หลายคนที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะใครที่ย้ายจากบ้านในต่างจังหวัดมาปักหลักใช้ชีวิตและฝากความหวังความเจริญไว้กับเมืองใหญ่นี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องทุ่มสุดตัวเสมอมาคือ ‘หน้าที่การงาน’ เพราะนั่นหมายถึงความก้าวหน้าในอาชีพของตัวเอง การมีเงินมากพอที่จะอยู่อย่างสบายและไม่ทำให้ครอบครัวต้องลำบาก และการมีตัวตนอย่างภาคภูมิใจในสังคมที่คนจะล้นเมืองแห่งนี้
‘ทำงาน ทำงาน ทำงาน’ คงเป็นสโลแกนที่ใครๆ ได้ยินบ่อยมากเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้เราเลยอยากชวนให้ลองมาปรับสมดุลชีวิตเป็น ‘พักผ่อน ทำงาน พักผ่อน ทำงาน พักผ่อน ทำงาน’ จะได้ไหม
เพราะเราเชื่อว่ายิ่งวันเวลาผ่านไป สังคมที่มีแต่การแข่งขันขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เราหลงลืมไปเลยว่าการพักผ่อนนั้นไม่ใช่แค่สิ่งสำคัญ แต่เป็น ‘ที่สุดของความจำเป็น‘
เราเลยอยากชวนทุกคนมาลองสร้างความตั้งใจใหม่จากที่ผ่านมา หลายคนอาจทุ่มให้งานจนหมดตัวแล้ว ปีนี้ลองมาเผื่อพื้นที่อบอุ่นๆ ให้การพักผ่อนเพื่อหัวใจที่ชุ่มชื่นขึ้นบ้างดีกว่า
โทรศัพท์ยังชาร์จทุกวันเลย ทำไมไม่ยอมชาร์จแบตฯ ร่างกาย
ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนเราหรือเปล่า วันไหนที่รู้สึกตัวเองนิสัยไม่ดี หงุดหงิดอะไรไปทั่ว จะมานึกขึ้นได้ทีหลังว่าวันนั้นนอนน้อย
พอๆ กับคนรักสุขภาพทั้งหลายที่เห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าวันนั้นต้องเลือกระหว่างการ ‘นอนให้พอ’ หรือ ‘ไปออกกำลังกาย’ ขอเลือกการนอนมาก่อนเสมอ เพราะร่างกายเราจะแข็งแรงหรือสุขภาพจิตจะดีขึ้นไม่ได้เลย ถ้ารากฐานของเรานั้นสั่นคลอน
เมื่อไหร่ที่เหลือบมองโทรศัพท์มือถือแล้วเห็นแบตฯ เหลืออยู่รอมร่อ เราจะรีบหาที่ชาร์จอย่างไม่มีรีรอ
ในขณะเดียวกัน หากความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมานานในวันนั้นหรือตลอดสัปดาห์นั้น ทำให้พลังการใช้ชีวิตของเราเหือดแห้งเต็มที สิ่งที่จะดูสมเหตุสมผลที่สุดคือการชาร์จพลังของเราให้ไปต่อได้นั่นเอง ไม่ใช่ทู่ซี้ทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไปอย่างไม่ยอมฟังเสียงร่างกาย
การพักผ่อนเพื่อดูแลตัวเองให้ดี คือการว่ายทวนกระแสสังคมทุนนิยมที่บ้าคลั่ง
พูดได้ว่าสังคมที่เราอาศัยอยู่ตอนนี้คือสังคมภายใต้ระบบทุนนิยม
จุดเด่นของระบบนี้คือการกระตุ้นให้คนที่ทำงาน ตั้งใจสร้างฝีมือเพื่อส่งงานออกไปให้ได้มากที่สุด ความเก่งและการได้รับการยกย่องมักมาจากจำนวนงานที่ผลิตออกมา แถมเมื่อผลิตเสร็จ งานจะถูกส่งขึ้นไปให้หัวหน้าหรือเจ้านาย แทบไม่เหลือความภูมิใจให้เรากักเก็บเอาไว้ ทำให้รู้สึกถึงความกดดันที่ต้องส่งงานออกไปเพิ่ม เพื่อหวังจะได้เข้าถึงความรู้สึกอิ่มเอมบางอย่างจากผลงานของเรา
‘การพักผ่อน’ จึงมักเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนให้ความสำคัญ เพราะเมื่อไหร่ที่หยุดพัก อาจหมายถึงมีใครหลายคนพร้อมแซงเราอยู่ หรือความสามารถในการผลิตงานของเราน้อยกว่าคนอื่นนั่นเอง
การทำงานหนักกลายเป็นคุณค่าที่ผู้คนต่างเชิดชู แต่หลายครั้งก็มอบความโดดเดี่ยวไว้ข้างใน จนลืมไปเลยว่าหากหยุดนิ่งสักนิด โอบกอดและให้อภัยตัวเองเมื่อรู้ตัวแล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ไม่ดีพอ และค่อยๆ หาเวลาดึงจิตวิญญาณของตัวเองกลับมา นั่นคือรางวัลของการใช้ชีวิตที่มีรสชาติกลมกล่อมที่สุดแล้ว
‘การพักผ่อน’ ไม่ได้มีแค่การนอนหลับเท่านั้น
ด็อกเตอร์ ซอนดรา ดาลตัน สมิท (Dr. Saundra Dalton-Smith) แพทย์และนักค้นคว้าเรื่องการพักผ่อนชื่อดัง เคยเล่าไว้ใน TED Talks ว่า เหตุผลที่บางครั้งเรานอน 7 – 8 ชั่วโมงแล้วแต่ยังรู้สึกล้าระหว่างวันอยู่ จริงๆ แล้วอาจไม่ได้เกี่ยวกับการนอนอย่างเดียว
เธอได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การพักผ่อนนั้นมีอยู่ 7 ประเภท มาลองดูกันว่าเราขาดข้อไหนอยู่หรือเปล่า
1) การพักผ่อนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการงีบ นอนหลับ หรือออกกำลังเบาๆ เช่น โยคะหรือไปนวดตัว ให้ร่างกายมีระบบไหลเวียนที่ดีและพบความผ่อนคลาย
2) การพักผ่อนจิตใจ เตือนตัวเองให้พักหรือทำอะไรช้าลงบ้างระหว่างวัน เพราะจังหวะชีวิตที่เร่งรีบไม่หยุด ทำให้จิตใจเราตื่นตัวตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาต้องพักจริงๆ จึงทำไม่ได้ กลายเป็นนอนไม่หลับนั่นเอง
3) การพักผ่อนผ่านประสาทสัมผัส ประสาทสัมผัสที่รับรู้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสง สี เสียงที่เยอะและแรงเกินไปในแต่ละวัน ทำให้ผ่อนคลายได้ยาก ทว่าช่วยได้ด้วยการหลับตาไม่กี่นาที หรือตั้งมั่นกับตัวเองที่จะหยุดเล่นโซเชียลมีเดียหรือรับความบันเทิงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สักพัก
4) การพักผ่อนโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ หากใครเครียดมานาน ลองปล่อยใจไปกับสิ่งที่จะทำให้หัวโล่งและสนุกขึ้นอย่างการทำงานศิลปะ พาตัวเองเข้าสู่ธรรมชาติ หรือมีช่วงเวลาให้ตัวเองกลับไปเป็นเด็กบ้าง
5) การพักผ่อนทางอารมณ์ หาเวลาระหว่างวัน จริงใจกับความรู้สึกและอารมณ์ที่สั่งสมมานาน ทำให้มันเบาลงบ้างด้วยการยอมรับ ไม่ตัดสิน และปล่อยมันไป
6) การพักผ่อนทางสังคม ใช้เวลาว่างกับกลุ่มคนที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆ ไม่ใช่คนที่มีแต่ความคิดแง่ลบและพ่นอารมณ์ที่หม่นหมองให้
7) การพักผ่อนทางจิตวิญญาณ อะไรก็ตามที่ทำให้เราสัมผัสถึงความรักที่ลึกซึ้งในตัวเอง อาจเป็นการเฝ้าดูลมหายใจ ฝึกสติ สวดมนต์ หรือกิจกรรมตามสิ่งที่เราสนใจหรือเชื่อถือ
หากเราเป็นคนบ้างานมากๆ ให้ลองสร้างความท้าทายตัวเองด้วยการกำหนด ‘การพักผ่อน’ ให้เป็นทักษะที่เราต้องคอยฝึกฝน เหมือนหลายโปรเจกต์ที่เราต้องทำ ไม่ยอมแพ้ และต้องยกมันมาเป็นอันดับต้นๆ ในชีวิตให้ได้
แต่โปรเจกต์นี้มีข้อดีที่มหัศจรรย์คือ ความสุขและความสงบจากมัน จะไม่มีใครมาขโมยจากเราไปได้เลย เพราะเรามีพาวเวอร์มากพอที่จะสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง และเพื่อตัวเอง
ให้การเริ่มต้นปี 2023 เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้เดินทางเข้ามาข้างในใจ และดูแลสิ่งที่เรียกว่า ‘ตัวเอง’ ด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น และอ่อนโยนที่สุด เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างสวยงามกันเถอะ