เมื่อความทันสมัยพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ การอยู่อาศัยของผู้คนในปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปจนเรานึกไม่ถึง เพราะการอยู่บนพื้นดินกลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ลึกลงไปใต้ท้องทะเลแคริบเบียนอันกว้างใหญ่ โปรเจกต์ที่ชื่อว่า ‘Proteus’ สถานีวิจัยและที่อยู่อาศัยใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังจะเกิดขึ้น บนพื้นที่ขนาดกว่า 4,000 ตารางฟุตจากแนวคิดของ ‘Fabien Cousteau’ นักอนุรักษ์ทางทะเลร่วมมือกับ ‘Yves Béhar’ นักออกแบบอุตสาหกรรม เพื่อวางแผนการอยู่อาศัยในโลกอนาคตหากภัยพิบัติมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนที่สาหัสเกินกว่ามนุษย์จะรับไหว นี่อาจเป็นทางรอดครั้งใหม่ก็เป็นได้
รวมถึงโปรเจกต์การวิจัยครั้งใหม่ในสถานที่ใหม่เพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกใต้น้ำให้มากขึ้น และเก็บข้อมูลเพื่อมาคำนวณอัตราการเกิดสึนามิและเฮอริเคนได้ด้วย โดยมีแผนว่า ‘Proteus’ จะถูกสร้างขึ้นโดยใช้เวลาเพียง 3 ปี ในมุมของการออกแบบที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุดคือ ส่วนของตัวอาคารที่ยื่นออกมารูปร่างคล้ายกับฟองน้ำ ซึ่งมีโครงสร้างวงกลมสองวงซ้อนกันอยู่ และในแต่ละส่วนมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น ห้องพยาบาล ห้องสำหรับปฏิบัติการ ไปจนถึงห้องพักส่วนตัว
ไม่เพียงแต่เพื่อการอยู่อาศัยของมนุษย์ พืชก็สามารถเกิดและเติบโตจากใต้น้ำได้เหมือนกัน โดยทีมผู้ออกแบบเชื่อว่านี่อาจจะเป็นเรือนกระจกใต้น้ำแห่งแรกของโลกก็ว่าได้ ซึ่งในส่วนของพลังงานต่างๆ ที่ใช้ใน ‘Proteus’ จะพัฒนามาจากพลังงานลม แรงสั่นสะเทือนของคลื่นทะเล และพลังงานแสงอาทิตย์ โดยโปรเจกต์นี้ได้รับความสนใจและการระดมทุนเป็นอย่างมาก เพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นในการเกิดงานวิจัยใหม่ๆ ที่จะตามมาในอนาคต