Recompose โรงงานทำปุ๋ยหมักจากมนุษย์ในซีแอตเทิล เปลี่ยนร่างของคนที่รักกลับสู่ธรรมชาติภายใน 60 วัน

ในยุคปัจจุบันที่การเผาศพก่อให้เกิดมลภาวะ ส่วนการฝังศพก็กลายเป็นเรื่องยากเพราะพื้นที่ในเมืองมีไม่เพียงพอ การเปลี่ยนร่างของคนที่คุณรักให้กลายเป็นดินด้วยกรรมวิธีการทำปุ๋ยหมักสำหรับนำไปใช้ต่อ จึงอาจเป็นทางออกที่น่าสนใจของปัญหาเหล่านี้ก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ ‘Recompose’ บริษัทสตาร์ทอัปสัญชาติอเมริกันจึงเปิดโรงงานและสถานที่จัดงานศพในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการเปลี่ยนซากศพของมนุษย์ให้กลายเป็นดินที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานเกษตรกรรมต่อได้ หลังจากที่การทำปุ๋ยหมักจากศพมนุษย์ได้รับการรับรองให้ถูกกฎหมายรัฐวอชิงตันเมื่อปี 2019 โรงเรือนขนาด 19,500 ตารางฟุตของ Recompose ประกอบไปด้วยล็อบบี้และห้องสำหรับทำพิธีศพแบบเรียบง่ายตามแบบฉบับประเพณีเดิม โดยร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกนำไปใส่ในโลงศพแคปซูลเหล็กหกเหลี่ยมพร้อมกับเศษฟางและไม้ เพื่อทำให้เกิดกระบวนการหมักภายใน ก่อนจะกลายสภาพเป็นปุ๋ยหมักที่เต็มไปด้วยสารอาหารสำหรับพืชภายใน 30 วัน จากนั้นดินที่ถูกแยกออกจากวัสดุที่ไม่เกิดการกัดกร่อน เช่น วัสดุอุดฟันหรือหมุดโลหะ และตะปูที่ใช้สำหรับตรึงร่าง จะถูกย้ายไปยังถังบ่มเพื่อทำให้แห้งอีกประมาณ 2 – 6 สัปดาห์ ก่อนที่ทางโรงงานจะส่งดินเหล่านี้คืนให้ครอบครัวหรือเพื่อนของผู้เสียชีวิตสำหรับเก็บรักษา หรือบริจาคต่อให้กับองค์กรพันธมิตรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง ‘Remember Land’ เพื่อนำดินกลับสู่ธรรมชาติบริเวณป่า ‘Bells Mountain’ ขนาด 700 เอเคอร์ทางตอนใต้ของวอชิงตันตามที่ญาติต้องการ ใครสนใจการบริการเปลี่ยนศพให้กลายเป็นปุ๋ยหมักแบบนี้ สามารถใช้บริการ Recompose อย่างเต็มรูปแบบได้ในราคา 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 234,000 บาท) โดยมีเงื่อนไขว่าคุณจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งศพไปยังโรงงานด้วยตัวเอง Sources : Dezeen | […]

แคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมายใหม่ เปลี่ยนร่างมนุษย์เป็นปุ๋ยหมักได้ อีกทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันกลุ่มคนที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเริ่มหันหลังให้กับการกำจัดศพแบบเดิมๆ อย่าง ‘การเผา’ เพราะเป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานเยอะ แถมยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ เป็นสาเหตุที่ทำให้โลกเผชิญภาวะโลกร้อน ส่วน ‘การฝัง’ เป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายสูงเป็นอันดับต้นๆ ทั้งค่าโลงศพ พื้นที่ การเคลื่อนย้าย รวมถึงพิธีกรรมอื่นๆ เพราะเหตุนี้หลายประเทศจึงเพิ่มทางเลือกในการกำจัดศพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและราคาถูกลง หนึ่งในนั้นคือ ‘รัฐแคลิฟอร์เนีย’ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ล่าสุดได้ผ่านร่างกฎหมายรับรองการเปลี่ยนร่างของมนุษย์ให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก (Human Composting) เพื่อเป็นทางเลือกที่รักษ์โลกและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ขั้นตอนการฝังศพรูปแบบใหม่คือ ร่างผู้เสียชีวิตจะถูกบรรจุไว้ในโลงเหล็กขนาด 8 ฟุต และใส่วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพอื่นๆ เข้าไปภายใน เช่น เศษไม้หรือดอกไม้ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ราว 30 – 60 วันให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการย่อยสลาย ก่อนที่บริษัทจะนำปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้คืนให้ครอบครัวเป็นขั้นตอนสุดท้าย สำหรับค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนร่างมนุษย์เป็นดินมีราคาระหว่าง 5,000 – 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 190,000 – 265,000 บาท) ใกล้เคียงกับค่าฝังศพแบบดั้งเดิมในรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีราคาราว 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 227,000 บาท) แต่ก็ยังถูกกว่าพิธีเผาที่มีราคาราว 7,225 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว […]

โลงศพผลิตจากไมซีเลียม ย่อยสลายใน 30-45 วัน

ทุกวันนี้เทรนด์รักษ์โลกไม่ได้อยู่แค่ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่เราสามารถเลือกชีวิตหลังความตายให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน เราจึงได้เห็นการพัฒนาทางเลือกใหม่ๆ ในการฝังศพเกิดขึ้นทุกๆ ปี โดยเฉพาะการฝังศพให้กลายเป็นปุ๋ยที่ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไปแล้ว และก็ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่มีหลายองค์กรทั่วโลกที่ออกมาขับเคลื่อนทางเลือกนี้ให้ทำได้จริง สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนา และทำให้ผู้คนเปิดรับกันมากขึ้น Living Cocoon คืออีกหนึ่งทางเลือกในการฝังศพที่ลดทั้งการใช้พื้นที่และเวลา เป็น ‘โลงศพมีชีวิต’ ชิ้นแรกของโลกที่ย่อยสลายตัวเองได้ภายใน 30 – 45 วัน จากการทดลองในเนเธอร์แลนด์ (ระยะเวลาย่อยสลายขึ้นอยู่กับดิน น้ำ และสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่)  เหตุผลที่เรียกว่า ‘โลงศพมีชีวิต’ เป็นเพราะว่าวัสดุที่ใช้ในการทำโลงทำมาจาก ‘ไมซีเลียม (Mycelium)’ หรือ ‘เส้นใยเห็ดรา’ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดลูป (Loop) หรือวัฏจักรการย่อยสลาย ตัวโลงจะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ในการฝังกลบ ช่วยย่อยศพให้กลายเป็นปุ๋ยและกลับคืนสู่ธรรมชาติได้เร็วขึ้น และยังมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตอื่นรอบๆ หลุมฝังศพอีกด้วย Living Cocoon ผลิตโดย Loop Biotech บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ที่หาทางออกให้กับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คิดค้นและออกแบบโดยบ็อบ เฮนดริกซ์ (Bob Hendrikx) ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง นักออกแบบ และสถาปนิก ที่สนใจและเชี่ยวชาญในนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เฮนดริกซ์ กล่าวว่า […]

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.