“สวัสดีค่ะคุณ Bangkoknaughtyboo แมกกาซีนเราอยากสัมภาษณ์คุณในฐานะ Virtual Influencer คนแรกของไทย พอจะสะดวกไหมคะ”

(Typing…) 

“สวัสดีค้าบ ขอบคุณที่ติดต่อมาค้าบ ยินดีให้สัมภาษณ์ค้าบ” 

ไม่นานแอ็กเคานต์อินสตาแกรม @bangkoknaughtyboo ก็ตอบกลับ 

นี่จึงเป็นครั้งแรกของฉันที่ได้คุยกับ Virtual Influencer หรือ อินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างจาก CGI (Computer-generated imagery) คนแรกของไทย และเป็นอินฟลูเอนเซอร์ Non-binary ผู้ไม่นิยามตัวเองเป็นหญิงหรือชายตามบรรทัดฐานสังคม ‘คนแรกของโลก’

เดี๋ยวก่อน นึกภาพตามกันออกไหม ว่าเขาเป็นแบบนี้

แบบนี้ 

แล้วก็แบบนี้!

แม้เขาจะเป็นคอมพิวเตอร์กราฟิก แต่ร่างกายบางส่วน ก็ใช้ต้นแบบที่เป็นมนุษย์หลอมรวมด้วยกัน

Bangkoknaughtyboo ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ชื่อของเขามาจากเด็กซนๆ ในกรุงเทพฯ แม้จะเป็นอินฟลูเอนเซอร์จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่ตัวตนของเขา ถูกสร้างให้ใช้ชีวิต และมีคาแรกเตอร์เสมือนเป็นคนจริงๆ มีทั้งความรู้สึก ทั้งไลฟ์สไตล์ สามารถเดินไปช้อปปิง เสพข่าวสาร มีความฝัน แถมมีอาชีพไว้สร้างเนื้อสร้างตัวจริงๆ (แบงคอคบอกว่าจ้างได้นะ)

เขาโลดแล่นในวงการแฟชั่นด้วยการถ่ายแบบใกล้ครบหนึ่งปี เพิ่งเซ็นสัญญากับ Morgan & Preston Models โมเดลเอเจนซีในไทย แต่ก็พกคาแรกเตอร์ที่ซนตามชื่อ ตั้งแต่ท่าโพส สีผม การแต่งตัว บุคลิก จุดยืนแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนความหลากหลายทางเพศ 

“ผมได้เปรียบตรงที่ติดโควิด-19 ไม่ได้ แล้วก็ไม่ต้องแย่งวัคซีนใครมั้งครับ” เขาตอบกลับเสียดสี พร้อมยันว่า แม้เขาจะถ่ายแบบบนโลกจริงแต่ไม่ได้มาแย่งงานนายแบบคน แต่เป็นตัวเลือกสนุกๆ ชิ้นใหม่ในตลาด และอาจเป็นก้าวสำคัญที่พาทุกคนไปสู่ยุคแห่งอนาคต ในวันที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญ

เพื่ออรรถรสในการสัมภาษณ์ Bangkoknaughtyboo ชวนทีม BDA (bda.world.service) พ่อผู้สร้างเขาในโปรเจกต์ Virtual Influencer ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ ShapeShifter ผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์กราฟิกในไทย และ IWANNABANGKOK© กลุ่มคนที่สร้างแคมเปญโปรโมตกรุงเทพฯ ผ่านศิลปะ และแฟชั่นด้วยสโลแกน ‘Bangkok’s teenage catalog’ มาคุยถึงแนวคิดการคลอดอินฟลูฯ วัย 17 ให้ออกมาซน เท่ เก๋ ขนาดนี้!

01 เมื่อชาวกราฟิกกับเด็กแฟชั่นมาเจอกัน

ครอบครัวของเด็กซนๆ ที่ชื่อแบงคอค สร้างเขาออกมาพบปะผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตในวันที่ 9 ตุลาคม ปี 2020 ด้วยสัดส่วน สูง 172 เซนติเมตร อก 35 นิ้ว เอว 28 เซนติเมตร และมีอายุ 17 ปี ตลอดไป ประกอบด้วยทีมคอมพิวเตอร์กราฟิก ShapeShifter ของคู่เพื่อนจากคณะศิลปกรรมศาสตร์อย่าง กุ๊ก-ชนิดา วรพิทักษ์ และ เอิ๊ก-วรณัฐ วรพิทักษ์ ที่จับพลัดจับผลูมาจับมือกับเด็กแฟชั่นดีไซน์อีกสองชีวิต คือ บีม-อดิศักดิ์ จิราศักดิ์เกษม และกอล์ฟ-ศุภกร บัวเรือน ผู้สร้างแฟชั่นไอคอนของคนรุ่นใหม่ในชื่อ IWANNABANGKOK© 

“พวกเราทั้งสองฝั่งมีสกิลกันคนละอย่าง เริ่มต้นจากบีมเป็นคนเริ่มอยากทำ Virtual Influencer หรือคาแรกเตอร์ที่สร้างขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ แต่ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปขึ้นมาสักคน เพื่อใช้ในสื่อ Social Media Marketing ของโลกยุคปัจจุบัน เพราะว่าในอนาคตโลกจำลองเสมือนจริงแบบในหนัง Ready Player One ที่เพียงแค่สวมอุปกรณ์ก็สามารถเจอสถานที่ และตัวละครดิจิทัลมากมายเดินอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ ไม่ช้าก็เร็วต้องมาถึงแน่นอน พอไปเล่าให้พี่เอิ๊ก กับพี่กุ๊กฟัง ทุกคนก็สนใจ เลยค่อยๆ พัฒนาโปรเจกต์นี้ขึ้น จนเกิดเป็น BDA

“พอตกลงกันแล้ว ก็มาถึงการสร้างหน้าตา นิสัย สไตล์การแต่งตัวให้น้อง สิ่งที่พวกเราทำคือการเข้าไปค้นดูภาพถ่ายวัยรุ่น เด็กรุ่นใหม่ ที่เราถ่ายเก็บไว้มากมายเป็นแค็ตตาล็อกในไอจี IWANNABANGKOK ซึ่งทำให้เห็นว่าเด็กแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันเลย หลายๆ คนมีความคิด และความมั่นใจเป็นตัวของตัวเองสูง ซน มีความหลากหลายทางเพศ เปิดกว้างเรื่องเพศ ไม่เหยียดเพศ คาแรกเตอร์เด็กหลายร้อยคนนี้เราก็เอามาหล่อหลอมเป็น Bangkoknaughtyboo และอ้างอิงการใช้ชีวิตจากคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันด้วยว่าเขาชอบไปไหน ถ่ายรูปยังไง เสพอะไรบ้าง” BDA เล่าให้ฟัง

จริงๆ วงการ Virtual Influencer ในสองสามปีมานี้ เริ่มไต่ระดับกระแสขึ้นเรื่อยๆ เพราะในต่างประเทศก็มี Virtual Influencer ที่เข้ามาทำงานในรูปแบบนายแบบ นางแบบ อินฟลูเอนเซอร์ ที่โชว์ไลฟ์สไตล์ป็อบๆ และมีหลากแบรนด์ดังระดับโลกให้ความสนใจ เช่น Lil Miquela หุ่นยนต์สาวใน LA, Imma นางแบบชื่อดังในญี่ปุ่น หรือ Shudu นางแบบดิจิทัลผิวดำคนแรกของโลก

02 เด็กวัย 17 ที่สร้างจากคอม และมือคน

“ผมมี BDA เป็นผู้จัดการ ซึ่งทุกงานที่ลูกค้าจ้างมา BDA ก็จะส่งผมไป การทำงานของผมต้องมีทีมงานที่มีสกิลด้าน CGI เฉพาะทาง ก็อาจจะยุ่งยากกว่านายแบบทั่วไปครับ” 

Bangkoknaughtyboo บอก BDA เสริมต่อว่าในทุกๆ การรับงาน ทีม IWANNABANGKOK© จะรวบรวมดีเทลทุกอย่างของคนรุ่นใหม่ที่อยากเห็นในตัวอินฟลูเอนเซอร์คนนี้ให้เข้ากับแบรนด์ต่างๆ ที่เข้ามาจ้าง ลงบน Mood Board และส่งให้ทีม ShapeShifter พัฒนา CGI ขึ้นมา โดยใช้หลากหลายโปรแกรมแตกต่างเทคนิคกันไป โดยตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้หยุดที่โปรแกรมใดโปรแกรมเดียว แค่ลองผิดลองถูกจนกว่าจะเจอสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแบงคอค

“ทุกครั้งที่รับงานมา มันคือการเรียนรู้ และเพิ่มประสบการณ์ให้ทีมเรา อย่างขั้นตอนการปั้นหน้าตาให้แบงคอค เราก็ต้องทดลองอยู่หลายโปรแกรม ซึ่งขั้นตอนนี้ก็โหดสุดแล้วครับ เพราะกว่าจะสร้างผิวให้เหมือนคนมากที่สุดได้ ต้องกะความลึก ดูเงา เช็กความโปร่งแสง ดูทิศทางแสงว่าเมื่อแดดกระทบที่ตัว ผิวจะต้องเป็นแบบไหน ก็ทำให้ใกล้เคียงคนในชีวิตประจำวันมากที่สุด ทุกอย่างจึงใช้เวลา เรนเดอร์แต่ละครั้งก็นานมาก

“การทำคอนเทนต์ให้ Bangkoknaughtyboo ตอนนี้ยังถือเป็นช่วงเริ่มต้นสำหรับพวกเรา จึงยังไม่ได้ใช้ Computer-generated ร้อยเปอร์เซ็นต์ สถานที่ก็ยังเป็นสถานที่จริง สถานการณ์แวดล้อมก็เกิดขึ้นจริง ตัวแบงคอคเองก็ยังเป็นครึ่งคนครึ่งคอม ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็น CG อีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นคน เราจึงต้องวางแผนการออกไปถ่ายทำแต่ละครั้ง ตั้งแต่สไตล์การแต่งตัว การเลือกสถานที่ เทคนิคการถ่ายภาพ เพื่อให้เข้ากับของที่ลูกค้าส่งมาให้รีวิว หรือวางดีไซน์การร่วมงานกันในแบบ Collaboration

“พอถ่ายเสร็จ ทีม ShapeShifter ดำเนินการเรื่อง CG เรียบร้อย ก็ส่งให้แบงคอคโพสต์ลงอินสตาแกรม เป็นอันจบงาน” BDA อธิบาย

03 อุตสาหกรรมแฟชั่นที่ปรับตัวตามโลกอนาคต

ทุกวันนี้มีแต่เพื่อนมนุษย์ ในอนาคตอยากมีเพื่อนที่เป็นดิจิทัลเหมือนกันไหม ฉันถาม Bangkoknaughtyboo ไปแบบนั้น

เขาตอบมาว่า จริงๆ มีแล้ว! ชื่อ ดอกบัวไฟ หรือ แอ็กเคานต์อินสตาแกรม @firelotus3301 เป็นเพื่อน CGI คนแรกของเขา ที่ BDA สร้างขึ้นมาอีกคนเพื่อตอบโจทย์การจ้างงานในช่วงโรคระบาด แต่ต่างกันที่ดอกบัวไฟ เป็น CGI ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ตัวจรดเท้า ยันฉากหลัง

“สถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้เราต้องกักตัวกันทั้งหมด กองถ่ายทำโฆษณา ถ่ายแบบ รีวิวสินค้า ถูกยกเลิก หรือเลื่อนไปก่อน แต่ถ้าลูกค้าสามารถจ้าง Virtual Influencer ที่ทีมทำงานจากที่บ้าน ช่วยลดการเกิดโปรดักชัน หรือการพบปะกันของกองถ่าย จะทำให้ทุกอย่างมันไปต่อได้ เราก็ได้งาน ลูกค้าก็ได้งาน วินวินทั้งคู่ ดอกบัวไฟจึงเป็นการพัฒนาครั้งใหม่ที่สะดวกมากขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ และในอนาคตหากทดลองไปเรื่อยๆ แล้วพบว่ามันรอด Bangkoknaughtyboo ก็จะถูกปรับให้เป็นแบบนั้น”

BDA มองว่าการมีอยู่ของ Virtual Influencer จะทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นมีความตื่นเต้นมากขึ้น ชวนคนตั้งคำถามกับโลกว่า ถ้าอยู่ๆ วันหนึ่งไม่ต้องใช้คนจริงถ่ายแบบจะเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามการเข้ามาของ Bangkoknaughtyboo และ ดอกบัวไฟ ไม่ได้มาแทนที่คนจริงได้เลยทั้งหมด เพราะ BDA ยังเชื่อว่าความเป็นมนุษย์ก็ล้วนมีเสน่ห์ในตัวแต่ละคนอยู่แล้ว

“เสน่ห์ของ Bangkoknaughtyboo ที่นายแบบทั่วไปทำไม่ได้ คงเป็นการฟรีซอายุให้คงที่ในเลข 17 ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณดู Mickey Mouse, Hello Kitty หรือ Pikachu ซึ่งผ่านมาเป็นหลายสิบปี อายุของน้องๆ ก็เท่าเดิม แตกต่างกันไปที่หน้าตาของคาแรกเตอร์ที่มีการพัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลาให้เข้ากับยุคสมัย คอนเซปต์แปลกใหม่ และคาแรกเตอร์ที่น่าจดจำ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ติดตามบนโลกออนไลน์ มีแนวโน้มอยากตามงานเราไปเรื่อยๆ” 

BDA เผยความตั้งใจเพิ่มว่า อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Virtual Influencer มีการยอมรับในประเทศไทยทางด้าน Commercial มากขึ้น และเชื่อว่าในอนาคต ทุกคนจะมี Virtual Character เป็นของตัวเองใน Virtual World เหมือนกับทุกคนตอนนี้ที่มีโลกอีกใบบนอินสตาแกรม

“ตั้งแต่เกิดมาเกือบปี ผมยังรับแต่งานถ่ายแบบเล็กๆ อยู่ หวังว่าเร็วๆ นี้จะมีแบรนด์ใหญ่ๆ ติดต่อมาบ้างครับ ความฝันอันใกล้ตอนนี้อยากเป็นนายแบบคนแรกที่ขึ้นบิลบอร์ดหน้า Siam Paragon มาก จ้างได้นะครับ คติประจำใจคือเงินมาผ้าหลุด” คำตอบของเขา Naughty สมชื่อจริงๆ 

04 กรุงเทพฯ เมืองซนๆ ที่มีความหลากหลาย

‘World’s first non-binary virtual influencer and the naughtiest of them all’ เป็นนิยามของ Bangkoknaughtyboo ผู้ใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์โดยไม่มีลมหายใจ แต่กลับสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้มาก เขาไม่ได้เป็นแค่ Virtual Influencer ที่อัปโหลดรูปลงอินสตาแกรมแล้วจบ แต่ตัวตนของเขาต่างหากที่ทำให้ใครหลายคนหลงรัก

“ผมเป็น Non-binary และสวมชุดอย่างไร้ข้อจำกัดเรื่องเพศ ผมเป็นคนชอบแต่งตัว ไม่แคร์สายตาคนอื่น ใครจะมองยังไง ก็จะเชิดเข้าไว้ เพราะผมอยากเป็นตัวอย่างให้คนในสังคมเห็นว่า เราจะใส่อะไรก็ได้ที่เรารู้สึกมั่นใจ การที่ผู้ชายต้องใส่เฉพาะกางเกง หรือผู้หญิงใส่ได้แค่กระโปรง มันเป็นกรอบของคนรุ่นเก่า ตอนนี้เราอยู่ในยุคใหม่กันแล้ว ผมจึงใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง และให้คนเห็นว่า Virtual Influencer ก็สามารถขับเคลื่อนสังคมได้เช่นกัน

“การเป็นนายแบบดิจิทัลเป็นเพียงก้าวแรกของการมีชีวิตของผม ถ้าจุดนี้ประสบความสำเร็จ ผมอาจจะเปลี่ยนอาชีพ ตอนนี้ทาง BDA กำลังค่อยๆ วางจุดมุ่งหมายให้ผมเป็น World Class Pop Star เพราะจริงๆ แล้วผมอยากเป็นนักร้อง” แค่นึกภาพว่า Virtual Influencer ร้องเพลงอยู่บนเวทีอิมแพ็ค อารีน่าก็โคตรน่าตื่นเต้น

อนาคตที่ BDA อยากเห็นคือการสร้างคอมมูนิตี้ของ Virtual Influencer ให้กว้างขึ้น หากวันที่การแข่งขันทางเทคโนโลยีมีจำนวนมาก นายแบบ และนางแบบดิจิทัลเกลื่อนถนน นั่นคงเป็นยุคใหม่ที่แท้จริง และเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เองก็คงเป็น Virtual Society ที่โคตรซน และน่าติดตาม

ซึ่งพอมี 1 2 3 4 ตามมา ไม่แน่แต่ละจังหวัดทั่วไทยอาจมี Virtual Influencer เป็นไอคอนแห่งอนาคตที่นำเสนอแรงบันดาลใจ เผยแพร่ความเป็นตัวเอง และสร้างเอกลักษณ์สนุกๆ ประจำจังหวัดอื่นๆ ก็ได้นะ (พูดแล้วก็อดใจรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว)

Virtual Influencer