หน้าร้อนปีที่แล้วหลายคนอาจจะต้องกักตัวอยู่แต่ที่บ้าน แต่หน้าร้อนปีนี้ใครที่ไม่อยากเฉา เราอยากพาทุกคนไปรับพลังความสดใสของศิลปะกับหมู่ดอกไม้ที่เบิกบานกับแคมเปญ ‘Blooming Summer’ ที่เปลี่ยนศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศให้กลายเป็น Art Exhibition ออกแบบโดย 3 ศิลปินระดับประเทศ คือ ปรางค์-วิภาลักษณ์ ศิริพลานนท์, ปอม ชาน-ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง และ สกุล อินทกุล
Blooming Summer จัดแสดงในศูนย์การค้าเซ็นทรัลต่างสาขากันไปตามรูปแบบสถานที่ ใครอยู่ใกล้สาขาไหนก็ออกไปชมความยูนีกของที่นั้นๆ กันได้ แต่ทุกสาขาจะได้รับความสดใส เยียวยาจิตใจกลับไปไม่ต่างกัน! ออกไปรับพลังสู้หน้าร้อนได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลใกล้บ้านคุณ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2565
มาเริ่มกันที่งานออกแบบของ ปรางค์ วิภาลักษณ์ ที่จัดแสดง ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ในคอนเซปต์ The Blooming House ได้แรงบันดาลใจจาก Architecture ของเซ็นทรัลเวิลด์ที่ตัวอาคารมีกระจกรอบตัวจำนวนมาก ทำให้เกิดเป็นไอเดียคล้าย Green House หรือกระจกโรงเรือนขนาดใหญ่ที่ด้านในเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายของคุณปรางค์ด้วยเพราะปกติไม่ได้ทำงานชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ครั้งนี้จึงถือว่าได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่เป็น 3D ขึ้นมา โดยประกอบไปด้วย 4 จุดที่สามารถไปแวะชมหรือแวะถ่ายรูปเช็กอินได้ ตามมาเลย!
จุดแรก เริ่มจาก Skywalk ทางเชื่อม BTS มายังชั้น 2 ของเซ็นทรัลเวิลด์ประตูทางเข้าใกล้ร้าน สตาร์บัคส์ บริเวณนี้จะมีอุโมงค์ดอกไม้สีสันสดใสและประดับไฟกะพริบสวยงามเชิญชวนให้ทุกคนเดินเข้าไปข้างใน
โดยตลอดทางของอุโมงค์ก็จะได้สัมผัสกับดอกไม้นานาชนิดที่มีเลเยอร์ให้มองทะลุเข้าไปได้ด้วย ไม่ว่าจะหันซ้าย หันขวา เงยหน้าขึ้น หรือก้มมองพื้น ก็จะเห็นดอกไม้ในรูปทรงแบบ Geometric Flowers ตามสไตล์การออกแบบของคุณปรางค์ประดับอยู่ทุกทิศทาง
หลังจากเดินผ่านอุโมงค์เข้ามาแล้ว เราขอพาไปชมจุดที่ 2 ที่เรียกว่า Central Court ซึ่งมีโมบายดอกไม้ยักษ์แขวนอยู่ตั้งแต่ชั้นบนจนถึงชั้นล่าง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Balancing ที่ดูไม่สมดุลของโมบาย แม้ว่าตำแหน่งการจัดวางอาจจะไม่ตรงกัน แต่หากมองรวมๆ แล้วจะเห็นความสมดุลกันในทุกมุม เช่น ถ้าเดินขึ้นบันไดเลื่อนจะมองเห็นดอกไม้ที่บานแล้ว หรือถ้ามองจากข้างบนลงมาก็จะเห็นความเป็น Blooming Summer ได้เช่นกัน
ดอกไม้แต่ละชนิดมักจะมีความหมายเฉพาะของตัวเอง เช่นเดียวกับดอกไม้บริเวณ Becon3 ที่มาในรูปแบบกราฟิกฉายบนจอทั้งหมด 11 จอ ซึ่งจะเป็นดอกไม้หลากหลายชนิดตามจินตนาการ เช่น ดอกแองเจลิกา ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ดอกโคลัมไบน์สีม่วง หมายถึงความสำเร็จ ดอกโครคัส หมายถึงการปรับเปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น และดอกทิวลิปสีเหลือง เป็นตัวแทนของคนที่มีรอยยิ้มที่สดใส เป็นต้น
นอกจากนี้ ในแต่ละชั้นยังถูกประดับไปด้วยดอกไม้ไซส์ใหญ่ยักษ์ในรูปร่างต่างๆ แซมอยู่รอบๆ จัดแสงสีไว้สดใสสวยงาม เหมือนเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มองรวมๆ ไปพร้อมกับจอก็น่าจะช่วยชุบชูจิตใจให้มีช่วงเวลาที่อารมณ์ดีขึ้นได้บ้างไม่มากก็น้อย
มาถึงโซนรอบนอกกันบ้าง กับจุด Window Display บริเวณฝั่งลานเซ็นทรัลเวิลด์ สายถ่ายรูป ไม่ว่าจะเซลฟีเองหรือให้เพื่อน ให้แฟน ให้ครอบครัวถ่ายให้ก็เหมาะ เพราะออกแบบให้มีขนาดใหญ่พิเศษกว่าปกติ สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ทั้งตัวเหมือนอยู่ในสวน โดยจัดเป็นดิสเพลย์ลวดลายและลูกเล่นแตกต่างไม่ซ้ำกันเลย
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งโซนที่เพิ่มขึ้นมา อยู่บริเวณโซน I ชั้น 1 ซึ่งจะจัดเป็นเหมือนลานย่อมๆ ให้มานั่งพักหรือถ่ายรูปเล่นได้ ตกแต่งด้วยที่นั่งรูปทรงดอกไม้สีหวานน่ารักสดใส นอกจากน่ารักแล้วยังใช้งานได้อีกด้วย
มาชมงานออกแบบของ ปอม ชาน Illustrator ชื่อดังกันต่อ ที่มาในคอนเซปต์ FlowerVerse ชวนเปิดโลกจินตนาการซัมเมอร์เป็นเมืองแห่งมวลดอกไม้ โดยจัดแสดงในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ซึ่งวันนี้ เราจะพาไปชมที่สาขาปิ่นเกล้าเป็นตัวอย่างกันก่อน
ภายในเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า บริเวณชั้น 2 ตรงประตูทางเชื่อม ติดกับร้าน The Face Shop จะเห็นงานของคุณปอม ชานจัดตั้งไว้รอให้ทุกคนเดินเข้าไปสำรวจเหล่าดอกไม้และสรรพสัตว์ เพลินตาด้วยลายเส้นและโทนสีที่น่ารักแสนละมุน กับไฟที่ตกแต่งเพิ่มลูกเล่นให้มีมิติยิ่งขึ้น จะถ่ายรูปก็มีมุมให้เลือกโพสมากมาย ล้อมรอบด้วยดอกไม้ใหญ่สีหวานบานสะพรั่ง ไปจนถึงแจกันที่มีรูปทรงโมเดิร์นหลากหลายแบบ เหมือนอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์
งานนี้ออกแบบเอาไว้สุดน่ารักเหนือจินตนาการตามสไตล์ของคุณปอม ชาน กับเมืองดอกไม้ ‘Flowerverse Land’ ที่ไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดา แต่เป็นดอกไม้ยักษ์ ที่ทุกดอกประกอบด้วยส่วนผสมแห่งความน่ารัก จะมีลักษณะเหมือนเยลลี นุ่มนิ่ม และมีคุณสมบัติพิเศษคือทำให้คนที่หลงเข้ามามีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใส
ซึ่งผลงานชิ้นนี้ มี Storytelling น่ารักๆ ซ่อนอยู่ด้วย โดยเป็นเรื่องราวของดอกไม้ในเมืองที่เกิดจากเกสรดอก BabyBoo ที่ไม่ว่าจะปลิวไปตกตรงไหนก็จะเกิดต้นใหม่ขึ้นมา โดยมีคุณผีเสื้อแองเจลลิก้า คอยผสมความน่ารักกุ๊กกิ๊ก และดอกไม้ทุกดอกในเมืองจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคุณโกลด์โทเทิล แมลงเต่าทองที่คอยใส่ปุ๋ยซึ่งทำมาจากปุยเมฆ และมีคุณโซเดียร์คอยเดินเอนเตอร์ เทนเหล่าดอกไม้ด้วยการสร้างเสียงเพลงให้เมืองสดใส รวมถึงคุณพิกซี่ แมวน้อยจอมซนที่คอยวิ่งเล่นไปทั่ว และทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยความสว่างไสวจากแสงที่รวมไว้ที่หาง
เมื่อเดินมาถึงจุด Chessgate ก็เปิดให้คนที่ผ่านเข้ามาเพลิดเพลินกับบรรยากาศสบายตาจากบรรดาก้อนเมฆที่จะเป็นปุ๋ยให้กับดอกไม้ในเมือง โดยมีคุณมิยาซาว่า กระต่ายน้อยที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลทุกคนในเมืองแห่งนี้ ถัดไปอีกโซน จะเป็นโซนสวนลอย ที่มีคุณนกลาลาเบลเป็นผู้ดูแล และอนุบาลเหล่าดอกไม้ ก่อนย้ายไปปลูกที่ใจกลางเมืองต่อไป
ส่วนใครที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวสุดน่ารักเหล่านี้ สามารถไปเดินชม และเช็คอินถ่ายรูปกับงานสร้างสรรค์ของคุณปอม ชานกันได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ
เท่านี้ยังไม่พอ ขอพาไปชมผลงานการสร้างสรรค์ของสกุล อินทกุล ศิลปินนักออกแบบดอกไม้สดที่นำคอนเซปต์ The Vertical Lotus Ponds มาจัดแสดงในรูปแบบศิลปะติดตั้งร่วมสมัย ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฟอร์มของดอกไม้ไทย ทั้งมาลัย เครื่องแขวน หรืออุบะ แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการประดิษฐ์ดอกไม้สดของไทยที่มีความสวยงามและละเอียดประณีต จัดแสดงที่เซ็นทรัล วิลเลจ และเซ็นทรัล ภูเก็ต โดยที่สาขาภูเก็ตจะถูกติดตั้งด้วยการแขวนเป็นโมบายใหญ่ ส่วนสาขาวิลเลจที่เราจะพาไปชมกันนี้จะเป็นการติดตั้งแบบลอยตัวตั้งอยู่บนพื้น (Freestanding)
เมื่อเข้ามาที่เซ็นทรัล วิลเลจ จากทางเข้า Gate E ก็จะเห็นกลุ่มดอกบัวสีชมพูสดใสsบานเด่นตั้งลอยตัวหันมาทักทายอยู่บริเวณ Royal Village
งานนี้คุณสกุลต้องการผสมผสานความดั้งเดิมเข้ากับความร่วมสมัย และเมื่อนึกถึงดอกไม้ไทย ความงดงาม ความบริสุทธิ์ ความเจริญทางสติปัญญา ก็นึกถึงดอกบัว ซึ่งเป็นตัวแทนของการตื่นรู้เบิกบาน (Enlightenment) นอกจากนี้ ดอกบัวจะงดงามที่สุดตอนฤดูร้อน ไม่ว่าจะในไทย จีน หรือญี่ปุ่นก็ตาม ดอกบัวก็แทนสัญลักษณ์ของฤดูร้อนด้วย จึงเลือกดอกบัวมาเป็นดอกไม้หลัก และปรับมุมมองให้เป็นแนวตั้ง (Vertical) เกิดทัศนวิสัยใหม่ จากปกติที่เรามักจะมองดอกบัวจากมุมด้านบน ซึ่งทำให้ดูแปลกตา เกิดเป็นความสวยงาม น่าประทับใจแบบใหม่มากขึ้น
ไอเดียของงานนี้มีทั้งสายน้ำ เนื่องจากดอกบัวเป็นองค์ประกอบหลัก สายน้ำจึงเปรียบเสมือนสภาวะแวดล้อมที่สะพรั่ง ซึ่งน้ำและดินที่อุดมสมบูรณ์ก็จะเอื้อต่อความกินดีอยู่ดี ต่อมาคือดอกบัว สระบัว ใบบัว เป็นสัญลักษณ์แทนความเจริญ เห็นพร้อมด้วยปัญญาและจิตวิญญาณแห่งความมีปัญญา ทำให้สังคมขับเคลื่อนได้อย่างมีเมตตาธรรม เอื้ออาทรต่อกัน และวัฒนาสถาพรต่อไป ซึ่งการนำวัฒนธรรมการประดิษฐ์ดอกไม้สดของไทย มาออกแบบอย่างร่วมสมัยในวันที่โลกก้าวเข้าสู่โลก NFT จึงอยากให้คนทุกรุ่นได้เห็นถึงความทันสมัย ร่วมสมัย อย่างงดงามและมีรสนิยม
นอกจากนี้ บริเวณ Textile Village หน้าทางเข้า Gate G ก็มีการติดตั้งงานด้วยฟอร์มของอุบะและเครื่องแขวนต่างๆ ประกอบกับดอกบัวจริงในอ่างบัวตั้งไว้คู่กันอีกด้วย
เซ็นทรัล วิลเลจที่เดิมทีตกแต่งเน้นสไตล์สถาปัตยกรรมไทยไว้อยู่แล้ว ประกอบกับงานศิลปะจัดตั้งดอกบัวของคุณสกุล เพิ่มความงามวิจิตรที่ลงตัวมากขึ้นอย่างร่วมสมัย โดยศิลปินตั้งใจที่จะให้ผู้มาชมงานได้รับความแช่มชื่นกลับไปในหน้าร้อนนี้
Writer
