WHAT’S UP
Bolwoningen ที่อยู่อาศัยทรงกลมในเนเธอร์แลนด์ เรียบง่าย น้ำหนักเบา และราคาย่อมเยา
ว่ากันว่า หากล่องเรือไปตามเส้นทางเลียบคลองในประเทศเนเธอร์แลนด์ บนฝั่งเราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมรูปทรงแปลกตามีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจอยู่จำนวนมาก ทั้งเก่าแบบสไตล์เรเนซองส์จนถึงความใหม่ร่วมสมัย ความหลากหลายของที่อยู่อาศัยของชาวดัตช์ เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสถาปัตยกรรมส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน อีกความแปลกใหม่ของที่อยู่อาศัยในเนเธอร์แลนด์ที่เราอยากพาไปชม นั่นคือ คอลเลกชันลูกแก้ว หรือที่อยู่อาศัยที่ชื่อว่า ‘Bolwoningen’ หากมองจากบนฟ้าเราจะเห็นว่ามันเหมือนลูกกอล์ฟหลายลูกวางอยู่บนสนามหญ้าที่ตั้งรวมกันเป็นชุมชนหนึ่งทางใต้ของแม่น้ำเมิซ (Meuse) กว่า 50 ลูก เป็นผลงานของ ‘Dries Kreijkamp’ ที่สร้างขึ้นเพื่อหาแนวทางการมีที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา Bolwoningen นั้นสร้างจากซีเมนต์และไฟเบอร์กลาสเสริมแรง มีฐานทรงกระบอกทำหน้าที่เป็นทางเข้าซึ่งเป็นพื้นที่เก็บของและพื้นที่อเนกประสงค์ เมื่อเข้าไปสู่ตัวเรือนทรงกลมซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 18 ฟุต ด้านบนจะเจอกับห้องครัว มีห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถรองรับได้ถึงสองคน มีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วน และห้องนอนอยู่ด้านล่าง ประดับด้วยหน้าต่างทรงกลมที่ช่วยให้แสงธรรมชาติลอดผ่านและสามารถเปิดออกได้เพื่อถ่ายเทอากาศ ลดความอบอ้าวของพื้นที่ปิด ตามความตั้งใจของผู้ออกแบบนั้น ต้องการให้โครงสร้างน้ำหนักเบาเหล่านี้สามารถโยกย้ายจัดเรียงใหม่ได้ไม่รู้จบ และต้องขนส่งได้ง่าย หากเป็นไปได้ก็อยากทำให้ที่อยู่อาศัยแห่งนี้ลอยอยู่บนน้ำได้อีกด้วย Dries Kreijkamp นักออกแบบสถาปัตยกรรมผู้ออกแบบที่อยู่อาศัย Bolwoningen แสนน่ารักน่าชังนี้ เสียชีวิตไปเมื่อปี 2557 แต่ผลงานของเขายังคงอยู่บนโลกใบนี้เพื่อเป็นอีกทางเลือกของการสร้างสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย ยั่งยืน และราคาย่อมเยา Source :Architectural Digest | bit.ly/42PCr16
ได้ประดับบ้านแถมสร้างกลิ่นหอม ‘Bloom’ น้ำหอมปรับอากาศในต้นไม้ปลอมที่มีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว
ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาอยากให้บ้านหอมน่าอยู่ด้วยน้ำหอมปรับอากาศแบบเนียนๆ จนแขกที่มาเยี่ยมจับผิดไม่ได้ ขอนำเสนอ ‘Bloom’ น้ำหอมปรับอากาศสุดสดชื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในกระถางต้นไม้ปลอมขนาดเล็ก ที่วางตรงไหนของบ้านก็แนบเนียนกลมกลืน Bloom เกิดจากการระดมทุนใหญ่ของ ‘P&G’ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักออกแบบ และนักประดิษฐ์ ที่ต้องการพลิกโฉมตลาดผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีพอๆ กับกลิ่นที่อยู่ภายใน จนสุดท้ายก็ได้ออกมาในรูปลักษณ์ของกระถางต้นไม้ปลอมสุดน่ารักที่มีชนิดพืชอวบน้ำให้เลือกถึง 4 สายพันธุ์ และน้ำหอมปรับอากาศภายในอีก 3 กลิ่น ได้แก่ Fresh Dewdrop, Lavender Fields และ Crisp Greenery โดยกลิ่นเหล่านี้จะถูกปล่อยอัตโนมัติออกมาทันทีเมื่อเซนเซอร์ตรวจพบว่ามีการเคลื่อนไหวภายในบริเวณใกล้เคียง และแสดงแสงสว่างบริเวณฐานตามการตรวจจับการเคลื่อนไหวในเวลากลางคืน นอกจากนี้ Bloom ยังใช้งานได้นานถึง 30 วันผ่านการชาร์จไฟด้วยสาย USB หนึ่งครั้ง และหากแคปซูลน้ำหอมภายในหมดลง เราก็แค่ซื้อน้ำหอมแบบรีฟิลมาเติมเองได้ง่ายๆ ในราคาเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 168 บาท) ใครสนใจอยากมี Bloom ติดบ้านไว้สร้างบรรยากาศและกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ในราคา 40 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,350 […]
รู้จักบุคลิกภาพของตัวเองให้มากขึ้นผ่านแบบทดสอบ Find Your Muse เว็บไซต์หาภูตประจำตัวสุดน่ารัก
หากอยากรู้จักบุคลิกภาพของตัวเองให้มากขึ้น นอกจากการทำ MBTI ที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว ก็ยังมีอีกวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เราค้นพบตัวตนที่อาจไม่เคยรู้จักมาก่อน ผ่านการทำแบบทดสอบตอบคำถามร่วมกับ ‘Find Your Muse’ เว็บไซต์สุดน่ารักของ Senior Project คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ที่จะพาเราไปสำรวจตัวเองเพื่อเรียนรู้บุคลิกภาพแบบละเอียดอ่อนสูง (Highly Sensitive) และค้นหาภูตประจำตัว ‘คำถามต่อไปนี้ไม่ใช่แบบทดสอบทางจิตวิทยา เป็นเพียงข้อคำถามที่ใช้ในการสังเกตตนเองเท่านั้น’ เมื่อกดเข้าเว็บไซต์ไป เราจะเจอกับข้อความนี้ที่เน้นย้ำถึงความตั้งใจของ ‘Find Your Muse’ และถ้าพร้อมทำแบบทดสอบแล้ว เราก็แค่ใส่อายุ เพศ เชื้อชาติ และทำตามขั้นตอนต่อไป ภายในเว็บไซต์ เราจะได้พบกับคำถามช่วงแรกที่จะมาวัดความรู้สึก และชวนให้คะแนนว่าเรารู้สึกอย่างไรกับประโยคคำถามเหล่านั้น เช่น ‘ในวันที่ยุ่ง คุณรู้สึกอยากจะปลีกตัวไปนอนบนเตียงหรือไปยังสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัว เพื่อบรรเทาจิตใจจากความวุ่นวาย’, ‘คุณชอบที่จะคิดอย่างละเอียดลออ รวมถึงมองเรื่องราวต่างๆ ในหลายๆ มุม’, ‘คุณจะรู้สึกรำคาญใจเวลามีคนพยายามให้คุณทำหลายๆ เรื่องในเวลาเดียวกัน’ หรือ ‘คุณจะรู้สึกกระวนกระวายใจเวลาที่มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นในชีวิต’ เมื่อให้คะแนนความรู้สึกต่อคำถามทั้งหมดแล้ว เว็บไซต์จะพาไปตามหาภูตประจำตัวที่เหมาะกับตัวตนของเราผ่านคำถามต่างๆ ที่คราวนี้เราจะตอบได้หลายคำตอบมากขึ้นตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ‘ในวันที่ยุ่งมากคุณมักจะรู้สึกอย่างไร’, ‘ข้อดีของคุณที่คนอื่นมักพูดถึง’, ‘สิ่งที่มักจะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นเสมอ’ หรือ […]
มิวเซียมสยามเปิดตัว ‘Siam Origins’ ร้านอาหารไทยพื้นบ้านสี่ภาคที่มาพร้อมเทรนด์รักสุขภาพทุกเมนู
กระแสอาหารเพื่อสุขภาพยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาคนไทยต้องเจอกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพกันมานาน ทั้งโรคระบาดและฝุ่นพิษที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การดูแลตัวเองด้วยการกินยาหรือสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาก็อาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง แต่วิถีการกินแบบนี้อาจยากไปนิด ลองมาสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยแบบสุขภาพดีกับอาหารไทย ที่ ‘Siam Origins’ ร้านอาหารไทยพื้นบ้านสี่ภาคที่มิวเซียมสยาม โดยมี ‘เชฟไก่-ธนัญญา ไข่แก้ว’ มาสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น พรักพร้อมทั้งเมนูจานหลัก อาหารคาว และอาหารหวาน ตอกย้ำกระแส ‘Thai Taste Therapy’ ที่ถือว่าอาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก โดยวัตถุดิบที่เลือกใช้ล้วนมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น เช่น น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลอ้อย เกลือทะเลจากธรรมชาติ ซีอิ๊วหรือเครื่องปรุงแบบไม่มีกลูเตนผสม กะปิที่หมักจากเคยอย่างดี แกงกะทิใช้กะทิที่เคี่ยวจนได้น้ำมันขี้โล้ และของหมักดองก็เป็นแบบโฮมเมดทั้งสิ้น รวมไปถึงสมุนไพรและเครื่องเทศหลายชนิดที่นำมาใช้ก็มีสรรพคุณช่วยดูแลสุขภาพด้วยเหมือนกัน ใครที่อยากไปลองลิ้มชิมรส Siam Origins เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 น. ที่ มิวเซียมสยาม (MRT สนามไชย ทางออก1) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : SiamOriginsbkk
Targ Blonie Market ตลาดสดสไตล์มินิมอลในโปแลนด์ โปร่งสบาย ถูกสุขอนามัย เชื่อมคนในชุมชนเข้าหากัน
เมื่อพูดถึง ‘ตลาดสด’ ภาพในหัวของใครหลายคนคงจะเป็นสถานที่ร้อนๆ อากาศอบอ้าว บรรยากาศมืดครึ้ม มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ต่อจากนี้ เราขอให้คุณลบภาพเหล่านั้นทิ้งไปให้หมด เพราะวันนี้เราจะพาไปดูตลาดสดในประเทศโปแลนด์ที่จะเปลี่ยนความคิดของคุณไปอย่างสิ้นเชิง ‘Targ Blonie Market’ เป็นตลาดสดที่ตั้งอยู่ในชุมชน Blonie เมืองเล็กๆ ใกล้เมือง Warsaw ประเทศโปแลนด์ ที่เกิดขึ้นจากการพยายามปรับปรุงตลาดสดดั้งเดิมให้มีความน่าสนใจและเข้าถึงผู้คนในชุมชนได้ง่ายขึ้น ผ่านการออกแบบภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความปลอดโล่งโปร่งสบายและสนับสนุนวัตถุดิบในท้องถิ่น Targ Blonie Market ถูกพัฒนาขึ้นโดย ‘Aleksandra Wasilkowska Architectural Studio’ สตูดิโอออกแบบที่รับผิดชอบ ภายใต้แนวคิด ‘Shadow Architecture’ ซึ่งเป็นวิธีการจัดวางตำแหน่งโครงสร้างและหลังคาที่เหมาะสมเพื่อให้ได้แสงที่ช่วยส่งเสริมบริเวณโดยรอบ และจัดการกับมาตรฐานด้านสุขอนามัยและโครงสร้างพื้นฐานของตลาด จนเกิดเป็น ‘ตลาดลูกผสม’ ระหว่าง ‘สวนสาธารณะ’ และ ‘ตลาดสด’ ด้วยภาพลักษณ์สะอาดตาจากหลังคาสีขาวที่สร้างขึ้นเพื่อบังแสงแดดและฝน รวมไปถึงแผงขายของแบบขั้นบันได ทำให้การวางสินค้าเป็นไปอย่างสวยงามมากยิ่งขึ้น แนวคิดนี้มีจุดมุ่งหมายหลักคือ การทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพในราคาไม่แพงได้ โดยเน้นไปที่การจำหน่ายวัตถุดิบจากเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีอำนาจในการต่อรอง และสร้างสายใยความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนให้แน่นแฟ้นมากขึ้น อีกหนึ่งความพิเศษของ Targ Blonie Market ที่ทำให้ตลาดสดแห่งนี้เป็นมากกว่าตลาดทั่วๆ ไปคือ เมื่อตลาดปิดให้บริการ […]
เปิดย่านพระนครตะลอนออนดราม่า ในงาน Cultural District 2023 เกาะรัตนโกสินทร์ 19 – 28 พ.ค. 66
กลับมาอีกครั้งกับงาน ‘Cultural District’ โดยมิวเซียมสยาม กับคอนเซปต์ ‘พระนคร ออน ดราม่า’ ที่จะพาทุกคนไปเปิดเกาะรัตนโกสินทร์ เสพดราม่ากับอดีต 5 อัครสถานบันเทิงแห่งย่านพระนคร และไม่ใช่แค่เดินดูสถานที่แห่งความทรงจำเท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าไปรับชมการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับได้ย้อนเวลาไป ณ ตอนนั้นจริงๆ ภายในงานมีการจัดการแสดงทั้งหมด 5 สถานที่ ดังนี้ 1) ‘สังคีตศาลา National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร’ ที่จะพาทุกคนไปรับชมละครใน ละครนอก รำฉุยฉาย ทริปตามรอยประวัติศาสตร์มหรสพวังหน้าและมหรสพต้นกรุง 2) ‘สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ’ กับการแสดงลิเก ล้อมวงพูดคุย และงานแสดงภาพถ่ายจากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย 3) ‘ลานคนเมือง ท่าพระจันทร์’ กับนิทรรศการย้อนความหลังของดนตรียุค 90 และมินิคอนเสิร์ต Inspiration from 90s โดย น้อง ท่าพระจันทร์ 4) ‘โรงภาพยนตร์ควีนส์’ โรงภาพยนตร์เก่าแห่งวังบูรพา ที่ทุกคนจะได้เข้าชมห้องฉายภาพยนตร์ ร่วมทริปตามรอยโก๋หลังวัง และนิทรรศการ […]
‘Dubai Reefs’ โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อการวิจัย ฟื้นฟู และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
มหาสมุทรอาจดูเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่กว้างใหญ่ จนเราไม่สามารถดูแลและปกป้องได้อย่างเต็มที่ แต่หากยังปล่อยให้การดำเนินชีวิตและการท่องเที่ยวทำร้ายแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่เรื่อยๆ ก็ถือเป็นการเร่งความเสียหายให้กับธรรมชาติ และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตก็ได้ ทาง ‘URB’ ผู้พัฒนา Net Zero Sustainable Cities ได้ออกแบบ ‘Dubai Reefs’ โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเมือง Emirati ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสร้างเป็นชุมชนลอยน้ำที่ยั่งยืนสำหรับการวิจัยทางทะเล การฟื้นฟู และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่วางเป้าหมายว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 30,000 ตำแหน่งในระบบเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงที่อยู่อาศัย การท่องเที่ยว การค้าปลีก การศึกษาและการวิจัย หลักสำคัญของโครงการ Dubai Reefs คือสถาบันทางทะเลที่ตั้งขึ้นเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ทางทะเลและความสามารถในการอนุรักษ์ของดูไบ ในขณะเดียวกันก็มีการสร้างแนวปะการังเทียมที่มีความยาวครอบคลุมพื้นที่ 200 ตารางกิโลเมตร และยังมีแผนสร้างบ้านของปะการังมากกว่า 1 พันล้านต้นและต้นโกงกางมากกว่า 100 ล้านต้นด้วย นอกจากงานวิจัยและการอนุรักษ์แล้ว โครงการ Dubai Reefs ยังจะเปิดเป็นพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเลเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้มาเยือน โดยจะมีที่พักลอยน้ำเชิงนิเวศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมดจากพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้าพลังงานน้ำ เป้าหมายหลักของ Dubai Reefs คือการเปลี่ยนเมืองให้เป็นจุดหมายปลายทางเชิงนิเวศ ที่มหาสมุทรและภูมิทัศน์ต่างๆ สามารถเติบโตอย่างสมดุลไปพร้อมๆ […]
The Arc อาคารไม้ไผ่ของโรงเรียนในบาหลี แนวคิดการออกแบบด้วยวัสดุทางเลือกที่ยั่งยืน
IBUKU คือทีมนักออกแบบและผู้สร้างสถาปัตยกรรมที่ปรารถนาจะใช้ประโยชน์จาก ‘ไม้ไผ่’ และใช้ช่างฝีมือรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อพัฒนาแนวคิดโบราณและแนวคิดใหม่ให้สมดุลกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าศักยภาพของต้นไผ่นั้นถูกประเมินค่าต่ำเกินไป และน่าจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่ในภูมิภาคเขตร้อน เช่น เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก แปซิฟิกใต้ อเมริกากลางและใต้ เป็นต้น เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้ต่างคุ้นเคยกับพรรณไม้ชนิดนี้มาเป็นร้อยๆ ปี เราขอยกตัวอย่างผลงานสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่งในประเทศบาหลีที่นำวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่มาใช้สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย สถาปัตยกรรมนี้ชื่อว่า ‘The Arc’ ได้รับการออกแบบโดยความร่วมมือจาก Jörg Stamm ผู้เชี่ยวชาญด้านไม้ไผ่ชาวเยอรมัน และ Atelier One บริษัทวิศวกรรมโครงสร้างในสหราชอาณาจักร โครงการนี้เรียบง่าย โดยใช้ไม้ไผ่มาสร้างเป็นหลังคาที่มีลักษณะคล้ายเปลือก ทำหน้าที่บังแดดลมฝน ครอบสนามกีฬาอเนกประสงค์ของโรงเรียน Green School ซึ่งเป็นสถาบันชื่อดังในอินโดนีเซียที่ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความยั่งยืนร่วมกับผู้คนในชุมชน เมื่อมอง The Arc จากภายนอกจะพบรูปร่างเปลือกที่มีความโค้งเว้าลื่นไหลไปกับรูปทรงของธรรมชาติโดยรอบ เป็นภาพหลังคาที่มีความซับซ้อนไม่ธรรมดา สถาปนิกกล่าวว่า โครงการต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวิจัยเพื่อกำหนดวิธีการสร้าง ตั้งแต่การเริ่มต้นสร้างแบบจำลอง ทดสอบอายุการใช้งานของไม้ไผ่ หรือวิธีการป้องกันแมลงต่างๆ ฯลฯ จนเกิดเป็นซุ้มไม้ไผ่ที่มีความสูง 14 เมตร ความยาว 19 เมตร แปลนของอาคารมีความกว้าง 23.5 เมตร […]
‘Fluus’ ผ้าอนามัยย่อยสลายในน้ำ ไม่ต้องหากระดาษห่อให้ยุ่งยาก แค่ทิ้งลงชักโครกก็หายไปในพริบตา
รอบเดือนเป็นสิ่งที่ผู้มีประจำเดือนทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังกลายเป็นส่วนหนึ่งในปัญหาขยะจากผ้าอนามัย เพราะโดยปกติแล้วผ้าอนามัยทั่วๆ ไปประกอบด้วยพลาสติกถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และเพียงแค่ในสหราชอาณาจักรก็มีการใช้กว่า 3,000 ล้านชิ้น สร้างขยะมากถึง 200,000 ตัน นี่ยังไม่นับรวมทั้งโลกเลย ‘Fluus’ แบรนด์ผ้าอนามัยจากสหราชอาณาจักรจึงมองหาวิธีช่วยลดขยะและลดการฝังกลบ ด้วยผ้าอนามัยชิ้นแรกที่สามารถทิ้งลงชักโครกเพื่อให้สลายตัวไปกับน้ำ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวผ้าอนามัยเท่านั้น แต่กระดาษห่อและกระดาษรองก็ทิ้งลงชักโครกได้ด้วยเหมือนกัน ผ้าอนามัยของ Fluus ประกอบไปด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่มจากการใช้เส้นใยจากพืชเพื่อให้ผ้าด้านบนและด้านล่างนุ่มเป็นพิเศษ ระบายอากาศได้ดี ช่วยให้รู้สึกแห้งสบาย และพอลิเมอร์ชีวภาพที่ช่วยให้เลือดซึมเข้าสู่แผ่นรองได้อย่างรวดเร็ว ไม่เลอะเทอะ ส่วนกาวที่ยึดผ้าอนามัยก็ทำมาจากเยื่อไม้ที่ไม่เป็นพิษ และมีคุณสมบัติกระจายตัวในน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ระบบน้ำอุดตัน เมื่อทิ้งผ้าอนามัยลงไปในชักโครก การเคลื่อนที่ของน้ำจะดึงชั้นต่างๆ ของผ้าอนามัยออกจากกัน จากนั้นจะนำไปบำบัดที่ศูนย์บำบัดน้ำพร้อมกระดาษชำระและสิ่งปฏิกูลที่สลายตัว เกิดเป็นน้ำสะอาด พลังงานทดแทน และปุ๋ย การฝังกลบขยะจากผ้าอนามัยอาจใช้เวลากว่า 500 ปีในการย่อยสลาย ในขณะที่ Fluus สามารถทำให้ผ้าอนามัยสลายไปได้ในพริบตา นอกจากปัญหาขยะแล้ว Fluus ยังช่วยลดปัญหาการทิ้งผ้าอนามัยหากห้องน้ำที่เราเข้าไปใช้งานไม่มีถังขยะ หรือบางคนอาจรู้สึกไม่สบายใจหากต้องทิ้งผ้าอนามัยที่บ้านคนอื่น Sources :DesignTAXI | bit.ly/42F3CezFluus | wearefluus.com
Nendo สตูดิโอออกแบบญี่ปุ่น ปิ๊งไอเดียกระป๋องเบียร์สองห่วงดึงฝา ดื่มด่ำรสชาติเบียร์ได้แบบไร้ฟองกวนใจ
ประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ ถือเป็นอีกดินแดนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการกินดื่ม พวกเขาใส่ใจในรายละเอียดและพิถีพิถันกับการออกแบบเครื่องดื่มที่ให้ทั้งความสวยงามน่ามอง และมีฟังก์ชันที่ตอบสนองผู้บริโภคอยู่เสมอ วันนี้เราขอพาไปดูอีกหนึ่งไอเดียอันแสนเรียบง่าย แต่มีประโยชน์มากๆ สำหรับผู้ที่ชอบดื่มเบียร์ แต่เมื่อเบียร์ต้องถูกบรรจุลงในกระป๋อง การเทลงแก้วอาจทำให้เกิดฟองเยอะเกินความต้องการ ‘กระป๋องเบียร์แบบมีสองห่วงดึงฝา’ จึงถูกคิดค้นขึ้น ผู้ที่คิดไอเดียนี้ขึ้นมาคือสตูดิโอออกแบบสัญชาติญี่ปุ่นชื่อว่า ‘Nendo’ ที่ออกแบบกระป๋องเบียร์ให้มีห่วงดึงฝาถึง 2 จุด ที่หากมองจากด้านบนกระป๋องที่ยังไม่ได้ถูกเปิด เราจะพบกับการดีไซน์ที่มีลักษณะคล้ายอีโมจิที่ให้อารมณ์วกวนชวนสงสัย การออกแบบกระป๋องที่มีสองห่วงดึงฝานี้ใช้หลักการแบบโดมิโนคือ เมื่อเปิดจุดแรกออกจะทำให้เกิดฟองจำนวนมาก ผู้ดื่มสามารถเทฟองลงในแก้วได้ตามปริมาณที่ต้องการ จากนั้นก็มาต่อที่จุดสองที่เราจะต้องดึงฝาห่วงเปิดให้สุด คราวนี้จะเป็นคิวการไหลลงมาของเบียร์ ด้วยวิธีนี้ จะทำให้นักดื่มได้พบกับอัตราส่วนเบียร์และฟองประมาณ 7:3 ซึ่งตรงตามกับสิ่งที่เรียกว่าอัตราส่วนทองคำ ทำให้เราสามารถดื่มเบียร์จากกระป๋องได้อย่างสดชื่นตามชอบใจแบบไร้ฟองกวนได้นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งไอเดียง่ายๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากปัญหาเล็กๆ ที่ผู้บริโภคเจอ และนำมาต่อยอดกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับความสุนทรีย์ในการดื่มด่ำรสชาติเบียร์ที่ต้องการได้ Source :Designboom | bit.ly/42zOlM7
‘ลัทธิชาตินิยามทางศาสนา’ คืออะไร ทำอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และโอบรับความแตกต่างในสังคมได้
‘ศาสนา’ คือลัทธิความเชื่อของมนุษย์ ที่อธิบายการกำเนิดและความเป็นไปของโลก หลักศีลธรรม พิธีกรรม และความเชื่อ มากไปกว่านั้น ศาสนายังเป็นดั่งเข็มทิศที่กำหนดกรอบจริยธรรมให้ผู้นับถือปฏิบัติตาม ช่วยนำทางชีวิต และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเรื่องปกติที่ประเทศจะมีศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่มีคนนับถือเป็นจำนวนมากกว่าศาสนาอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการนำ ‘อัตลักษณ์ทางศาสนา’ (Religious Identity) ไปหลอมรวมกับ ‘เอกลักษณ์ประจำชาติ’ (National Identity) จนเกิดเป็น ‘ลัทธิชาตินิยมทางศาสนา’ (Religious Nationalism) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ศาสนาอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยกและกีดกันผู้นับถือศาสนาอื่น จนอาจลามไปถึงความขัดแย้งรุนแรงได้ ในหน้าประวัติศาสตร์ร่วมสมัย หลายต่อหลายครั้งพวกเราได้เห็นผลพวงจากการนำศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือ เช่น ในประเทศอินเดียที่พรรคการเมืองใช้วาทกรรมเหยียดศาสนาอิสลามเพื่อสร้างความนิยม และออกนโยบายเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม ‘กลุ่มรัฐอิสลาม’ หรือ ‘IS’ ที่ใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือรวบรวมกำลังพลและเป็นอุดมการณ์ในการก่อตั้งประเทศ และใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงอย่างสุดโต่งกับฝ่ายตรงข้ามและผู้เห็นต่าง และเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาในประเทศเมียนมาร์ที่กระทำโดยพลเมือง พระ และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีบ่อเกิดความรุนแรงจากการโหมแนวคิดว่าชาวโรฮิงญาไม่ใช่ชาติพันธุ์ของประเทศเมียนมาร์ และเป็นภัยต่อศาสนาพุทธ ประเทศไทยเองก็เป็นดินแดนที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ถึงแม้จะไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างศาสนาอย่างชัดเจน และคนส่วนใหญ่ก็ให้ความเคารพในสิทธิการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนของชาวพุทธที่มีอย่างมากในประเทศไทย และสถานะของศาสนาพุทธที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบทบาทอย่างมากกับสังคม ทำให้ในบางครั้งอาจเกิดการเคลื่อนไหวที่พยายามใช้ศาสนาพุทธในการขับเคลื่อนอุดมการณ์ชาตินิยมหรือทางการเมือง และมีการสร้างความหวาดระแวงต่อกลุ่มศาสนาอื่น โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อศาสนาพุทธและประเทศ วาทกรรมเหล่านี้เป็นอันตรายต่อความตั้งใจของประเทศในการสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย และเราจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรที่จะสามารถหยุดยั้งความขัดแย้งทางศาสนาก่อนที่จะปะทุไปเป็นความรุนแรง United Nations […]
สร้างความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ทางเพศ ด้วยถุงยางอนามัยตามสีผิวครั้งแรกของโลก แถมยังย่อยสลายได้หลังการใช้งาน
ในยุคปัจจุบันที่สังคมค่อนข้างเปิดกว้าง ผู้คนกล้าพูดคุยถึงเรื่องทางเพศกันมากขึ้น แถมผลิตภัณฑ์ทางเพศอย่าง ‘ถุงยางอนามัย’ หลากหลายประเภทยังถูกผลิตและวางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป มีตั้งแต่ถุงยางอนามัยกลิ่นสตรอว์เบอร์รี กลิ่นช็อกโกแลต หรือจะเลือกผิวสัมผัสและสีที่ต้องการก็ได้หมด ทั้งแดง ชมพู ดำ ทอง ฯลฯ แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมถุงยางอนามัยถึงไม่มีสีที่เข้ากับสีผิวของ ‘คนผิวสี’ (People of Color) ด้วยเหตุนี้ ‘Roam’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทางเพศกำลังท้าทายแนวคิดดังกล่าวด้วยการเปิดตัว ‘ถุงยางอนามัยที่มีสีผิว’ ครั้งแรกของโลก โดยทางบริษัทได้ทำงานร่วมกับที่ปรึกษาด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ‘Word on the Curb’ เพื่อพัฒนาถุงยางที่รองรับโทนสีผิวที่หลากหลาย โดยอธิบายว่า การออกแบบที่ครอบคลุมนี้คือการเพิ่มทางเลือกและเป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์นี้มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สียางธรรมชาติ สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาล และสีน้ำตาลเข้ม นอกเหนือจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวหลากหลายแล้ว ถุงยางอนามัยของ Roam ยังทำจากน้ำยางธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้หลังการใช้งาน มาพร้อมฟอยล์กระดาษแทนบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วไปเพื่อลดขยะอีกด้วย ที่สำคัญ ทุกการซื้อถุงยางอนามัย Roam จะบริจาคถุงยางอนามัยให้กับองค์กรการกุศลด้านสุขภาพทางเพศ ‘Brook’ เพื่อส่งเสริมการป้องกันทางเพศให้แก่ชุมชนที่การซื้อถุงยางอนามัยถูกตีตราและมองว่าเป็นเรื่องน่าอายด้วย Source : DesignTAXI | t.ly/Nxs43