ทุกครั้งที่จะย้ายบ้านหรือซื้อคอนโดฯ ใหม่ หนึ่งปัญหาใหญ่ของทาสหมาทาสแมวคือไม่มีพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดได้วิ่งเล่นอย่างอิสระ แต่เดี๋ยวนี้เดเวลอปเปอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์หลายเจ้าก็หันมาให้ความสนใจเทรนด์ Pet Friendly มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือโครงการ MARU Ekkamai 2 จากเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ คอนโดฯ สุดชิกที่ตั้งอยู่ย่านสุดชิลอย่างเอกมัย
ความโดดเด่นของ MARU Ekkamai 2 นอกจากการออกแบบที่เน้นยูนิตพิเศษ เลือกใช้วัสดุทำความสะอาดง่าย มีพื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย ที่สำคัญ ที่นี่ยังเลี้ยงสัตว์ได้ มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำสัตว์เลี้ยงอยู่ทางด้านหลังโครงการไว้ให้บริการ ใครที่กังวลว่าเพื่อนสี่ขาของตัวเองจะไม่มีที่อยู่ก็สบายใจหายห่วง
หากสนใจก็อย่ารอช้า จูงเจ้าสี่ขาไปจับจองกันได้ที่โครงการ MARU Ekkamai 2 หรือลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลโครงการได้ที่ https://bit.ly/3jF7Ptl
RELATED POSTS
จากเสื่อสู่ Living Fashion Stuffs ส่องการเติบโตของ PDM ในฐานะแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ไม่สนใจเทรนด์แต่ขายได้และขายดีมาเป็นสิบปี
เรื่อง
พัฒนา ค้าขาย
ที่ Kenkoon Showroom วันนี้กำลังมีการรีโนเวต ‘ดิว-ดุลยพล ศรีจันทร์’ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง PDM บอกว่าพวกเขากำลังแปลงโฉมชั้น 2 ของโชว์รูมให้เป็นชั้นจัดแสดงสินค้าของ PDM โดยเฉพาะ ต้อนรับขวบปีที่แบรนด์กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 พอดิบพอดี สำหรับคนรักงานดีไซน์และของแต่งบ้านสุดเก๋ เราคงไม่ต้องแนะนำว่า PDM เป็นใคร แต่สำหรับใครที่เคยได้ยินชื่อพวกเขาผ่านหู อาจจำได้ว่าพวกเขาเป็นแบรนด์เสื่อของคนไทยที่อัปเกรดเสื่อแบบบ้านๆ ให้เก๋ไก๋ แต่งบ้านสวยจนขายดิบขายดีแม้จะมีราคาหลักพัน วันนี้ PDM เติบโตไปมากกว่านั้น โดยสองผู้ก่อตั้งอย่างดุลยพลและ ‘แมน-แมนรัตน์ สวนศิลป์พงศ์’ ตั้งใจให้เป็นแบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ (Living Fashion Stuffs) ขายตั้งแต่เสื่อ โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงสินค้าที่พกติดตัวออกไปนอกบ้านได้ โดยมีดีเอ็นเอที่ไม่เหมือนใคร คือต้องสดใหม่ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และเห็นแล้วต้องอุทานว่า ‘คิดได้ยังไง’ โต๊ะรูปทรงดอกไม้ พระพุทธรูปที่ขยายตัวได้ด้วยเทคนิคแรงดันน้ำ ตี่จูเอี๊ยสีแดงสดใส เปิด-ปิดไฟได้ ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์จากเนเธอร์แลนด์ เหล่านี้คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของสินค้าของพวกเขา เราพบกับดุลยพลในวันที่อากาศปลายปีหนาวกำลังดี ชวนเขามาคุยว่า PDM มีเคล็ดลับออกแบบอย่างไรให้ครองใจชาวเก๋มาได้เป็นสิบๆ […]
Acousticity Playlist Season | 2024
เรื่อง
kamonlak j.
เข้าสู่ช่วงเวลาสิ้นปี บรรยากาศของการเฉลิมฉลองปีใหม่ก็เริ่มมีให้เห็นทั่วทั้งเมือง หลายคนอาจอยากออกนอกบ้านเพื่อไปเฉลิมฉลอง แต่ก็มีอีกหลายคนที่อาจไม่ได้ชอบไปสังสรรค์ข้างนอกเท่าไหร่นัก หากเพื่อนๆ อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน เราขอชวนให้มาฟังเพลงเพราะๆ จากรายการ Acousticity รายการที่จะนำศิลปินมาบรรเลงเพลงท่ามกลางเสียงของเมืองกรุงเทพฯ ก่อนปีใหม่กัน
Acousticity | ภูมิจิต ชีพจร Live Session @ป้ายรถเมล์
เรื่อง
kamonlak j.
‘เช้าที่ตื่นขึ้นมารีบขึ้นรถเมล์สาย 29 ยืนเบียดๆ เสียดๆ จุดหมายปลายทางคือหมอชิต กว่าจะลงรถก็ติดเหลือเกิน’ หนึ่งท่อนในเนื้อเพลง ‘ชีพจร’ ที่สะท้อนชีวิตและภาพของเมืองกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี ความวุ่นวายจากชีวิตที่ต้องตื่นเช้าไปทำงานในทุกวันที่หลายคนคงมีจุดร่วมกันภายใต้เมืองนี้ จนหลายๆ ครั้งเรามัวแต่เสียเวลาชีวิตไปกับการทำงาน จนหลงลืมความฝันหรือจุดหมายปลายทางที่ตัวเองเคยตั้งไว้ หากวันนี้พลังของคุณเหลือน้อยเต็มที เราอยากให้คุณลองฟังเพลงนี้ เพื่อหวังว่าชีพจรของคุณจะกลับมามีแรงอีกครั้งและก้าวเดินต่อไปอย่างมีพลัง วันนี้ Urban Creature ชวน ‘ภูมิจิต’ ศิลปินอิสระ มาบรรเลงเพลง ชีพจร ให้ทุกคนฟังกันที่ป้ายรถเมล์ย่านเอกมัย ในรายการ Acousticity รายการที่จะนำศิลปินมาเล่นเพลงในพื้นที่สาธารณะของเมือง พร้อมอบอวลไปด้วยเสียงบรรยากาศของพื้นที่นั้น และรับรู้เบื้องหลังภายใต้เสียงเพลงที่เราได้ยิน สามารถติดตามวงภูมิจิตได้ที่ : www.facebook.com/poomjitband และ www.instagram.com/poomjitband
รู้จักกับ ‘The Offline Club’ คอมมูนิตี้ที่พาทุกคนห่างไกลจากมือถือ และกลับไปใกล้ชิดกับตัวเองและคนใกล้ตัว
เรื่อง
Urban Creature
มนุษย์ปัจจุบันนี้ใช้เครื่องมือสื่อสารท่องโลกออนไลน์เป็นความเคยชิน จนบางทีเราติดกับการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานโดยไม่ได้คำนึงถึงโลกภายนอก ‘The Offline Club’ คือคอมมูนิตี้สุดเจ๋งที่ ‘Ilya Kneppelhout’ และสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง ‘Valentijn Klok’ และ ‘Jordy van Bennekom’ ริเริ่มขึ้นในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ พวกเขานิยามไอเดียของคอมมูนิตี้นี้ว่า ‘Swap screen time for real time.’ ที่หมายถึง เปลี่ยนเวลาที่อยู่หน้าจอให้เป็นเวลาในชีวิตจริง โดย The Offline Club จะนัดรวมตัวกันที่คาเฟ่ต่างๆ แล้วเบรกตัวเองจากการใช้โทรศัพท์มาลองทำกิจกรรมออฟไลน์อื่นๆ เช่น อ่านหนังสือ พูดคุยกับคนใหม่ๆ วาดภาพ เป็นต้น โดยกิจกรรมในแต่ละครั้งของ The Offline Club จะเริ่มจากการให้ผู้คนได้พูดคุยกันในตอนแรก ต่อด้วยการอยู่กับตัวเองภายใน 45 นาที และใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงให้เราเชื่อมต่อกับบรรยากาศของผู้คน รวมถึงใช้เวลาอยู่เงียบๆ กับตัวเองในช่วง 30 นาทีสุดท้าย เหล่าผู้ก่อตั้งคอมมูนิตี้นี้เชื่อว่า The Offline […]