกิจกรรมมากกว่า 550 โปรแกรม Bangkok Design Week ครั้งที่ 6 มาในธีม ‘urban ‘NICE’ zation เมือง-มิตร-ดี’ ที่เปิดพื้นที่สำหรับคนทำงานสร้างสรรค์จากสาขาต่างๆ ในการนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ ที่เน้นการออกแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน โดยมีเป้าหมายหลักคือ ‘ทำให้เมืองดีขึ้น’ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันพัฒนากรุงเทพฯ สำหรับวันข้างหน้า BKKDW2023 อาศัยหลักการสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อคน และสร้างคนที่เป็นมิตรต่อเมือง ครอบคลุม 6 มิติทางสังคม ได้แก่ 1) Nice for Environment เป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม2) Nice for Culture เป็นมิตรที่ดีต่อวัฒนธรรม3) Nice for Diversity เป็นมิตรที่ดีต่อทุกความหลากหลาย4) Nice for […]

CoolGeek VS-01 เครื่องเล่นแผ่นเสียงแนวตั้งที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เล่นเพลงอย่างเดียว

ช่วงนี้ ‘แผ่นเสียงไวนิล’ เป็นอีกหนึ่งของสะสมที่ผู้คนกลับมาฮิตอีกครั้ง เพราะรูปลักษณ์ที่สวยคลาสสิก คุณภาพเสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ และคุณค่าทางจิตใจที่หาไม่ได้จากการฟังเพลงในยุคดิจิทัล  ความนิยมและความต้องการแผ่นเสียงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทาง CoolGeek สตูดิโอจากเดนมาร์กออกแบบเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น VS-01 ที่ผสมผสานความคลาสสิกกับความทันสมัยไว้ด้วยกัน เป็นดีไซน์ที่จะเปลี่ยนให้บ้านของเราดูมีกิมมิกและน่าสนใจมากขึ้น จุดเด่นของเครื่องเล่นแผ่นเสียง VS-01 คือน้ำหนักที่เบา แตกต่างจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงตามท้องตลาดทั่วไปที่มักมีขนาดใหญ่และหนัก โดย VS-01 ยังมาพร้อมกับหัวเข็มแบบเดนมาร์กระดับไฮเอนด์ที่จะช่วยลดเสียงสะท้อนและเพิ่มความคมชัดของเสียงให้มากขึ้น  มากไปกว่านั้น ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยหยุดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข็มอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางมากเกินไป ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายจากแรงเสียดทาน ช่วยยืดอายุการใช้งานและระยะเวลาการเล่นเพลง รวมถึงยังใช้เป็นลำโพงบลูทูธที่จะช่วยสร้างบรรยากาศสนุกๆ ให้สมาชิกในครอบครัว ส่วนใครที่อยากซึมซับความสุนทรีย์ของดนตรีโดยไม่สร้างเสียงรบกวนคนอื่น ก็สามารถเชื่อมต่อ VS-01 เข้ากับหูฟังไร้สายได้เหมือนกัน นอกจากการทำงานที่มีมากกว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงทั่วไปแล้ว VS-01 ยังมีความพิเศษในเรื่องของรูปลักษณ์ที่แผ่นเสียงและโทนอาร์มวางไว้ในแนวตั้ง เพื่อลดพื้นที่ที่ฝุ่นตกใส่ และทำให้เข็มมีความเสถียร ไม่เลื่อนระหว่างการเล่น โดยแผ่นเสียงจะหมุนช้าๆ ไปกับเสียงเพลง ทำให้เราดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงและความสวยงามของแผ่นเสียงได้ง่ายกว่าเดิม CoolGeek VS-01 เริ่มต้นที่ราคา 599 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 19,800 บาท ใครสนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ bit.ly/3H9CMDf  Source : Designboom | bit.ly/3Xgblxp

ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกับ PlasticFree แพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลวัสดุ สำหรับการออกแบบเพื่อความยั่งยืน

นับวันกระแสความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมยิ่งได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายคนเริ่มตระหนักถึงผลกระทบต่อการใช้พลาสติกและวัสดุที่ย่อยสลายได้ยาก ทำให้เหล่านักออกแบบหันมาศึกษาข้อมูลว่ามีวัสดุประเภทใดบ้างที่สามารถนำมาใช้ทดแทนพลาสติกได้ แพลตฟอร์ม PlasticFree สร้างขึ้นโดยองค์กร A Plastic Planet (APP) และพัฒนาโดยนักออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ นักวิทยาศาสตร์ และผู้นำทางธุรกิจกว่า 40 คน ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดการใช้พลาสติกที่อันตรายและทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีเป้าหมายในการเป็นแหล่งข้อมูลให้นักสร้างสรรค์และนักออกแบบทั่วโลกได้ใช้ประโยชน์ในการออกแบบชิ้นงานหรือโปรดักต์ เนื่องจากคนทำงานส่วนนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการสร้างอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ให้เป็นอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง หน้าที่หลักของแพลตฟอร์มนี้คือการให้ความรู้ คำแนะนำ และเคล็ดลับที่เหมาะสมในการผสมผสานวัสดุที่ยั่งยืนสำหรับการผลิตบรรจุภัณฑ์แก่นักออกแบบ โดยประกอบด้วยกรณีศึกษากว่า 100 กรณีทั่วโลกที่ให้รายละเอียดและประโยชน์ของวัสดุแต่ละชนิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นไม้ไผ่ ตะไคร่น้ำ สาหร่าย หรือแม้แต่อะลูมิเนียมก็ตาม ทั้งยังมีการนำเสนอข่าวสารและโปรเจกต์ออกแบบต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จในด้านความยั่งยืนด้วย นักออกแบบคนไหนที่กำลังมองหาแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและมีความยั่งยืน เพื่อนำมาปรับใช้ในการออกแบบของตัวเอง สมัครสมาชิกแพลตฟอร์มในราคา 250 ปอนด์หรือประมาณ 10,000 บาทต่อปีได้ที่ plasticfree.com  Sources : DesignTAXI | bit.ly/3XvsVgo  DieLine | bit.ly/3CSQGqU

1 48 49 50 51 52 131

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.