“วัคซีน” เป็นชีววัตถุที่ถูกผลิตจากเชื้อจุลินทรีย์ที่มาจากเชื้อโรคหรือไวรัส เมื่อฉีดเข้าร่างกายจะมีกลไกชักนำร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อจุลินทรีย์ชนิดนั้นๆ กล่าวคือการฉีดวัคซีนเป็นการฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน แตกต่างจากยาที่ใช้รักษานั่นเอง
ในปี 1796, เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ได้สร้างประวัติศาสตร์โดยการคิดค้นวิธีการสร้างภูมิต้านทานของโรคฝีดาษเป็นครั้งแรก การค้นพบครั้งนี้นับเป็นประวัติศาสตร์สำคัญ เพราะวัคซีนตัวนี้ถือเป็นวัคซีนชนิดแรกของโลก การคิดค้นของเจนเนอร์สามารถรักษาชีวิตผู้คนได้มากมายนับไม่ถ้วน สถิติการระบาดและการเสียชีวิตด้วยโรคฝีดาษก็ลดลงอย่างชัดเจน จนกระทั่งปี 1970 องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ประกาศให้ยกเลิกการฉีดวัคซีนโรคฝีดาษลง เป็นนัยว่ามนุษยชาติได้ชนะโรคร้ายนี้อย่างราบคาบ ชัยชนะครั้งนี้ใช้เวลาเกือบ 200 ปี
.
| วัคซีนสำหรับ COVID-19
โดยส่วนใหญ่แล้วการสร้างวัคซีนที่สมบูรณ์แบบจะใช้เวลาประมาณ 5 – 15 ปี ซึ่งการผลิตวัคซีนชนิดใหม่ที่สามารถใช้ได้จริงต้องผ่านขั้นตอนอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่า สามารถใช้งานได้และไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น
ณ ปัจจุบันมีบริษัทและสถาบันการศึกษากว่า 35 แห่งกำลังสร้างวัคซีนที่มาสารถผลิตภูมิคุ้มกันสำหรับไวรัส COVID-19และกำลังเริ่มต้นทำการทดลองกับมนุษย์แล้ว
วัคซีนที่ทำขึ้นมาและได้รับการทดสอบในช่วงปีแรกจะไม่ใช่วัคซีนที่ใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเร่งทดสอบแค่ไหน ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีเป็นอย่างน้อย
Anthony Fauci, ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และติดเชื้อ สหรัฐอเมริกา
ขั้นตอนการทดสอบกับมนุษย์จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ขั้นตอน
1.ทดสอบกับกลุ่มผู้ใหญ่จำนวนน้อยที่มีสุขภาพดี
2.ทดสอบกับกลุ่มผู้ใหญ่จำนวนมากที่มาจากพื้นที่แพร่ระบาด
3.ทดสอบกับกลุ่มคนจำนวนหลักพันคนที่มาจากพื้นที่แพร่ระบาด
ซึ่งในแต่ละขั้นตอนจะใช้เวลาถึงประมาณ 5 – 8 เดือนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น การออกฤทธิ์ของวัคซีน ปัจจัยสุขภาพของอาสาสมัคร ผลข้างเคียง ฯลฯ และไม่ว่าเหล่าอาสาสมัครจะมีอาการดีขึ้นหรือแย่ลง พวกเขาก็ต้องถูกศึกษาเพิ่มเติมโดยหน่วยงานกำกับดูแลในระยะยาวอยู่ดี จนกว่าจะสามารถคอนเฟิร์มได้ว่าวัคซีนตัวทดลองมีผลอย่างไรบ้าง
ขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญและต้องคัดกรองอย่างละเอียดอ่อน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมการสร้างวัคซีนชนิดใหม่ขึ้นมาต้องใช้เวลานาน เพราะมันไม่สามารถข้ามขั้นตอนหรือเร่งรีบอะไรได้เลย ซึ่งตอนนี้วัคซีนสำหรับ COVID-19 กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ 1 เพียงเท่านั้น
ในขณะที่หลายต่อหลายคนนับเดือนนับตะวันรอคอยวัคซีน COVID-19 กลับมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความคิดเกี่ยววัคซีน ตรงกันข้าม อย่างสิ้นเชิง
กลุ่ม ANTI-VAXXERS กับ COVID-19
Anti-Vaxxers เป็นกลุ่มคนที่ต่อต้านการรับวัคซีนทุกรูปแบบ รวมไปถึงต่อต้านไม่ให้บุตรหลานในความดูแลของตัวเองรับวัคซีนด้วย กลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีนนั้นไม่ได้ก่อตั้งขึ้นในยุคนี้แต่อย่างใด แต่กลุ่มนี้มีมาตั้งแต่สมัยที่มีการคิดค้นวัคซีนขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเหตุผลต่างๆ ที่ใช้อ้างปฏิเสธการรับวัคซีนนั้นก็แตกต่างกันตามยุคสมัย เช่น วิทยาศาสตร์การแพทย์ จริยธรรม ศาสนากฎหมาย สิทธิส่วนบุคคลที่จะไม่รับ ไปจนถึงมองว่า การฉีดวัคซีนคือแผนการเพื่อทำกำไรของบริษัทยา หรือแผนของรัฐบาล เป็นต้น
แต่ไม่ว่าจะใช้เหตุผลใดก็ตามก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะสร้างความน่าเชื่อถือได้เลย อีกทั้งยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เห็นพ้องต้องกันว่า วัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจริงๆ นอกจากนี้สำหรับบางคนที่ไม่ได้รับวัคซีน ยังสามารถเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคระบาด (โรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน) และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตด้วยเช่นกัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ความลังเลในการรับวัคซีนเป็นภัยคุกคามระดับโลกทางสาธารณสุขในสิบอันดับแรก
การมีข่าวคราวการพัฒนาวัคซีนสำหรับไวรัส COVID-19 เจ้าปัญหานี้เปรียบเสมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์สำหรับคนส่วนใหญ่ เป็นสัญญาณที่ดีว่าเริ่มมีช่องทางคลี่คลายและเริ่มมีความหวังมากขึ้น แต่สำหรับกลุ่ม Anti-Vaxxers นี่คือความกลัวที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจในตัววัคซีนรวมไปถึงความวิตกกังวลที่ว่า นี่คือการเปิดช่องทางให้รัฐบาลใช้มาตรการบังคับใช้อย่างเด็ดขาด
ตอนนี้กลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีนกำลังเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการผุดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย รวมไปถึงเป็นตัวการให้ข้อมูลผิดๆ ในสังคมออนไลน์อีกด้วย เพราะกลัวว่ารัฐบาลจะออกมาตรการบังคับให้ฉีดวัคซีน COVID-19 กับทุกคน
นอกจากนี้กลุ่ม Anti Vaxxers จะไม่ยอมรับว่าการฉีดวัคซีนเป็นตัวช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แล้ว พวกเขากลับส่งเสริมวิธีรักษาแบบ “ธรรมชาติ” ในแบบฉบับของพวกเขาเองด้วย โดยอ้างว่า Vitamin-C น้ำมันงา กระเทียม หรือแม้กระทั่งสารฟอกขาว สามารถรักษาไวรัส COVID-19 ได้ถ้าหากได้รับปริมาณที่มากพอ ซึ่งข้อมูลผิด ๆ เหล่านี้ก็ยังมีคนเชื่อและแชร์อยู่ในกลุ่มต่อต้านวัคซีน
โดยเฉพาะคำกล่าวอ้างที่ว่า สารฟอกขาว “Miracle Mineral Solution” สามารถฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19 ได้นั้นมียอดแชร์เยอะจนน่าตกใจ จนกระทั้งองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ต้องออกมาเตือนประชาชนถึงความอันตรายของสารฟอกขาว
ถึงแม้ว่าชาว Anti Vaxxers จะมีความมั่นอกมั่นใจในข้อมูลและความเชื่อของเขามากเท่าไหร่ ชาวอเมริกันหลายต่อหลายคนก็เอือมระอากับพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้และจุดยืนของพวกเขาเริ่มน้อยลงไปทุกที แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ยังต่อต้านและโทษว่าวัคซีนคือตัวปัญหามากกว่าไวรัสหลงเหลืออยู่
Sources : theguardian.com : https://bit.ly/2Kp5bHA
nytimes.com : https://nyti.ms/3arxRde
weforum.org : https://bit.ly/3brSV4F
motherjones.com : https://bit.ly/2VL6eqz
vice.com : https://bit.ly/2Y08TPX
latimes.com : https://lat.ms/2KjR0mY