WHAT’S UP
เลิศเลยล่ะ! เตรียมบอกลารถเมล์ร้อน เปลี่ยนเป็นรถระบบ EV ราคา 8 บาทตลอดสาย ช่วยลดมลพิษและลดค่าครองชีพผู้โดยสาร
สิ่งที่หลายคนรอคอยมานานกำลังจะเกิดขึ้นจริง เมื่อทาง ขสมก.เตรียมเดินหน้าโครงการ ‘รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ ลดมลพิษ และสร้างมาตรฐานใหม่’ ผ่านการปรับเปลี่ยนรถเมล์ร้อน 1,520 คัน ให้เป็นรถ EV โดยการปรับเปลี่ยนนี้คาดว่าจะช่วยลดค่าเชื้อเพลิงได้ 70 เปอร์เซ็นต์ และประหยัดต้นทุนรวมกว่า 1,442 ล้านบาท/ปี เลยทีเดียว โดยในระหว่างนี้ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านก็จะยังใช้รถเมล์ร้อนไปจนกว่ารถ EV เข้ามาจนครบ เพื่อรองรับผู้โดยสารเฉลี่ย 5 – 6 แสนคนต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะได้รับรถเฟสแรกในเดือนกันยายน 2569 ส่วนค่าโดยสารจะมีมาตรการจากรัฐบาลลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยกำหนดราคาเดิมที่ 8 บาท เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนด้วย ปัจจุบันทาง ขสมก.ได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยพัฒนาและเสริมคุณภาพการใช้บริการรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นระบบติดตามรถ (GPS) เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน BMTA BUS ให้ง่ายต่อการตรวจสอบเวลารถแบบเรียลไทม์ หรือระบบชำระค่าโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย และพร้อมที่จะพัฒนาต่อไปเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว Sources : Facebook : BMTA องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | www.facebook.com/share/p/1CYB77p4pf/ Thairath | […]
เตรียมตัวไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่! MEA SPARK พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย จองรอบเข้าชมกันได้ตั้งแต่วันนี้ เข้าชมจริงวันที่ 1 ตุลาคม 68 เป็นต้นไป
เราเชื่อว่าต้องมีคนเคยสงสัยถึงประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทยว่า มีความเป็นมาอย่างไร ไทยมีไฟฟ้าใช้ได้ยังไงกันนะ เร็วๆ นี้เตรียมไปหาคำตอบที่ ‘MEA SPARK พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย’ กันได้เลย MEA SPARK พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย คือแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การไฟฟ้าไทยที่สร้างขึ้นโดย ‘การไฟฟ้านครหลวง (MEA)’ บนพื้นที่ ‘อาคาร 1’ ที่มีอายุกว่า 100 ปี ในเขตวัดเลียบ ของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานสมัยใหม่แห่งแรกๆ เมื่อครั้งก่อตั้งสยามประเทศ ซึ่งก่อสร้างโดยบริษัท ไฟฟ้าสยาม จำกัด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะพาทุกคนไปพบเรื่องราวการเดินทางของ ‘แสงแรกแห่งสยามสู่แสงสว่างแห่งความยั่งยืน’ จากวันแรกที่คนไทยมีไฟฟ้าใช้ สู่ปัจจุบันที่ทุกวันนี้ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกชีวิต เพื่อก้าวไปยังอนาคตที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะ และความก้าวหน้าไม่สิ้นสุด จุดหมายของที่นี่คือ การเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องพลังงานไฟฟ้าเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานครในรูปแบบใหม่ ผ่านห้องนิทรรศการที่มีรูปแบบการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีทันสมัย สนุกสนาน และน่าตื่นตาตื่นใจ บอกเล่าประวัติศาสตร์กิจการไฟฟ้าไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันบนเส้นทางภารกิจของ MEA จากการริเริ่มการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในอดีต สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงยุคที่ไฟฟ้ามีบทบาทขับเคลื่อนความเจริญ เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ สู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม ระบบพลังงานอัจฉริยะ และงานบริการ เพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ใครที่อยากเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่เข้าไปสัมผัสภายในตัวพิพิธภัณฑ์ฯ ทาง MEA เปิดให้จองรอบเข้าชมแล้วที่ […]
‘พิพิธภัณฑ์แร่-หิน’ ย่านราชเทวีโฉมใหม่ ที่จะเปิดโลกความรู้ด้านธรณีวิทยาให้ไปสำรวจ เปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมอีกครั้งในปี 2569
หลังจากที่ออกไปสำรวจมิวเซียมมาทั่วกรุงเทพฯ ก็ทำให้เราพบว่ายังมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งที่น่าไปเยือน หนึ่งในนั้นคือ ‘พิพิธภัณฑ์แร่-หิน’ บนถนนพระราม 6 ที่กำลังรีโนเวตโครงสร้างและนิทรรศการให้ร่วมสมัยและดีขึ้น ในระหว่างนี้ Urban Creature จึงอยากชวนทุกคนไปรู้จักที่นี่ก่อน พิพิธภัณฑ์แร่-หิน เป็นพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาแห่งแรกของประเทศไทยที่มีมานานกว่า 100 ปี โดยปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกรมทรัพยากรธรณีที่ปรับปรุงและอัปเดตเนื้อหาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ รวมถึงรวบรวมตัวอย่างแร่และหินจำนวนมากที่สั่งซื้อจากต่างประเทศมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ฯ เพื่อให้คนไทยมีโอกาสศึกษาแร่และหินชนิดต่างๆ ในอดีต ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ประกอบไปด้วยนิทรรศการถาวรทั้งหมด 8 โซน ได้แก่ ความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ ธรณีประวัติ ทรัพยากรแร่ หินและน้ำบาดาล เชื้อเพลิงธรรมชาติ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ทรัพยากรธรณีต่างประเทศ และธรณีวิทยาประเทศไทยและธรณีพิบัติภัย ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เรารู้จักและเรียนรู้เรื่องราวระดับพื้นดินของธรรมชาติได้อย่างครบถ้วน ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แร่-หินยังอยู่ในช่วงปรับปรุง คาดว่าจะเสร็จพร้อมให้บริการในช่วงปี 2569 ที่จะถึงนี้ ติดตามความคืบหน้าในการรีโนเวตและรอไปเรียนรู้เรื่องราวสนุกๆ กับพิพิธภัณฑ์ฯ โฉมใหม่ได้ทาง Facebook : พิพิธภัณฑ์ แร่-หิน
Food Waste Crayons โดย LUKYANG Studio เปลี่ยนขยะเศษพริกป่น กระเจี๊ยบ ใบเตย ให้กลายเป็นสีเทียนรูปทรงน่ารัก ใช้งานได้จริง
จากการประกาศรางวัล DEmark หรือ Design Excellence Award 2025 สิ่งหนึ่งที่เราสะดุดตามากคือ Food Waste Crayons หรือสีที่ทำมาจากขยะอาหาร ของ LUKYANG Studio เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่า เมืองของเรากำลังประสบปัญหาขยะอาหารล้นเมือง โดยจากผลสำรวจของ Food Waste Index คนไทยสร้างขยะอาหารเฉลี่ยคนละ 86 กิโลกรัมต่อปี LUKYANG Studio Co., Ltd. สตูดิโอออกแบบผลิตภัณฑ์รักษ์โลก (Eco Product Design Studio) จึงคิดไอเดียการทำสีเทียนจากเศษอาหาร หรือ Food Waste Crayons ที่เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นโปรดักต์ดีๆ ใช้งานได้จริง เริ่มต้นจากการทดลองทำสีจากของในบ้าน เช่น กาแฟ ดอกไม้แห้งต่างๆ ก่อนนำมาผลิตเป็นสีเทียนจากเศษอาหารและสมุนไพรไทย พอได้กรรมวิธีการผลิตที่พอใจแล้วก็นำวัตถุดิบต่างๆ มาผ่านกระบวนการแปรรูปผสมกับขี้ผึ้งแล้วขึ้นเป็นสีเทียนแท่ง โดยมีสีสันต่างกันไปตามวัตถุดิบที่น่าสนใจในช่วงเวลานั้นๆ ยกตัวอย่าง พริกป่น ให้โทนสีแดงและส้ม ใบเตย ให้โทนสีเขียว ฟักทอง ให้โทนสีเหลือง […]
Bosco Verticale และย่าน Isola ป่าแนวตั้งและพื้นที่สาธารณะของเมือง ที่ตั้งใจออกแบบให้คนออกมาใช้เวลานอกบ้านมากขึ้น
ช่วงนี้งานออกแบบตึกหรือโครงการใหม่ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศมักมีพื้นที่สีเขียว หรือต้นไม้ประดับไว้ เพื่อเติมธรรมชาติให้กับเมืองอยู่เสมอ ย่านอีโซลา (Isola) ในมิลาน ประเทศอิตาลีก็เช่นกัน ด้วยการผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองและพื้นที่สีเขียวร่วมสมัย ด้วยป่าแนวตั้งหรือ ‘Bosco Verticale’ ตึกสูงที่มีต้นไม้และพุ่มไม้เติบโตบนระเบียง โดยไม่ใช่เพียงเถาวัลย์หรือกิ่งไม้เกาะไว้เพื่อความสวยงามเฉยๆ แต่เป็นต้นไม้กว่า 800 ต้น พืช 15,000 ต้น และพุ่มไม้อีก 5,000 ต้น ที่สีและการเจริญเติบโตจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อาคารนี้อยู่ใกล้กับหอคอยและแบรนด์ดังมากมายในย่านปอร์ตา นูโอวา (Porta Nuova) และสวนสาธารณะ BAM (Library of Trees) หรือห้องสมุดต้นไม้ที่ช่วยเชื่อมย่านวัฒนธรรม การค้า และพื้นที่สาธารณะสีเขียวเข้าไว้ด้วยกัน ย่านอีโซลามักเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวและคู่รักที่มาใช้เวลาดื่มกาแฟ ค็อกเทล หรือลิ้มรสพิซซาแบบดั้งเดิม ทำให้บรรยากาศของย่านนี้คึกคักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่นอกจากจะเป็นสถานที่ฮิตของวัยรุ่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นย่านวัฒนธรรม มีร้านหนังสือ โรงละคร รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะมีสมาคมสิ่งแวดล้อม สวนชุมชนอย่าง Isola Pepe Verde และสถานที่ซ่อมจักรยานที่คนในเมืองเรียนรู้การซ่อมได้ด้วยตัวเอง อีกหนึ่งความพิเศษของย่านนี้คือ ถนน Via Borsieri […]
ส่งหนังสือที่อ่านจบแล้วกลับขึ้นชั้นวางอีกครั้ง ‘Reshelf’ เว็บไซต์ซื้อขายหนังสือมือสอง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแบ่งปันเล่มโปรดให้เหล่านักอ่าน
มีหนังสือมือสองอยากส่งต่อ แต่ไม่รู้จะขายที่ไหน ลองเอาไปขายที่เว็บไซต์ ‘Reshelf’ ดูสิ Reshelf คือแพลตฟอร์มตัวกลางซื้อขายหนังสือมือสองน้องใหม่ แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ได้รับผลตอบรับจากเหล่านักอ่านเป็นอย่างดี ด้วยฝีมือของ ‘จีน่า-จิระชญา เศวตวาณิชกุล’ และทีม จีน่าเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำเว็บไซต์ Reshelf มาจากการที่เธอพบว่าการขายหนังสือในกองดองเพื่อซื้อหนังสือใหม่เป็นเรื่องยาก และการซื้อหนังสือมือหนึ่งโดยเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ครั้นจะให้ซื้อหนังสือมือสองผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ก็ไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอกไหม สุดท้ายจีน่าเลยออกแบบเว็บไซต์ตัวกลางในการซื้อขายหนังสือด้วยตัวเอง ผ่านการหยิบเอาเพนพอยต์ที่ตัวเองเจอ ผสมรวมกับความคิดเห็นและฟีเจอร์อื่นๆ ที่เหล่าหนอนหนังสือที่รู้จักกันอยากให้มีภายในเว็บไซต์ เกิดเป็นเว็บไซต์หน้าตาสะอาดสะอ้านที่ให้เราสวมบทเป็นนักอ่านขุดคุ้ยกองดองของผู้อื่น พร้อมทั้งโละกองดองของตัวเองไปพร้อมๆ กัน แถมในหน้าเว็บยังกรองฟิลเตอร์ตามประเภทหนังสือและภาษาที่ต้องการ จากนั้นก็ซื้อขายระหว่างกันได้แล้ว ในช่วงแรกนี้ ตัวเว็บไซต์เปิดให้คนเข้ามาซื้อขายหนังสือกันได้ฟรีๆ แบบไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่หลังจากนี้ถ้ามีอะไรอัปเดตเกี่ยวกับเว็บไซต์ เธอจะมาสอบถามความเห็นของเหล่าหนอนหนังสือก่อนแน่นอน “เพราะ Reshelf เกิดขึ้นได้เพราะคอมมูนิตี้ ทุกอย่างที่ดีไซน์เกิดจากสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น” จีน่าบอกกับเรา นอกจากนี้ เธอมองว่าในอนาคต Reshelf อาจจะไม่ใช่แค่ชั้นวางสำหรับซื้อขายหนังสือมือสองเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่เธอและทีมอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ให้คนที่สนใจในหนังสือประเภทเดียวกันได้มาจอยน์คอมมูนิตี้กัน หรือแม้กระทั่ง Book Blind Date แบบออนไลน์เองก็ตาม ใครมีหนังสืออยากปล่อยหรือมองหาหนังสือมือสองเล่มไหนอยู่ ลองเข้าไปดู และหยิบน้องออกจากชั้นวางกลับบ้านได้ที่ www.reshelf.xyz
เดินไปดูทางเท้าใหม่ ซอยเย็นอากาศ ต่อยอดจากทางเท้ารัชดาฯ 19 เดินได้ วิ่งดี สะดวก และปลอดภัย
ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยเห็นโครงการทางเท้าเส้นเลือดฝอยที่ปรับซอยวิภาวดี 16 หรือตรงรัชดาฯ 19 ให้มีสัดส่วนของทางเท้าที่ชัดเจน ทาสีกำหนดขอบเขตทั้งทางม้าลายและทางเดินให้เห็นเด่น และไม่มีร่องระบายน้ำแบบรางวีขัดขวางการเดินเท้า ตอนนี้ทางโครงการได้ขยายมายังทางเท้าใหม่บริเวณซอยเย็นอากาศ 1 ย่านสาทรแล้ว เพราะปกติพื้นที่ตรงนี้ไม่มีทางเท้าชัดเจน แต่มีผู้อยู่อาศัยเดินไปเดินมาเยอะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กๆ ซึ่งนอกจากทำให้การเดินสัญจรในซอยเป็นไปได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้นแล้ว การแบ่งสัดส่วนด้วยเส้นสีแบบนี้ยังทำให้ภาพที่ออกมาดูเป็นระเบียบเรียบร้อย น่าใช้งานขึ้นด้วย กทม.มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงทางเดินในย่านอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนสามารถทั้งเดินและวิ่งออกกำลังกายในซอยและเส้นทางต่างๆ ได้สะดวกขึ้น ขณะเดียวกันก็คงดีไม่น้อยเลยถ้าเราจะใช้เส้นทางเหล่านี้เดินเที่ยวและสำรวจเมืองได้ด้วย
SEA-CRET Evidence ร่องรอยปริศนา มัจฉาพิศวง ผู้ชนะรางวัล Book on board ปีที่ 4 ‘เปลี่ยนหนังสือ(ไทย)ที่ชอบ เป็นบอร์ดเกม(ไทย)ที่ใช่’
จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว สำหรับโครงการ Book on Board ที่จะเปลี่ยนเหล่าวรรณกรรมให้เป็นบอร์ดเกมแสนสนุกสำหรับทุกคน โดยในปีนี้เป็นธีม ‘เปลี่ยนหนังสือ(ไทย)ที่ชอบ เป็นบอร์ดเกม(ไทย)ที่ใช่’ ความพิเศษของปีนี้คือ การตั้งโจทย์ให้นักออกแบบนำผลงานของนักเขียนไทยที่เข้าร่วมโครงการมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บอร์ดเกม ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบบอร์ดเกมไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลงานวรรณกรรม และสนับสนุนให้นักเขียนไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น ในปีนี้มีผลงานที่ส่งเข้าประกวดมากถึง 70 ทีม ก่อนการคัดเลือกรอบสุดท้าย โครงการได้มีการตระเวนประชาสัมพันธ์และจัด Mini Workshop พัฒนาทักษะการตั้งต้นไอเดียในรูปแบบ Roadshow ทั่ว 4 ภูมิภาค ทั้งเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต และกรุงเทพฯ จนได้ 12 ทีมสุดท้าย และผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนี้คือ ‘เกม SEA-CRET Evidence ร่องรอยปริศนา มัจฉาพิศวง’ โดยทีม Autocat Studio จากหนังสือ JOE the SEA-CRET Agent 01 / Plank ver. โดย สุทธิชาติ […]
ต้นปีหน้า สวนลุมพินีจะมี Hawker Center เข้าถึงง่าย สะอาด ปลอดภัย ช่วยเหลือผู้ค้าเดิม เปิดให้บริการตั้งแต่ตีห้าถึงเที่ยงคืน
ใครที่เคยไปสิงคโปร์อาจจะเคยเห็นหรือลิ้มรสความอร่อยของร้านรวงต่างๆ ใน Hawker Center มาแล้ว และชื่นชอบโมเดลการจัดการร้านอาหารแบบนี้จนอยากให้ที่ไทยทำบ้าง ตอนนี้ กทม.กำลังจะเปิด Hawker Center สวนลุมพินีเช่นกัน เพื่อยกระดับสตรีทฟู้ดให้ได้มาตรฐาน สะอาด และปลอดภัย พร้อมช่วยเหลือผู้ค้าเดิมให้มีพื้นที่ขายของที่มั่นคง โดย Hawker Center แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อจัดระเบียบร้านค้าหาบเร่แผงลอยตามฟุตพาทที่กีดขวางทางเดิน โดยจะส่งเสริมให้ย้ายเข้ามาขายในศูนย์อาหารแทน พร้อมยกระดับให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยของอาหารจาก กทม. นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยเหลือผู้ค้าเดิมควบคู่ไปด้วย เพราะโครงการนี้จะให้สิทธิ์ผู้ค้าเดิมที่เคยได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบถนนสารสินเป็นกลุ่มแรก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะเข้ามาเป็นศูนย์อาหารแล้ว แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของสตรีทฟู้ดด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย มีอาหารหลากหลาย โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ตี 5 ถึงเที่ยงคืน เพื่อรองรับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ทั้งคนออกกำลังกายและนักท่องเที่ยวในระหว่างการก่อสร้าง กทม.ได้ย้ายต้นไม้ใหญ่ไปปลูกในสวนลุมพินีชั่วคราว และจะนำกลับมาปลูกใหม่ในพื้นที่ศูนย์อาหาร มากไปกว่านั้นยังออกแบบอาคารให้มีระบบระบายอากาศตามธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ รวมถึงเลือกใช้หลังคาสีหม่นเพื่อไม่ก่อให้เกิดแสงรบกวนไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย Hawker Center จะอยู่บริเวณถนนราชดำริ ติดกับสวนลุมพินี สามารถรองรับผู้ค้าได้สูงสุด 88 รายต่อรอบ แบ่งเป็นรอบเช้า (05.00 – 16.00 น.) และรอบเย็น (16.00 – 24.00 น.) […]
Marshall Livehouse แห่งแรกของโลก คอมมูนิตี้ทางดนตรีครบวงจรรูปแบบใหม่ที่ซอยเจริญกรุง 36 ใจกลางกรุงเทพฯ
จากความร่วมมือระหว่าง ‘Marshall’ แบรนด์เครื่องเสียงในตำนานสัญชาติอังกฤษผู้อยู่เคียงข้างศิลปินมาเป็นเวลากว่า 60 ปี และ ‘ASH Asia’ พาร์ตเนอร์ด้านการจัดจำหน่าย ทำให้ ‘Marshall Livehouse’ ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกบนถนนเจริญกรุง โปรเจกต์นี้จะเปลี่ยนย่านที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมและความหลากหลายทางศิลปะของกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมและดนตรีแห่งใหม่สำหรับสร้างเสริมประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ในรูปแบบครบวงจร Marshall Livehouse จึงไม่ใช่แค่สถานที่จัดแสดงดนตรี แต่เป็นพื้นที่ 4 ชั้นที่ออกแบบด้วยแนวคิด ‘Community First’ เพื่อเป็นศูนย์รวมของคอมมูนิตี้และคนที่รักในเสียงดนตรี มาพร้อมกิจกรรมทางดนตรีที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน สตูดิโอซ้อมดนตรีที่เข้าถึงง่าย และโปรแกรมทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานความเป็นท้องถิ่นเข้ากับวิสัยทัศน์ระดับโลก แต่ละชั้นแบ่งออกตามการใช้งานได้ดังนี้ – ชั้น 1 : The Stage and Bar พื้นที่แสดงดนตรีสดขนาดย่อมที่เปิดให้ศิลปินหน้าใหม่ก้าวสู่เวทีการแสดงสดครั้งแรกในบรรยากาศเป็นกันเอง พร้อมบริการกาแฟในช่วงกลางวัน และบาร์เครื่องดื่มในช่วงค่ำคืน โดย City Boy Coffee Stand– ชั้น 2 : Vinyl Listening Bar and Gear Hub ศูนย์บริการลูกค้าอย่างเป็นทางการและครบวงจรของ Marshall สำหรับสินค้าที่ซื้อในประเทศไทย […]
ชวนดู ‘Wall to Wall ฝันร้าย 84 ตร.ม.’ ภาพยนตร์ว่าด้วยความดิ้นรนของคนอยากมีบ้าน ถ่ายทอดผ่านพนักงานออฟฟิศในกรุงโซล กับบ้านราคาสูงที่กลายเป็นปัญหานานาชาติ
เมื่อการมีบ้านกลายเป็นปัญหาร่วมระดับนานาชาติที่หลากหลายประเทศต้องเผชิญ ทั้งไทยที่ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับรายได้ของคนทั่วไป หรือแม้กระทั่งเกาหลีใต้ที่ความฝันการเป็น ‘เจ้าของบ้าน’ นั้นยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน Urban Creature อยากชวนทุกคนดู Wall to Wall ฝันร้าย 84 ตร.ม. ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ-จิตวิทยาจากเกาหลีใต้ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ โน อูซอง (รับบทโดย คัง ฮานึล) พนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ใช้เงินเก็บทั้งหมดมาผ่อนอะพาร์ตเมนต์ราคา 1,100 ล้านวอน หรือราว 25 ล้านบาท ในกรุงโซล ซึ่งเป็นความฝันสูงสุดในชีวิตของเขา แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปเพียง 3 ปี ชีวิตที่เคยวาดฝันไว้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ด้วยรายได้ของพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งที่ไม่เพียงพอต่อการผ่อนบ้านหลังนี้ ทำให้เขาต้องไปรับอาชีพเสริมเป็นไรเดอร์ส่งของ กลับบ้านมาก็ไม่ได้พักผ่อนอีก เพราะต้องเผชิญกับเสียงรบกวนปริศนาที่ดังลอดมาจากผนังอะพาร์ตเมนต์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาอดหลับอดนอนและเกิดความเครียดสะสม มากไปกว่านั้น เพื่อนบ้านคนอื่นๆ เริ่มสงสัยและโทษว่าเขาเป็นต้นเหตุของเสียงนั้น แต่พอเขาอยากจะขายบ้านหลังนี้ ราคาก็กลับตกเหลือประมาณ 800 ล้านวอน หรือ 18 ล้านบาท มีแต่ความฝันลมๆ แล้งๆ รอให้มีการพัฒนาพื้นที่ในเขตอะพาร์ตเมนต์และสร้างรถไฟความเร็วสูงที่อาจทำให้อสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้ราคาสูงขึ้นมาได้ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขายังคงต้องอดทนกล้ำกลืนอยู่ในพื้นที่ 84 […]
เตรียมพบ Marina Bay Sands ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม กับโรงแรมหรู อารีนา และพื้นที่ประชุมนานาชาติ ดันสิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกในปี 2029
เชื่อว่าใครที่เคยไปสิงคโปร์คงมีโอกาสแวะไปถ่ายภาพกับแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง ‘Marina Bay Sands’ มาแล้วแน่นอน โดยตึกนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2010 และมีผู้เข้าชมกว่า 470 ล้านคน ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าโรงแรมธรรมดา แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางทั้งในเชิงการท่องเที่ยวและธุรกิจ ตอนนี้ Marina Bay Sands กำลังขยายโครงการเพิ่มเติมเพื่อให้แลนด์มาร์กนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยโรงแรมใหม่สูง 55 ชั้น ที่มีห้องสวีตกว่า 570 ห้อง กับการออกแบบที่เน้นการไหลเวียนของลม และฟาซาดที่ออกแบบมาเพื่อลดการรับพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังมีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวแนวตั้งอีกด้วย จุดเด่นที่สุดของโครงการคือ ‘Skyloop’ บนชั้นดาดฟ้าขนาด 76,000 ตารางฟุต ที่มีเสาวงรีซ้อนทับกันเป็นเกลียว มอบทั้งความสวยงามทางสถาปัตยกรรมและประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหาร พักผ่อน และชมวิวที่แตกต่างจากเดิม โดย Skyloop จะตั้งอยู่สูงกว่า Sands SkyPark ที่อยู่ติดกัน เพื่อสร้างเลเยอร์ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสมุมมองของเมืองสิงคโปร์ในระดับและองศาที่แตกต่างกัน นอกจากตัวโรงแรม ที่นี่ยังมีอารีนาความจุ 15,000 ที่นั่งเพื่อเตรียมให้สิงคโปร์ได้เป็นเจ้าภาพการแสดง กีฬา และกิจกรรมระดับนานาชาติขนาดใหญ่ รวมถึงพื้นที่ MICE (การประชุม สัมมนา การจัดแสดง และกิจกรรมต่างๆ) เพิ่มมากขึ้นอีก […]