การเลือกที่อยู่อาศัยในเมือง แค่ความสวยงามและทำเลที่ถูกใจคงไม่เพียงพอ
เพราะแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกย่านที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับตัวเอง จึงเป็นหนึ่งการลงทุนด้านคุณภาพชีวิตที่ดีที่จะส่งผลต่อเนื่องในระยะยาว
วันนี้ Urban Creature ขออาสาพาทุกคนไปสำรวจ 4 ย่านในกรุงเทพฯ ที่มีไวบ์ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น ‘สีลม’ ย่านศูนย์กลางธุรกิจชั้นนำ ‘อโศก-พระราม 9’ กับความเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ ‘สุขุมวิท’ ที่เป็นศูนย์รวมความหลากหลายใจกลางเมือง และ ‘พระราม 4 – คลองเตย’ กับย่านชุมชนเก่าที่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสมาร์ตคอมมูนิตี้ที่พัฒนาอย่างยั่งยืน
นอกจากความน่าสนใจที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้ง 4 ย่านแล้ว ภายในย่านยังมีคอนโดมิเนียมใน Signature Collection จาก ‘Ananda’ ที่คัดมาแล้วว่าครอบคลุมทุกความต้องการที่อยู่อาศัยของคนเมือง อีกทั้งยังมีการออกแบบและฟังก์ชันที่สอดคล้องกับความพิเศษของแต่ละไวบ์ในย่าน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้มีความสุขในทุกชั่วขณะอีกด้วย
Urban Vibe – ศูนย์กลางธุรกิจชั้นนำที่ครบครันทุกความสะดวกสบาย
เมื่อพูดถึงย่านเก่าแก่ในกรุงเทพฯ ‘สีลม’ ถือเป็นย่านหนึ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายของการทำการค้า ทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของหลายธุรกิจ ทำให้สีลมกลายเป็นย่านการค้าที่เรียกว่าสำคัญที่สุดในกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้
แม้จะเป็นย่านที่ผ่านมาหลายยุคสมัย แต่สีลมก็เป็นย่านที่มีความทันสมัยและมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา จนในปัจจุบันสีลมได้ขึ้นแท่นเป็น ‘CBD’ (Central Business District) ย่านศูนย์กลางที่กลุ่มธุรกิจชั้นนำยังคงให้ความสนใจลงทุน ทำให้พื้นที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ธนาคาร ร้านอาหาร รวมไปถึงโครงการ Mixed-use ที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกเอาไว้ในย่านเดียวกัน
หนึ่งในโครงการ Mixed-use ย่านสีลมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันคือ ‘King Power มหานคร’ ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สวยแปลกตาบนความสูงถึง 78 ชั้นที่เต็มไปด้วยธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘The Standard, Bangkok Mahanakhon’ โรงแรมที่โดดเด่นด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมอันสวยงาม, ‘FIRSTER’ ช้อปปิงมอลล์ที่รวบรวมสินค้าบิวตี้และไลฟ์สไตล์ทั้งของไทยและต่างประเทศ, ‘King Power Mahanakhon Skywalk’ จุดชมวิวกรุงเทพฯ บนความสูง 314 เมตร รวมไปถึง ‘มหานคร คิวบ์’ แหล่งรวมร้านอาหาร สปา ฟิตเนส และพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะที่พร้อมเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับเหล่าคนเมือง
หรือใครที่ชื่นชอบการแฮงเอาต์ พบปะผู้คนใหม่ๆ ไปจนถึงทำงานนอกสถานที่ ในย่านนี้ก็มีคอมมูนิตี้มอลล์ที่รองรับไลฟ์สไตล์ทั้งหมดนี้ที่ ‘The Commons ศาลาแดง’ แหล่งรวมร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังมากมาย หรือถ้าอยากนั่งชิลสบายๆ ที่นี่ก็มีให้ทั้งโซน Indoor และ Outdoor แถมยังเป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมเจ๋งๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีสดที่จัดขึ้นทุกเดือน หรืออีเวนต์ต่างๆ ที่ชวนให้เหล่าคนเมืองได้ออกมาสังสรรค์และสนุกไปด้วยกัน
ด้วยเหตุนี้ ย่านสีลมจึงเป็นทั้งแหล่งทำงานและแหล่งท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงความลักซูรี ความทันสมัย ความสะดวกสบาย และไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองเอาไว้ในที่เดียวกัน หากใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้เคียงกับสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ และมีไวบ์ความเป็นเมืองในแบบฉบับของสีลม ‘Ashton Silom’ ก็นับว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ทั้งหมด เนื่องจากมีความทันสมัย มีระดับ แต่ยังเข้าถึงได้สะดวก เพราะห่างจาก BTS ช่องนนทรีเพียง 350 เมตร จะเดินทางไปไหนก็ง่ายสบาย ไม่ต้องคอยกังวลใจเรื่องปัญหาจราจร
และถึงแม้ว่าสีลมจะดูเป็นย่านที่คึกคักและคนพลุกพล่านตลอดเวลา แต่ Ashton Silom พร้อมมอบความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยด้วยการออกแบบสเปซอย่างพิถีพิถัน พร้อมพักกายพักใจจากการทำงาน เพื่อออกไปสนุกกับการใช้ชีวิตอีกครั้ง
ดูรายละเอียดโครงการ Ashton Silom ได้ที่ : ananda.co.th/th/condominium/ashton-silom
Vibe of Opportunity – ย่านศูนย์กลางธุรกิจเกิดใหม่ใจกลางเมือง
ถ้าย้อนกลับไปช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำว่าย่าน ‘Central Business District (CBD)’ หมายความถึงบริเวณที่มีกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจมากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมักเป็นภาพย่านสาทรหรือสีลม
แต่ในปัจจุบันที่มีพื้นที่เศรษฐกิจเติบโตใหม่อยู่เสมอ ทำให้ ‘พระราม 9’ กลายเป็นย่านใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ ‘New CBD’ แหล่งเศรษฐกิจที่อัดแน่นไปด้วยอาคารสำนักงานและบริษัทระดับสากล พร้อมกับเป็นศูนย์รวมการค้าและความบันเทิงที่เข้าถึงง่าย เพราะเดินทางสะดวกสบาย
ย่านนี้จึงให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในศูนย์กลางแห่งโลกธุรกิจ ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการลงทุน เพราะนอกจากอยู่ใกล้กับขนส่งสาธารณะหลากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น MRT, BTS และ Airport Rail Link บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ‘ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย’ แหล่งศูนย์รวมข้อมูลการลงทุนในทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และการระดมทุนของบริษัทที่ต้องการเติบโตในระยะยาว
อีกทั้งภายในก็มีนิทรรศการความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุน และ ‘ห้องสมุดมารวย’ ที่นับว่าเป็นคลังความรู้ทางด้านการเงิน การลงทุน ตลาดหุ้นแบบครบวงจร ให้ผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนทั่วไปเข้ามาอ่านหนังสือ เข้าคอร์สอบรม ฟังสัมมนา หรือนั่งทำงานในแต่ละวัน
นอกจากนี้ยังไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการใช้ชีวิตและเสพความบันเทิง เพราะในย่านอโศกและพระราม 9 ต่างเป็นที่รู้จักในเรื่องของการเป็นศูนย์รวมแห่งการค้าที่เข้าถึงง่าย อย่างห้างฯ แลนด์มาร์ก ‘เซ็นทรัล พระราม 9’ ที่มาที่เดียวได้ทั้งช้อปปิง ทานข้าว หรือดูหนังเรื่องโปรด แถมใกล้ๆ ยังมีห้างฯ ฟอร์จูนทาวน์ที่เต็มไปด้วยแหล่งร้านขายเครื่องดนตรีและสินค้าในอินสตาแกรม ตลาดจ๊อดแฟร์สุดฮิตให้เดินเล่นในยามค่ำคืน รวมถึงตึกสำนักงานอย่างตึก G Tower หรือตึกยูนิลีเวอร์ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย เรียกว่าครบถ้วนทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน
และเพราะความสะดวกสบายจนตอบโจทย์การใช้ชีวิตของใครหลายคน ทำให้อสังหาริมทรัพย์หลายเจ้าต่างต้องการที่ดินในย่านนี้มาครอบครอง ไม่เว้นแม้กระทั่งอนันดาที่ได้ผืนที่ดินหายากแปลงหัวมุมใจกลาง New CBD แห่งนี้มาเป็นที่ตั้งของ ‘Ashton Asoke-Rama 9’ คอนโดมิเนียมระดับลักซูรีใจกลางแยกพระราม 9
โครงการที่อยู่อาศัยแห่งนี้โอบล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยชั้นนำ และสำนักงานออฟฟิศหลากหลายแห่ง แถมห่างจาก MRT สถานีพระราม 9 เพียง 230 เมตร ทำให้ใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างคล่องตัว
ไม่ใช่แค่ทำเล แต่ตัวห้องภายในคอนโดฯ ก็มีความโดดเด่น นั่นคือ ‘All Corner Units’ ที่ออกแบบผังอาคารให้ทุกยูนิตเป็นห้องมุม มีพื้นที่กระจกที่กว้าง เปิดรับแสงธรรมชาติ เพิ่มการถ่ายเทของอากาศภายในห้อง เพื่อชมวิวทิวทัศน์สวยงามของเมืองกรุงเทพมหานครได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ Ashton Asoke-Rama 9 ยังให้ความสำคัญกับส่วนกลางที่แบ่งเป็นโซนชัดเจนสำหรับสาย Active ที่เน้นเคลื่อนไหวร่างกาย และสาย Passive ที่เน้นการพักผ่อนสบายๆ สอดคล้องกับไวบ์ของย่านนี้ที่เปิดโอกาสให้เอนจอยทั้งชีวิตงานและการพักผ่อน
ดูรายละเอียดโครงการ Ashton Asoke-Rama 9 ได้ที่ : www.ananda.co.th/th/condominium/ashton-asoke-rama-9
Simple Vibes – ความเรียบง่ายในย่านที่คึกคักมีชีวิตชีวา
พูดถึงย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ ไปหลายแห่งแล้ว ถ้าไม่พูดถึงย่าน ‘สุขุมวิท’ คงไม่ได้ เพราะย่านนี้เป็นย่านที่รวมธุรกิจสำคัญหลายอย่างเอาไว้ แต่เชื่อไหมว่าในสมัยก่อนนั้น สุขุมวิทเคยเป็นชานเมืองที่มีที่ดินขนาดใหญ่เหมาะแก่การปลูกสร้างบ้านเรือน หากแต่ไม่มีถนนใหญ่ตัดผ่าน ทำให้ผู้คนลำบากในการสัญจรไปมา แต่เมื่อมีการตัดผ่านถนนที่เชื่อมต่อกับภาคตะวันออก ก็ทำให้ถนนสุขุมวิทกลายเป็นถนนเส้นหลักที่สำคัญของกรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบันนี้
และเพราะเป็นย่านเศรษฐกิจ จึงเป็นจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติ ทั้งที่เข้ามาท่องเที่ยวและลงหลักปักฐานในกรุงเทพฯ ทำให้สุขุมวิทกลายเป็นย่านที่มีความหลากหลายที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย โซนออฟฟิศ ศูนย์การค้า โรงเรียน โรงพยาบาล แหล่งแฮงเอาต์ รวมไปถึงอาหารการกินที่มีร้านอาหารนานาชาติให้เลือกสรรได้ไม่ซ้ำตลอดทั้งย่าน
ขณะเดียวกัน ย่านสุขุมวิทและความเร่งรีบก็เป็นเหมือนของคู่กัน แต่ในซอยสุขุมวิท 36 (นภาศัพท์ 2) นั้นมีร้านอาหารที่ช่วยให้เวลาของคนเมืองเดินช้าลงซ่อนตัวอยู่ หนึ่งในนั้นคือ ‘L’Oliva Ristorante Italiano & Wine Bar’ ร้านอาหารอิตาเลียนพื้นบ้านในสไตล์แคว้นอาบรุซโซ (Abruzzo) พร้อมไวน์บาร์ที่เติมเต็มความเป็นอิตาเลียนได้อย่างลงตัว
ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้นที่พาเราเข้าสู่บรรยากาศแบบอิตาเลียน แต่สไตล์ของร้านที่ดูหรูหราแต่ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนนั่งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในอิตาลีนั้นก็เหมาะแก่การเป็นสถานที่นัดพบเพื่อหลบเลี่ยงความรีบเร่งของสุขุมวิทอีกด้วย
หรือหากใครที่เป็นสายอาหารเอเชีย ถัดไปไม่ไกลในซอยสุขุมวิท 38 ที่เดินทะลุถึงกันได้ก็มี ‘Okonomi’ ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ต้นตำรับจากนิวยอร์ก ที่ยังคงยึดมั่นในหลักปรัชญา ‘Mottainai’ ซึ่งเป็นการทำอาหารแบบยั่งยืนด้วยการสร้างสรรค์วัตถุดิบให้มีความหลากหลาย คุ้มค่า และเหลือทิ้งน้อยที่สุด ซึ่งมาในบรรยากาศการตกแต่งร้านแบบคุมโทนที่ช่วยให้ดูสบายตา
ภายในร้านยังมีคาเฟ่ที่พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มส่งตรงจากญี่ปุ่น เพื่อสร้างความผ่อนคลายและเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในการเป็นสถานที่หนีความวุ่นวายภายในย่านสุขุมวิทได้เป็นอย่างดี
ไม่หมดแค่นั้น เพราะในซอยสุขุมวิท 36 และย่านสุขุมวิทยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ หลากหลายสัญชาติที่มีรสชาติแบบต้นตำรับที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกมากมาย เหมือนกับ ‘IDEO Q Sukhumvit 36’ ที่มีคาแรกเตอร์ของความเป็น IDEO Q ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยเป็นเอกลักษณ์เด่นชัด และหลากหลายสิ่งอำนวยความสะดวกที่รวมเอาไว้ในที่เดียว
IDEO Q Sukhumvit 36 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 ที่ใช้เส้นทางการเดินทางได้ทั้งถนนพระรามสี่และถนนสุขุมวิท หรือหากจะเดินทางด้วย BTS ก็อยู่ห่างจากสถานีทองหล่อแค่ 450 เมตรเท่านั้น แถมข้ามฝั่งถนนไปจะเจอกับซอยทองหล่อที่มีความคึกคักและรื่นรมย์ ทั้งร้านอาหาร ร้านแฮงเอาต์ และคอมมูนิตี้มอลล์สำหรับพบปะสังสรรค์
ใครกำลังมองหาคอนโดมิเนียมที่ตอบรับทุกการใช้ชีวิตในย่านสุขุมวิทและทองหล่อ แต่อยากให้บรรยากาศรอบข้างมีความเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนท่ามกลางการใช้ชีวิตสนุกๆ ต้องถูกใจโครงการ IDEO Q Sukhumvit 36 แห่งนี้แน่นอน
ดูรายละเอียดโครงการ IDEO Q Sukhumvit 36 ได้ที่ : ananda.co.th/th/condominium/ideo-q-sukhumvit-36
Comfortable Vibe – คุณภาพชีวิตดีๆ ท่ามกลางไวบ์ธรรมชาติ
ปิดท้ายด้วยย่านพระราม 4 และ คลองเตย ที่หลายคนอาจติดภาพว่าเป็นย่านชุมชนเก่าที่เรามักใช้เป็นทางผ่านไปยังย่านเศรษฐกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสุขุมวิทหรือตรงไปยังสามย่านเพื่อทะลุออกไปโซนสยาม
ทั้งที่ความจริงแล้วถนนพระราม 4 ถือเป็นถนนสายสำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นถนนสายประวัติศาสตร์อันอุดมไปด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง และเป็นภาพสะท้อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี
เพราะพื้นที่แห่งนี้กำลังก้าวสู่การเป็นสมาร์ตคอมมูนิตี้ที่พัฒนาอย่างยั่งยืน มีทุกอย่างครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง จนทำให้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มูลค่ามหาศาลให้ความสนใจในการต่อยอด
อีกทั้งย่านนี้ยังเป็นโซนที่เต็มไปด้วยความสงบ ให้บรรยากาศความเป็นธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจในวันสบายๆ เพราะมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ถึงสองแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ‘สวนลุมพินี’ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่หลายคนคุ้นเคย เพราะนอกจากเป็นสวนสีเขียวสำหรับออกกำลังกายแล้ว ที่นี่ยังมีห้องสมุดประชาชนที่เปิดให้เข้าใช้งานฟรี และยังเป็นพื้นที่จัดงานกาชาดประจำปี ไปจนถึงดนตรีในสวนที่จัดอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนพื้นที่สีเขียวอีกแห่งคือ ‘สวนป่าเบญจกิติ’ สวนขนาดใหญ่แห่งใหม่ที่มีพื้นที่กว่า 300 ไร่บนที่ดินของโรงงานยาสูบเก่า ภายในมีกิจกรรมให้ชาวเมืองเข้าไปร่วมสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางปั่นจักรยาน สนามเล่นกีฬาในร่ม พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ และโซนที่เปิดให้เจ้าของพาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาวิ่งออกกำลังกายไปพร้อมๆ กัน
แถมหลังออกกำลังกายเสร็จ บริเวณใกล้เคียงก็มี ‘ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์’ ที่มีบริการห้องอาบน้ำ Shower Station รอให้บริการ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นล็อกเกอร์ส่วนตัว ผ้าขนหนู ไปจนถึงแชมพูและครีมอาบน้ำ ให้พร้อมออกไปเดินเล่นต่อแบบชิลๆ
เนื่องจากภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่เพิ่งรีโนเวตครั้งใหญ่ด้วยฝีมือคนไทยเมื่อกลางปีที่ผ่านมานั้นได้มีการขยับขยายพื้นที่ให้กว้างขวางมากขึ้น และยกระดับตัวเองเป็นสถานที่จัดแสดงงานและการประชุมในระดับชาติและนานาชาติกว่า 20,000 งานที่เวียนกันมาจัดตลอดทั้งปี นับว่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญระดับสากลในเมืองเราเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้บริเวณถนนพระรามที่ 4 และถนนวิทยุ ยังมีโครงการระดับ Mega Project อย่าง ‘One Bangkok’ ที่จะเปิดให้บริการในรูปแบบมิกซ์ยูสที่ครบวงจร และมุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนด้วยมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ซึ่งจะทำให้ราคาที่ดินในบริเวณนี้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จนกลายเป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าอยู่อาศัยและน่าลงทุน
และไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าหากเราอยากอาศัยอยู่ในทำเลที่ดีต่อใจ เหมือนกำลังพักผ่อนในไวบ์แบบ Central Park แบบนี้ เพราะโครงการคอนโดฯ ‘COCO PARC’ เป็นคอนโดฯ เพียงแห่งเดียวบนย่านนี้ที่เป็น Freehold ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของอนันดาและโรงแรมดุสิตธานี ที่ตั้ง 0 เมตรจาก MRT คลองเตย เหมาะสำหรับคนเมืองรุ่นใหม่ที่อยากมีไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบ และต้องการมีสินทรัพย์เป็นของตัวเอง
นอกจากใกล้ชิดปอดสีเขียวขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ และศูนย์การประชุมระดับโลกแล้ว ที่นี่ยังมาพร้อมความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยด้วยบริการเซอร์วิสระดับ 5 ดาว อย่าง ‘Concierge Service’ ที่มีบุคลากรจากทางดุสิตมาเป็นผู้ช่วยให้กับลูกบ้าน สำหรับติดต่อใช้บริการหรือจัดการธุระในระหว่างวัน
ดูรายละเอียดโครงการ COCO PARC ได้ที่ : www.ananda.co.th/th/condominium/coco-parc