Holding The Door Open โดย BICT Fest - Urban Creature

เรามักได้ยินว่า ‘ศิลปะไม่มีพรมแดน’ แต่บ่อยครั้งศิลปะในไทยก็ดูมีเขตแดนบางอย่างที่กางกั้นคนบางกลุ่มอยู่

หลายคนรู้สึกว่า ‘ละครเวที’ เป็นสื่อบันเทิงที่ไกลตัว ทั้งบัตรราคาสูง เนื้อหาเข้าถึงยาก จนกลายเป็นศิลปะที่เหมือนสงวนไว้ให้คนเฉพาะกลุ่ม แต่ความจริงแล้วงานศิลปะการแสดงนั้นไม่ได้จำกัดเอาไว้สำหรับใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หลายคนที่อยู่ในวงการนี้อยากช่วยกันพลิกภาพจำใหม่ ให้ละครเวทีเป็นพื้นที่ที่ทุกคนตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หรือกระทั่งคนที่มีข้อจำกัดทางร่างกายสามารถก้าวเข้ามามีส่วนร่วมได้

หนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญคือ ‘อัจจิมา ณ พัทลุง’ ผู้อำนวยการ Bangkok International Children’s Theatre Festival (BICT Fest) ผู้ที่ไม่เพียงแค่อยากให้คนทั่วไปเข้าถึงละครเวทีได้เท่านั้น แต่ยังอยากสร้างพื้นที่ส่วนรวมที่เอื้อต่อคนทุกกลุ่ม รวมไปถึงการปลูกฝังความคิดของเด็กๆ ถึงเรื่องของความเท่าเทียมด้านร่างกาย ผ่านงานศิลปะที่จะแทรกซึมผ่านจินตนาการของเด็ก แทนที่จะใช้วิธีการสอนเพื่อให้เกิดการจดจำแทนการสร้างความเข้าใจ

จากความตั้งใจนี้เอง ทำให้ BICT Fest ได้รับทุน ‘Connections Through Culture’ จาก British Council ในการสร้างสรรค์โปรเจกต์ ‘Holding the Door Open’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Inclusive Horizon’ เพื่อเปิดประตูสู่โลกละครที่เท่าเทียมและหลากหลาย ทั้งในฐานะผู้สร้างและผู้ชม

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

‘BICT Fest’ ไม่ใช่แค่ให้เด็กเข้าถึง ‘ละคร’ แต่เปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มเป็นศิลปินได้

‘BICT Fest’ หรือ ‘เทศกาลละครนานาชาติสำหรับเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ’ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 มีพันธกิจในการจัดงานศิลปะการแสดงหรือละครสำหรับเด็กในประเทศไทย เนื่องจากอัจจิมามองว่าศิลปะเด็กไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงแค่กลุ่มของนิทานหรือการเล่าเรื่องเพื่อให้บทเรียนสั่งสอน แต่ควรเปิดพื้นที่ให้พวกเขารู้จักงานศิลปะที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นละครเวที, การเต้น, Object Theatre (ศิลปะการแสดงที่ใช้วัตถุต่างๆ มาเป็นตัวละครหรือองค์ประกอบหลักของการเล่าเรื่อง) หรือศิลปะแขนงอื่นๆ

“เราอยากให้คนเห็นว่า ‘ละครสำหรับเด็ก’ ในโลกปัจจุบันพัฒนาไปไกลแค่ไหนแล้ว และอยากให้เกิดการต่อยอดพัฒนาในประเทศไทยด้วย กลุ่มศิลปินที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กในบ้านเรามีทั้งคนที่อยู่ในวงการมานานและคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้ามา เราจึงต้องการให้เทศกาลนี้เป็นพื้นที่ให้พวกเขาได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับศิลปินต่างประเทศ” อัจจิมากล่าวถึงที่มาของเทศกาลนี้

BICT Fest ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ เทศกาลละคร, BICT on the Move และ BICT Bridge โดย ‘เทศกาลละคร’ จะจัดขึ้นทุก 2 ปี ซึ่งมีทั้งการแสดง เวิร์กช็อปสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และศิลปินไทย รวมถึงการจัดสัมมนานานาชาติเกี่ยวกับการแสดงสำหรับเด็กและเยาวชน

โดยผลงานที่ BICT Fest ตั้งใจนำเสนอ มักเป็นผลงานร่วมสมัย ทั้งการเต้น ละครหุ่น กายกรรม ฯลฯ ซึ่งบางครั้งมีประเด็นค่อนข้างจริงจัง หรือ มีความนามธรรม (Abstract) จนอาจทำให้ผู้ชมสงสัยว่านี่คือผลงานของเด็กจริงหรือ

ส่วนในช่วงระหว่างปีที่ไม่มีเทศกาลละครอย่างปี 2568 นี้ BICT Fest มีโครงการ BICT on the Move และ BICT Bridge ภายใต้แนวคิด ‘Inclusive Horizon’ ซึ่งมีเป้าหมายสร้างโอกาสและเพิ่มการเข้าถึงศิลปะการแสดงสำหรับเด็กในชุมชนนอกเมืองหลวง และศิลปินผู้มีความพิการด้านพัฒนาการและพฤติกรรมหรือมีความแตกต่างทางกายภาพ เพื่อให้ศิลปะการแสดงกลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

พ้นไปจากการนำกิจกรรมไปจัดถึงที่ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงศิลปะให้ผู้ชมที่เป็นเด็กๆ แล้ว อีกกิจกรรมที่จะช่วยขยายน่านฟ้าการเข้าถึงศิลปะให้ศิลปินหรือผู้ที่สนใจการแสดงคือ ‘BICT Bridge’ หรือพื้นที่พัฒนาศิลปินไทยผ่านการแลกเปลี่ยนกับศิลปินต่างประเทศในเวิร์กช็อป ‘Holding the Door Open’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก British Council ภายใต้โครงการทุน Connections Through Culture พร้อมการร่วมมือกับ ‘Daryl Beeton’ หรือ ‘Daryl & Co’ จากสหราชอาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศิลปะที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน

Daryl & Co ทำหน้าที่ดูแลเนื้อหาและการออกแบบกระบวนการเวิร์กช็อป ขณะที่ BICT Fest ทำหน้าที่ด้านการจัดการ ทั้งการหาเครือข่ายและการประสานงาน เพื่อให้เวิร์กช็อปดำเนินไปได้อย่างราบรื่น โดยมี The Rainbow Room มูลนิธิขับเคลื่อนประเด็นเด็กที่มีความหลากหลายทางการเรียนรู้ และภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมด้วย

ทั้งนี้ Holding the Door Open ได้เปิดรับศิลปินไทยในสายงานศิลปะการแสดงทั้งหมด 10 คน โดยครึ่งหนึ่งเป็นศิลปินที่มีความพิการและความหลากหลายทางการเรียนรู้ และอีกครึ่งเป็นศิลปินทั่วไปที่สนใจบริบทและประเด็นการสร้างงานที่คนทุกกลุ่มเข้าถึงได้

ขณะนี้กระบวนการเวิร์กช็อปได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ผ่านช่องทางออนไลน์ 4 ครั้ง ก่อนพักในเดือนสิงหาคม และจะกลับมาจัดเวิร์กช็อปออนไซต์ในวันที่ 8 – 12 กันยายน พ.ศ. 2568 ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งจะปิดท้ายด้วยการโชว์เคสผลงานร่วมกัน

BICT Fest ชวนมองละครเวทีมุมใหม่ ‘ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก–ปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจ’

เมื่อเราตั้งคำถามว่า ทำไมถึงต้องเป็นศิลปะการแสดง อัจจิมาบอกเราว่า ศิลปะการแสดงไม่ได้มีขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่เธอมองว่ามันยังสามารถช่วยเสริมสร้างทักษะและพัฒนาการเด็กได้อย่างรอบด้าน เช่น ทำให้เด็กเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ทำให้เด็กทำความเข้าใจหรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่นผ่านการดูละคร รวมไปถึงทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง

“เราคิดว่าถ้าละครเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและสัมผัสประสบการณ์ได้ อย่างน้อยละครจะช่วยให้เราได้รับรู้หรือเผชิญกับเรื่องที่เป็นปัญหาของคนอื่น ได้เรียนรู้วัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตที่เราไม่เคยเข้าใจ และช่วยสร้างความเข้าใจในเรื่องความแตกต่างได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ตรง อาจจะทำให้โลกนี้มีปัญหาน้อยลงกว่าปัจจุบัน” อัจจิมากล่าว

นอกจากนี้ ‘กระบวนการละคร’ ยังทำให้เด็กหรือผู้แสดงได้ฝึกการเรียนรู้รอบด้าน เพราะต้องใช้ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกาย สมอง และอารมณ์ ดังนั้นการละครจึงเปรียบเหมือนการฝึกฝนและการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่อาจจะไม่ได้จากการเรียนการสอนเชิงวิชาการเพียงอย่างเดียว

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

อัจจิมายกตัวอย่างการเรียนวิชาภาษาไทย ที่เด็กต้องฝึกอ่านหรือเขียน เมื่อนำเครื่องมือการละครมาบูรณาการจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวจากตัวหนังสือมาเป็นภาพที่มีชีวิตและได้สร้างโลกของตัวละครตามจินตนาการ เพราะฉะนั้นละครจึงไม่ใช่แค่การแสดงที่อยู่บนเวที แต่ยังช่วยกระตุ้นจินตนาการ และเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน งานด้านศิลปะและวัฒนธรรมอาจยังไม่ได้รับความสำคัญและการสนับสนุนเชิงนโยบายมากนัก จึงยังเป็นการยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนอย่างเต็มที่ ขณะที่ในประเทศที่มีนโยบายศิลปวัฒนธรรมที่ดี เช่น ผู้บริจาคสามารถนำเงินสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรมไปลดหย่อนภาษี จะทำให้มีโอกาสพัฒนาได้มากกว่า ซึ่งปัญหาเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นช่องว่างเชิงนโยบายที่ยังไม่เอื้อต่อการทำงานศิลปะให้ดำเนินต่อเนื่องและเติบโตอย่างเป็นระบบในบ้านเรา

อีกหนึ่งอุปสรรคในการพัฒนาวงการศิลปะการละครคือวัฒนธรรมการชมละครของคนไทย เนื่องจากไม่มีการปลูกฝังวัฒนธรรมนี้ตั้งแต่ยังเด็กๆ คนบางส่วนอาจรู้สึกว่าไม่อยากจ่ายเงินเพื่อชมละคร หรือมองเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนงานสร้างสรรค์ เช่น THACCA (Thailand Creative Culture Agency) ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น หรือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy Agency: CEA) แต่การสนับสนุนจากทางภาครัฐก็ยังไม่เพียงพอต่อการเติบโตของวงการนี้

“เรามองว่า หากภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวัฒนธรรม สนับสนุนให้ศิลปะการแสดงเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน อาจสร้างประโยชน์ในการส่งเสริมการเรียนรู้ในห้องเรียนมากขึ้น ซึ่งเราพิสูจน์ได้จากโครงการ BICT on the MOVE ที่ครูหลายคนสะท้อนกลับมาว่า แบบฝึกหัดหรือกิจกรรมจากศิลปินช่วยเตรียมเด็กให้มีสมาธิก่อนเรียน และสนุกกว่าการวาดรูปอย่างเดียว”

นอกจากนั้น หากศิลปะการละครได้รับการสนับสนุนในระบบการศึกษาอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อศิลปินไทยที่จะมีงานทำมากขึ้น และโรงเรียนก็มีเครื่องมือใหม่ๆ ในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งเธอเสริมว่า ประเทศไทยเคยมีช่วงเวลาที่ศิลปะการแสดงได้ถูกรวมอยู่ในระบบการศึกษาเหมือนกัน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐว่าจะพาสิ่งเหล่านี้กลับมาได้หรือไม่

‘Holding the Door Open’ เปิดประตูความเป็นไปได้สู่พื้นที่การแสดงสำหรับคนทุกกลุ่ม

สาเหตุที่เริ่มจัดตั้งโครงการพัฒนาศิลปินเพื่อความหลากหลาย เพราะอัจจิมาอยากให้เด็กได้เรียนรู้ถึง ‘ความหลากหลาย’ ตั้งแต่ยังเล็ก เนื่องจากเธอมีความเชื่อว่า หากเด็กได้เห็นศิลปินผู้มีความพิการหรือมีความหลากหลายทางการเรียนรู้  จะช่วยทลายภาพจำผิดๆ ว่าคนกลุ่มนี้มีข้อจำกัดในการลงมือทำสิ่งต่างๆ ขณะเดียวกัน มุมมองที่ว่าศิลปินเหล่านี้สามารถสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ได้ก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับเด็กๆ

ครั้งหนึ่งอัจจิมาได้มีโอกาสชมศิลปะการแสดงในต่างประเทศที่มีศิลปินเป็นผู้พิการ สิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ใช่เรื่องของความแตกต่างทางกายภาพ แต่เป็นความสามารถ ความเป็นไปได้ และศักยภาพในการถ่ายทอดเรื่องราวออกมา

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

นั่นทำให้เธอรู้สึกว่า หากเด็กๆ ได้สัมผัสสิ่งนี้ตั้งแต่ยังเล็กก็จะมองเห็นสังคมที่ประกอบด้วยผู้คนที่มีความหลากหลายเป็นเรื่องปกติ เห็นผู้คนที่มีความพิการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ด้วยเหตุนี้ ทำให้เธออยากสร้างพื้นที่เพื่อให้เด็กๆ ได้ทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปพร้อมกับสนับสนุนเหล่าศิลปิน ว่าพวกเขาเองก็สามารถลงมือทำได้ในฐานะของศิลปินอย่างแท้จริง

จากจุดยืนที่ต้องการนำเสนอและปลูกฝังการโอบอุ้มความหลากหลาย ส่งผลให้เทศกาลละคร BICT Fest ปรากฏผลงานจากศิลปินที่มีความหลากหลายเสมอ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินที่มีความแตกต่างทางกายภาพอย่างผู้พิการทางการได้ยินหรือศิลปินกลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome) หรือ Thouen ชาวกัมพูชาที่มีภาวะสมองพิการ (Cerebral Palsy) ก็ได้มาร่วมแสดงเต้นร่วมสมัยในปีที่ผ่านมา

“หากพูดถึงประเด็นความหลากหลายทางเพศ ประเทศไทยอาจพัฒนาไปไกลกว่าหลายประเทศในโลก แต่เรื่องความพิการ (Disability) ยังเป็นประเด็นที่มักถูกมองข้าม เราอยากให้สังคมมีพื้นที่สำหรับคนกลุ่มนี้มากขึ้นด้วย” อัจจิมาบอกเล่าภาพที่เธออยากเห็น

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

ปัจจุบันเริ่มมีศิลปินผู้มีความพิการ หรือ มีความหลากหลายทางการเรียนรู้ ทำงานในวงการศิลปะการแสดงในประเทศไทยมากขึ้น อย่างกลุ่มที่มาร่วมโครงการ Holding the Door Open ก็มีหลายคนที่ทำงานละครมาก่อนแล้ว อัจจิมาจึงอยากให้โครงการนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงความสามารถของตัวเอง พร้อมเรียนรู้หรือติดตั้งเครื่องมือการละครใหม่ๆ เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพพวกเขาอย่างเต็มที่

เธอมองว่าสิ่งสำคัญคือการเปิดพื้นที่ เพราะในวงการศิลปะการแสดงไทยยังมีการทำงานร่วมกับศิลปินผู้มีความพิการน้อยมาก แต่ในปัจจุบัน ก็จะเห็นแนวโน้มว่าศิลปินทั้งผู้ที่มีความพิการและศิลปินที่ไม่ได้มีความพิการมีความสนใจในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องความหลากหลายมากขึ้น

“สิ่งที่เราทำไม่เพียงสร้างพื้นที่ให้ศิลปินที่มีความหลากหลายได้แสดงออก แต่ยังสร้างความตระหนักให้สังคมเห็นว่าศิลปินผู้ความพิการมีศักยภาพ และสามารถเป็นส่วนสำคัญของวงการศิลปะได้ ตอนนี้เรารู้สึกว่ามีกระแสความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่คำถามคือ ความสนใจเหล่านี้จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมได้มากแค่ไหน” ผู้อำนวยการ BICT Fest ชวนตั้งคำถามต่อ

‘บริบทวัฒนธรรม’ และ ‘นโยบายจากภาครัฐ’ บทเรียนจากการทำงานร่วมกับศิลปินจากอังกฤษ

เมื่อถามถึงความท้าทายหรือสิ่งที่อัจจิมาต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นเพื่อผลักดันโครงการ Holding the Door Open ซึ่งมีการร่วมมือกับศิลปินจากอังกฤษ เธอบอกกับเราว่า แม้ตัวเองจะเคยทำงานร่วมกับศิลปินที่มีความพิการและมีความหลากหลายทางการเรียนรู้มาแล้ว แต่การทำเวิร์กช็อปออนไลน์ที่ผ่านมาทำให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำให้นิเวศของวงการละครสามารถรวมกลุ่มคนเหล่านี้เข้าไปได้จริงๆ และทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองเข้าถึงสิ่งต่างๆ ได้เท่าเทียมกับคนอื่น

“สิ่งแรกที่ Daryl & Co เสนอมาคือ การทำ ‘Access Form’ ให้ศิลปินระบุความต้องการเฉพาะตัวเพื่อเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์ เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้บอกสิ่งที่พวกเขาต้องการเพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพที่สุด ส่วนเราได้เรียนรู้ไปด้วยว่าการสร้างพื้นที่ที่เท่าเทียมในการเข้าถึงนั้นเป็นอย่างไร” อัจจิมาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะแรกของการทำกิจกรรม

ส่วนประเด็นที่เธอได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากเวิร์กช็อปออนไลน์ คือ เมื่อ ‘โรส-โรสซาลีน่า อเล็กซานเดอร์ แม็คเคย์’ จาก The Rainbow Room Foundation เล่าถึงนโยบายภาครัฐไทยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างการเข้าถึงและความหลากหลาย ซึ่งมีความคล้ายกับนโยบายของอังกฤษมาก แต่ในประเทศเรา กลับปฏิบัติจริงไม่ได้หรือทำได้ไม่เต็มที่

นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดเล็กๆ ที่น่าสนใจอย่างการถกกันหาคำเรียกที่เหมาะสมในบริบทการทำงานศิลปะกับ ‘ผู้มีความพิการ’ ว่าเราควรใช้คำอื่นแทนหรือไม่ เพราะในอังกฤษมีการใช้คำว่า ‘Disabled’ ที่หมายถึง ‘ผู้ถูกทำให้ไร้ความสามารถ’ เนื่องจากบริบทสังคมไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของพวกเขา ซึ่งต้องรอกระบวนการพบหน้ากันเพื่อพูดคุยประเด็นนี้ เพราะทุกคนอยากสร้างบรรยากาศพื้นที่ปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนเนื่องจากเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ เวิร์กช็อป Holding the Door Open ได้ดำเนินการมาประมาณหนึ่งเดือน ในรูปแบบออนไลน์ โดยศิลปินหลายคนที่เข้าร่วมได้แสดงความคิดเห็นว่า นี่เป็นครั้งแรกๆ ที่มีการจัดเวิร์กช็อปที่รวมศิลปินทั้งผู้มีความพิการและผู้ที่ไม่มีความพิการ ซึ่งจะทำให้ศิลปินทุกคนได้เรียนรู้วิธีการทำงาน และวิธีสื่อสารกับศิลปินที่มีความแตกต่างกับตนเอง ในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อให้ทุกคนอยากเสนอความคิดเห็นและสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันได้

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

ฐานคนดูละครเวทีขยายขึ้น กับความท้าทายในการสร้างแนวละครใหม่ๆ

สิ่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายและเป็นความพยายามของ BICT Fest ตลอดมาก็คือการนำเสนอศิลปะการแสดงที่แปลกใหม่ให้กับเด็กๆ และ ครอบครัว เพื่อขยายฐานผู้ชมงานศิลปะการแสดงในอนาคต 

“พื้นที่แบบนี้ช่วยสร้างการเข้าถึงคนดูใหม่ๆ ได้ โดยเฉพาะคนเริ่มสนใจศิลปะการแสดงที่สร้างสรรค์โดยศิลปินไทย เท่าที่ไปดูละครที่ผ่านมาก็เห็นคนดูกลุ่มใหม่มากขึ้น แม้แต่เทศกาลละครกรุงเทพก็ยังเปิดพื้นที่ให้ศิลปินหน้าใหม่มาร่วมนำเสนอผลงานในเทศกาลด้วย ซึ่งศิลปินกลุ่มนี้ก็จะช่วยดึงดูดผู้ชมหน้าใหม่ๆ มาดูละครเช่นกัน เราเลยคิดว่าตอนนี้ศิลปะการแสดงค่อยๆ ขยายฐานคนดูจากเมื่อก่อน” 

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

อัจจิมามองว่าอาจเป็นเพราะวัฒนธรรมการชมการแสดงในประเทศไทย เน้นที่ความบันเทิงและความสนุกสนาน ทำให้การชมละครแนวที่ต้องตีความหรือทำให้รู้สึกเครียดยังไม่เป็นที่นิยมในไทยมากนัก จึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้สร้างการแสดงว่า จะทำอย่างไรให้ผู้ชมเปิดใจและชมการแสดงที่มีรูปแบบและการสื่อสารในเรื่องราวที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงให้ศิลปินสร้างงานที่มีความหลากหลายทั้งในรูปแบบและประเด็นได้

Holding the Door Open เอง ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความหลากหลายทั้งในแง่ของผู้สร้างงาน  และ เป็นการสร้างการรับรู้ประเด็นด้านความพิการที่ถูกพูดถึงโดยเจ้าของเรื่องราว ซึ่งอาจจะยังไม่ค่อยมีพื้นที่ให้พูดถึงมากนักในปัจจุบัน

‘Tiring but Thriving’ ศิลปะการแสดงไทยกำลังจะเติบโต รอการสนับสนุน ‘ศิลปิน’ และ ‘โรงละคร’ ที่เข้าถึงได้

สิ่งแรกที่อัจจิมาอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในแวดวงศิลปะการแสดงในอนาคตอันใกล้นี้คือ การสนับสนุนจากภาครัฐ ให้ศิลปินได้พัฒนาศักยภาพตัวเองอย่างจริงจัง เช่น การให้ทุนไปดูงานต่างประเทศ การให้ทุนทำวิจัย หรือเปิดโอกาสให้พวกเขามีพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ศิลปะการแสดงไทยในปัจจุบัน มีการเติบโตและพัฒนา แต่มักเป็นการแสวงหาโอกาสโดยตัวศิลปินเอง

“ศิลปินที่พยายามผลักดันตัวเองออกไปข้างนอก เมื่อเขากลับมา เห็นเลยว่างานเขามีการเปลี่ยนแปลง เพราะการเป็นผู้สร้างงานที่ดี ควรมีโอกาสได้เปิดประสบการณ์และเห็นงานที่เกิดจากการสร้างงานที่เกิดจากวัฒนธรรมและบริบทที่แตกต่างหลากหลายด้วย”

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

ส่วนความเปลี่ยนแปลงระยะยาวที่เธอคาดหวังคือ ‘การมีพื้นที่สำหรับศิลปะการแสดง’ เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันมีศิลปินที่พยายามผลิตผลงานมากมายแต่ไม่มีพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงฝีมืออย่างเพียงพอ หรือมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้เกิดความยากลำบากในการเข้าถึง

และถึงแม้จะมีโรงละครโรงเล็กอยู่หลายแห่ง แต่เหล่านี้ล้วนต้องใช้ต้นทุนเช่นกัน ดังนั้นอัจจิมามองว่า เราไม่ควรคาดหวังเพียงให้ศิลปินผลิตผลงานที่มีคุณภาพ แต่ควรมีพื้นที่ให้ศิลปินได้ทดลองแสดงผลงานเพื่อพัฒนาตัวเองด้วย

“เมื่อมองดูจำนวนโรงละครในบ้านเราก็รู้สึกว่า ขนาดกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองใหญ่ และดูเจริญทางด้านวัตถุ แต่กลับมีพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรม และโรงละครแทบนับได้ด้วยนิ้วมือ เราเลยอยากเห็นภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนทั้งเรื่องพื้นที่และทุน เพื่อให้ศิลปินได้พัฒนาฝีมืออย่างยั่งยืน”

Holding The Door Open BICT Fest การแสดง ละครเด็ก ผู้พิการ Connections Through Culture British Council ความเท่าเทียม ความหลากหลาย

เธอเล่าอีกว่า ศิลปินและองค์กรศิลปะการแสดงในประเทศไทยส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาตัวเองผ่านการวิ่งหาทุนสนับสนุน หรือใช้เงินทุนของตนเองไปก่อน ในขณะที่ ในต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ มีองค์กรภาครัฐที่ทำหน้าที่สนับสนุนที่ชัดเจน และ เป็นการสนับสนุนระยะยาวพอที่จะเปิดโอกาสให้องค์กรและศิลปินมีความมั่นคงและแรงจูงใจในการพัฒนาผลงานอย่างต่อเนื่อง 

ประเทศไทยเองก็มีหลายองค์กรและกลุ่มละครที่ทำงานอย่างสม่ำเสมอมายาวนาน  หากได้รับการสนับสนุนระยะยาวจากภาครัฐ จะทำให้พวกเขาสามารถวางแผน และพัฒนางานได้อย่างมั่นคง

ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อภาครัฐเข้าใจ ให้การสนับสนุน และผลักดันศิลปะการแสดงเหล่านี้ให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมโดยตรง รวมถึงส่งออกหรือสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ 

สุดท้ายนี้ อัจจิมาได้ยกคำพูดของเพื่อนชาวมาเลเซียที่พูดถึงสถานการณ์วงการศิลปะการแสดงไทยได้อย่างตรงใจว่า ‘Tiring but Thriving’ ที่แปลว่า แม้จะมีความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้

Writer

Photographer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.