จากคู่หูเพื่อนรักกลายเป็นนักธุรกิจคู่ใจ ‘เซน-ธัญญรัตน์ ตรีสุรมงคลโชติ’ และ ‘ปันปัน-ปานไพลิน พิพัฒนสกุล’ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า ‘SHE KNOWS’ ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคืออยากสร้างพลังงานดีๆ ส่งต่อให้ทั้งสิ่งแวดล้อมและให้คุณค่ากับคนทำงานในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าด้วยคอนเซปต์ที่ว่า “A small brand trying very hard to be sustainable” เราจึงออกเดินทางไปพร้อมกับสองสาวซึ่งกำลังพาธุรกิจที่เริ่มต้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างแข็งแรงไปพร้อมกับพวกเธอ
SHE KNOWS, YOU KNOW?
SHE KNOWS : จริงๆ อันนี้เป็นแบรนด์ที่สองของเรา เพราะเมื่อก่อนทำพรีเมียมโปรดักต์ขึ้นห้างฯ ราคาสูงเลยนะ แล้วพอผ่านระยะเวลามาสักพักหนึ่งก็เกิดปัญหาโดนเลียนแบบเยอะมาก คือเหมือนเป๊ะแล้วยังหั่นราคาลงให้ถูกกว่าด้วย เราสองคนก็เลยมานั่งคิดว่า เราทำอะไรได้บ้างไหม ทั้งๆ ที่เรามีของดีอยู่ในมือ มีช่างที่ดี แถมยังมีประสบการณ์ในด้านการทำธุรกิจแนวนี้อยู่ แล้วทำไมเราไม่ใช้ของที่เรามีสร้างคุณค่าขึ้นมาใหม่ ซึ่งนั่นเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ SHE KNOWS ด้วยคอนเซปต์ที่ว่า เรารู้นะว่าเขาก๊อบเรา (หัวเราะ) ซึ่งมันรวมไปถึงการทำการตลาดที่ง่ายแถมยังเล่นคำได้เยอะด้วย เช่น She knows about the pattern, she knows what you want, she knows about the trend มันแปลว่าเรารู้หมดนะ
แล้วคาแรกเตอร์ของแบรนด์เราก็เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะเลย มันเกิดจากจุดเปลี่ยนที่เรามีโอกาสไปออกงานขายเสื้อผ้าด้วยกัน แล้วเราสองคนก็มองไปรอบๆ แล้วก็รู้สิ่งว่า เฮ้ย…ขยะที่เกิดจากวงจรเสื้อผ้าเยอะมาก เขาซื้อของจากเราไปจะใส่กันได้สักกี่ครั้งเชียว คือเราพูดกันเองเสมอว่าสงสารลูกค้า คือเอาไปซักใส่ไม่กี่ครั้งก็พังแล้วอยู่ไม่ได้นาน ก็เลยหันกลับมามองตัวเองใหม่
เรายังอยากจะเดินไปบนเส้นทางนี้จริงๆ เหรอ
มันไม่ใช่อะไรที่เราภูมิใจเลย ตัวเราเองยังไม่ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองเลยมันไม่โอเคนะ
วันนั้นก็เลยเป็นวันที่ตัดสินใจว่าไม่เอาแล้ว เราก็เริ่มพัฒนาโปรดักต์ขึ้นมาใหม่เป็นสินค้าที่ไม่ฉาบฉวยใส่ได้บ่อย แถมยังใส่กับชุดอื่นได้ด้วย ยอมกำไรน้อยหน่อยแต่มันยั่งยืนในแง่การใช้งาน เพราะไม่ใช่พวก Fast Fashion ที่เราเห็นกันในท้องตลาดตอนนี้ ซึ่งตอนแรกก็แอบคิดมากว่ามันจะน่าเบื่อไปไหม คนจะเข้าใจในสิ่งที่เราตั้งใจทำจริงๆ หรือเปล่า แต่เราก็ยังพยายามเปิดมุมมองใหม่ๆ แบบนี้ให้กับตลาดเมืองไทยนะ เลยกลายมาเป็น SHE KNOWS จนถึงทุกวันนี้
พยายามสุดชีวิตด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ
SHE KNOWS : สิ่งที่เราตั้งใจเลยคืออยากให้ผู้หญิงธรรมดาใส่ง่าย เพราะทุกวันนี้ก็จะเห็นแต่เสื้อผ้าที่ผู้หญิงต้องสวยถึงจะใส่ได้เยอะมากๆ เราก็คิดถึงประชากรธรรมดาและหุ่นธรรมดาแบบเราที่ไม่ได้สัดส่วน 34-24-35 แบบนั้น (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเราอยากให้ทุกหุ่นใส่แล้วสวย หรือใครที่มีสัดส่วนเฉพาะจริงๆ เราแก้ไซซ์ให้ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าทรงจะเปลี่ยนไหม เพราะช่างแพตเทิร์นแก้ทรงให้เองเลย ซึ่งเรื่องของการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติก็เป็นอีกเรื่องที่พยายามมากๆ เหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ตอนนี้ยังทำไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เลยกลายเป็นคอนเซปต์เตือนใจว่า
“trying very hard”
พยายามทำให้ทุกมุมมองทุกกระบวนการของเรามีขยะน้อยที่สุด
ต้องบอกว่าออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์เนี่ยมันหายากมาก แล้วก็ราคาค่อนข้างสูงด้วย เพราะฉะนั้นเลยกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของเราสองคน คือมันดีกว่าเราไม่เริ่มทำอะไรเลยทั้งๆ ที่เราทำได้ อย่างวัสดุที่เราเลือกสำหรับแบรนด์ SHE KNOWS จะมีหลักๆ อยู่ 2 ชนิดคือ ‘Tencel Lyocell’ ลักษณะเป็นใยประดิษฐ์ที่ทำจากเปลือกไม้ แล้วก็พวก ‘Linen’ สำหรับวัสดุอื่นๆ เราก็เลือกที่จะเลี่ยงใช้ดีกว่า ซึ่งเอกลักษณ์ของผ้ามันกลายเป็นตัวแปรสำคัญของแบรนด์เลยนะ สังเกตได้จากวิธีการส่วนใหญ่ เขาจะเริ่มจากการดีไซน์แพตเทิร์นแล้วเอาผ้ามาแปะ แต่ด้วยความที่ผ้าของเรามีความเฉพาะตัวมากๆ ทำให้ต้องเปลี่ยนวิธีโดยการไปตามหาผ้าที่ต้องการมาก่อนว่า มีผ้าอะไรที่น่าสนใจบ้าง แต่ก็ยังยึดที่ความธรรมชาติของผ้าให้มีสัดส่วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วเราค่อยครีเอตดีไซน์จากผ้าว่าผ้าชิ้นนั้นเอาไปทำอะไรแล้วสวย เพราะฉะนั้นโปรดักต์ของเราเลยค่อนข้างเฉพาะตัวมากๆ
จากการพูดคุยมาสักพักเราก็รู้สึกอยากรู้มุมมองของสาวๆ SHE KNOWS ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากธุรกิจเสื้อผ้าที่พวกเธอกำลังทำอยู่
พยายามลดมลพิษที่เกิดจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้า
SHE KNOWS : สำหรับเรามันเป็นทางเลือกส่วนตัวนะ เพราะในแง่ธุรกิจการตัดสินใจทุกครั้งมันตามมาด้วยต้นทุนและมูลค่าที่เสียไปหรือได้กลับมา แต่สำหรับเรา สำคัญที่ว่าเราทำไปเพื่ออะไร อย่างเมื่อก่อนพวกเราก็เคยทำเสื้อยืดคอตตอนขาย เพราะเป็นสินค้าที่คนซื้อง่ายจ่ายคล่อง ราคาดีด้วย แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง เราไปเจอสารคดีที่เล่าเรื่องราวของคนเบื้องหลังในอุตสาหกรรมนี้ พบว่าเขาเจ็บปวดมากนะ ซึ่งเรารู้สึกว่าไม่อยากมีส่วนร่วมในกระบวนการเหล่านั้นเลย ยิ่งเป็นการตอกย้ำทางของธุรกิจเราที่ชัดเจนมากๆ ด้วย
อย่างล่าสุดเราเพิ่งมีเซตกางเกงยีนส์ 4 สีที่ฮอตมากๆ แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะลดให้เหลือแค่สีเดียวแล้วเปลี่ยนวัสดุเป็น ‘Tencel Lyocell’ เพื่อที่กางเกงยีนส์ของเราจะเป็นกางเกงรักษ์โลก ซึ่งหลายๆ คนอาจจะเคยรู้กันมาบ้างว่า โรงงานที่ผลิตกางเกงยีนส์จะปล่อยน้ำเสียออกมาจากกระบวนการต่างๆ เยอะมาก เราเลยพยามยามตามหาโรงงานที่ใช้ระบบ Zero Offset หรือระบบปัดน้ำแบบปิดที่เขามีกระบวนการบำบัดน้ำเสีย แล้วเอาน้ำกลับมาย้อมสีใหม่ โดยไม่ปล่อยน้ำเสียออกไป
เราเลยมานั่งคุยกันว่าในเมืองไทยเรื่องนี้ยังทำได้ยากเพราะว่าอะไร
หรือเพราะขยะที่ถูกสร้างขึ้นมันไม่มีราคาหรือเปล่า
อย่างคุณสร้างขยะเท่านี้ ต้องถูกจ่ายในราคาเท่านี้ แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น คนก็ยิ่งผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้คำนึงว่า เฮ้ย…สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านี้กลายเป็นอะไร ไปอยู่ที่ไหนบ้าง เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อคนตัดสินใจซื้ออยู่เรื่อยๆ มันก็กลายเป็นว่าเราเต็มใจสนับสนุนธุรกิจแบบนี้กันเองหรือเปล่า ซึ่งคนเบื้องหลังในธุรกิจนี้ ชีวิตเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง สารเคมีที่สะสมอยู่ในร่างกายของพวกเขามันมากแค่ไหนแล้ว แต่เราก็ยังคงซื้อของที่เขาทำออกมาอีก อันนี้ก็น่าคิดเหมือนกัน
สำหรับแบรนด์ SHE KNOWS อาจเป็นแบรนด์เสื้อผ้าทั่วไป แต่ถ้าหากลองมองให้ลึกถึงเบื้องหลังเราจะรู้ว่าเสื้อผ้าทุกตัวผ่านความมุ่งมั่นตั้งใจจากช่างมือเก๋าฝีมือดีที่ถึงแม้เลเวลในการใช้ชีวิตจะนำไปมากแล้วแต่ก็พร้อมที่จะปรับตัวเข้าสู่ยุคสมัยตลอดเวลาและนี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครของ SHE KNOWS
เลือกใช้ช่างวัยเก๋าคุณภาพไว้ใจได้
SHE KNOWS : จริงๆ ช่างของ SHE KNOWS ส่วนใหญ่คือผูกพันกันมาตั้งแต่ตอนทำแบรนด์พรีเมียมแล้ว ซึ่งช่างของเรานี่ระดับเกรด A เลยนะ อายุของช่างส่วนใหญ่ก็เลยระดับ A เช่นกัน เพราะประสบการณ์แน่นมาก (หัวเราะ) คือพวกเรายอมรับเลยว่า ไม่ได้รู้ทุกอย่าง ช่างของเราเป็นครูของเราด้วยซ้ำ เราเองก็จะมีคำถามตลอดว่า พี่นิโคลมันต้องยังไงนะ ลุงว่าตะเข็บแบบนี้ดีไหม
“ไม่ได้มองสถานะระหว่างเราเป็นเจ้านายกับลูกจ้างเลย
เขาให้เรามากกว่าด้วยซ้ำ นี่ไม่ได้โลกสวยนะแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ”
เหมือนเป็นการทำงานร่วมกันมากกว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากๆ เพราะพวกเราติดต่อช่างโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เพื่อความแน่ใจว่าช่างทุกคนจะได้เงินเต็มจำนวนไม่ต้องโดนหักหัวคิวนะ คือสมมติถ้าผ่านคนกลาง ค่าใช้จ่ายเท่าเดิมแต่คนกลางเอาไป ช่างเราได้เงินน้อยลงแบบนี้เราก็ไม่ค่อยโอเค เลยเลือกที่จะติดต่อเองโดยตรงดีกว่า แถมยังลดช่องว่างระหว่างวัยของพวกเรากับช่างไปได้เยอะเลย
เพราะเรามองว่าช่างคือศิลปิน เขาจะมีด้านที่ถนัดแบบชัดเจนมากๆ ก็เลยต้องไปรู้ไปสัมผัสว่าช่างแต่ละคนเขารัก เขาชอบอะไร เช่น พี่นิโคลเป็นช่างแพตเทิร์นที่เป็นหัวใจของแบรนด์ SHE KNOWS เลยก็ว่าได้ ซึ่งถือว่าพวกเราโชคดีจริงๆ เพราะว่าเขาประสบการณ์เยอะมาก งานทุกประเภท ชุดราตรี ชุดของราชวงศ์ ทำงานในวังก็ทำมาแล้ว ลุงสังฆ์นี่ก็ช่างกางเกงมือทองที่รับประกันเลย ใครซื้อไปใส่ก้นสวยแน่นอน (หัวเราะ)
สิ่งสำคัญที่เราเองยังคาดไม่ถึง คือช่างทุกคนพยายามปรับตัวไปพร้อมๆ กันกับเรา แน่นอนยุคสมัยมันเปลี่ยน ยุคของเขากับของเรามันต่างกันอยู่แล้ว อันนี้เป็นพลังงานที่ดีสำหรับพวกเรามากๆ เหมือนกัน คือเรามองว่า SHE KNOWS เป็นพลังงานบวก เราเลือกใช้ของที่ดี เป็นมิตรกับทั้งคนและสิ่งแวดล้อม เราพยายามให้สิ่งที่ดี พลังงานดีๆ คืนกลับไปให้คนอื่นได้มากที่สุด แล้ววันหนึ่ง เราเชื่อว่าเขาเองจะรู้สึกได้ และพร้อมจะมอบสิ่งที่ดีกลับคืนมาให้เราเหมือนกัน
รู้และมองคนอย่างเท่าเทียม
SHE KNOWS : สำหรับเรารู้สึกว่ามันคือบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้เราตระหนักมากขึ้น เราเคยเป็นคนที่อีโก้สูงมาก คิดเสมอว่าเราอยู่บนยอดของพีระมิดเลยนึกออกไหม แบบเราแก้ปัญหาได้ทุกอย่างแค่จ้างช่างตัดเสื้อ จ้างช่างทำแพตเทิร์นมาทำ แล้วถ่ายแบบดีๆ ก็ขายได้เเล้วแค่นั้นจบ แต่สักพักเวลาผ่านไป เราล้มลุกคลุกคลานด้วยตัวเองก็รู้ซึ้งเลยว่าทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่เราคิด มันทำให้เรามองเห็นคนอื่น มองเห็นคนรอบข้างบ้างจริงๆ นะ
“เราคิดได้เลยว่าอย่ามองคนเป็นแค่คนหนึ่งคน เราต้องมองให้ลึกมากกว่านั้น”
Instagram : https://www.instagram.com/sheknowsofficial/
Website : https://www.sheknowsofficial.com/