กล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยนครั้งที่ 2 ไปกับ ‘โพรเทคส์’ - Urban Creature

‘ถ้าไม่กล้าแล้วจะเปลี่ยนได้ยังไง’

โพรเทคส์ชวนเรากลับมาผจญภัยอีกครั้ง กับภารกิจฟื้นฟูป่า กล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยนพื้นที่สีเขียวรอบชุมชนให้ยั่งยืน ผ่านกิจกรรม ‘กล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยน’ ที่จัดมาเป็นครั้งที่ 2

ครั้งนี้ โพรเทคส์พาทุกคนมาเปลี่ยนบรรยากาศ ล่องเรือชมธรรมชาติ ณ เมืองสายน้ำสามเวลา จังหวัดสมุทรสงคราม ออกไปขุดดินปลูกต้นโกงกาง ฝ่าเนินโคลนชั้นเซียน ลงมือเปื้อนเพื่อเปลี่ยนต้นกล้าให้กลายเป็นป่าชายเลน พร้อมเรียนรู้ความสำคัญของระบบนิเวศที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผืนใหญ่ของโลก

การเข้าร่วมกิจกรรม ‘กล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยน ครั้งที่ 2’ ยังคงมีสายฝนเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง อุณหภูมิที่เย็นลง หยาดน้ำฝนที่กระทบหน้าต่าง คล้ายเสียงขับกล่อมให้รู้สึกผ่อนคลาย นั่งรถมาไม่นานก็ถึงที่หมายโดยไม่รู้ตัว

ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น กลิ่นอายธรรมชาติและลมทะเลก็ลอยเข้ามาเตะจมูก พร้อมภาพของ ‘ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน’ ที่รายล้อมด้วยต้นโกงกางน้อยใหญ่ ในละแวกเดียวกันยังมีบ้าน ร้านอาหาร และรีสอร์ต แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของป่าชายเลนที่ยึดโยงชุมชนคลองโคน จังหวัดสมุทรสงครามแห่งนี้

หลังจากเปลี่ยนเสื้อและรับหมวกจากโพรเทคส์ เตรียมความพร้อมก่อนทำกิจกรรม ‘กอล์ฟ-ชวณัฐ มังน้อย’ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์โพรเทคส์ ก็ก้าวขึ้นกล่าวต้อนรับ

“แบรนด์โพรเทคส์มีความเชื่อในการออกไปลงมือทำ กล้าเลอะ กล้าเปื้อน เปิดโอกาสในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งเป็นที่มาของแคมเปญกล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยน” ชวณัฐ กล่าวถึงที่มาของกิจกรรมในวันนี้

นอกจากนี้เขายังเสริมอีกว่า การปลูกป่าที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน เป็นการต่อยอดจากครั้งก่อนที่ชวนทุกคนไปลงมือปลูกต้นกล้า ฟื้นฟูป่ากันมาแล้ว โดยตลอดทริปนี้ทุกคนจะได้รับการดูแลความสะอาดจากโพรเทคส์ ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ให้ทุกคนสะอาด สดชื่น และมั่นใจ พร้อมกลับบ้านได้อย่างไร้กังวล 

แต่ก่อนที่จะได้ลงมือเปื้อน ทางศูนย์อนุรักษ์ฯ ก็ส่ง ‘ปภัสร์พงษ์ รัตนพงศ์ธระ’ และ ‘พีร์นิธิ รัตนพงศ์ธระ’ วิทยากรมากความสามารถเข้ามาให้ความรู้ในการปลูกป่า และความเป็นมาของศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนแห่งนี้ให้เราฟังกันก่อน

จากการฟังเรื่องราวทำให้เรารู้ว่า ในอดีตชุมชนคลองโคนแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำ สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่เป็นรายได้หลักของชาวบ้านมาก่อน จนกระทั่งเกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าและใช้สารเคมีเพื่อเลี้ยงกุ้ง ตัวแปรที่ทำให้ระบบนิเวศเสียหาย ใน พ.ศ. 2535

จากปัญหานี้เอง ทำให้ ‘ผู้ใหญ่ชงค์’ ผู้ใหญ่บ้านในขณะนั้น ริเริ่มโครงการปลูกป่าชายเลน โดยร่วมมือกับภาครัฐและชาวบ้านในชุมชน ส่งผลให้ปัจจุบันคลองโคนมีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 ไร่ ในช่วง 32 ปีที่ผ่านมา

กล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยน

“ป่าชายเลนที่เราปลูก จะเป็นแหล่งอนุบาลให้กุ้ง หอย ปู ปลา ได้อยู่อาศัย เป็นป่าที่คายออกซิเจนให้โลกและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าป่าทั่วไป เพราะป่าชายเลนมีอายุยืน อยู่ได้เป็นร้อยปี”

“แต่ก่อนไม่มีห้องน้ำ จะขับถ่ายก็ลำบาก ก็อาศัยดงโกงกาง ใช้กิ่งนี่แหละในการทำธุระ” พีร์นิธิกล่าวถึงความสำคัญของป่าชายเลน พร้อมเล่าวิถีชีวิตของชาวบ้าน ก่อนจะจบประโยคด้วยรอยยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะจากชาวคณะได้อีกยกใหญ่

ท่ามกลางความครื้นเครง และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทาง โดยศูนย์อนุรักษ์ฯ ให้เราเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแบบพิเศษ เพื่อป้องกันอันตรายจากเปลือกหอยและเศษกิ่งไม้ จากนั้นจึงสวมทับด้วยเสื้อชูชีพอีกชั้น เพราะเราต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการไปยังจุดปลูกป่าครั้งนี้

กล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยน

หลังจากขึ้นเรือมาอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย เรือลำเล็กก็ค่อยๆ ล่องไปในน่านน้ำ กระแสลมเย็นๆ ก็ปะทะกับใบหน้า พลันเปลี่ยนอากาศให้เบาสบายขึ้น ยิ่งเมื่อรวมกับทิวทัศน์ของป่าชายเลนที่รายล้อมตลอดทาง ชวนให้รู้สึกถึงการผจญภัย ทั้งตื่นเต้นและประทับใจในเวลาเดียวกัน

ป่าชายเลนช่วยให้ระบบนิเวศสมบูรณ์ ดินดี ทะเลดี ทำให้สัตว์น้ำขยายพันธุ์ได้ ชาวบ้านก็มีอยู่มีกินมากขึ้น ทว่าหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ สัตว์เหล่านี้ไม่ได้ใช้พื้นที่ป่าเป็นแหล่งพักพิงเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาสมดุลระบบนิเวศ หมุนเวียนแร่ธาตุและออกซิเจนในอากาศให้ต้นไม้เช่นเดียวกัน

เมื่อป่าไม้สมบูรณ์ก็จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีขึ้น ซึ่งป่าชายเลนจัดเป็น ‘คาร์บอนสีน้ำเงิน’ (Blue Carbon) หรือการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์โดยระบบนิเวศชายฝั่ง ตัวช่วยสำคัญที่กักเก็บมลพิษได้มากถึง 1 ใน 4 ของโลก การลงมือปลูกป่าในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มพื้นที่ป่า แต่ยังเป็นการต่อลมหายใจให้ธรรมชาติและชุมชน

หลังจากเสพบรรยากาศจนจุใจ พี่คนึงนิตย์ก็บังคับเรือมาถึงจุดปลูก มองเห็นดินโคลนกับต้นกล้าที่วางเรียงราย เป็นสัญญาณบอกถึงเวลาที่เราจะได้เปื้อนเพื่อเปลี่ยนเสียที

ก้าวแรกนั้นสำคัญเสมอ โดยเฉพาะในป่าชายเลนแห่งนี้ เนื่องจากดินที่มีการทับถมตลอดเวลาทำให้กลายเป็นเนินโคลนสูง เมื่อก้าวลงไปพื้นจะยุบดูดขา ต้องออกแรงมากหน่อยในแต่ละก้าวที่เดิน เรียกได้ว่าเป็นโคลนปลูกป่าปราบเซียน ต้องอาศัยความไวและมุมที่เหมาะเจาะ

แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ก้าวแรกในการเหยียบโคลนปลูกป่าไม่ง่ายเลย เราต้องหาหลักยึด เหยียบรากไม้เพื่อไปให้ถึงปลายทาง กว่าจะถึงจุดหมายก็เลอะโคลนแทบทั้งตัว เมื่อมองไปรอบๆ ชาวอาสาที่ร่วมปลูกป่าไม่มีใครไม่เปื้อน แต่ทุกคนกลับมีรอยยิ้ม ลงมือขุดดินปลูกต้นกล้าจนเสร็จ แม้ว่าจะเลอะไปทั้งตัว

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ก็ได้เวลาเดินทางกลับมารับชุดทำความสะอาดร่างกายจากโพรเทคส์ เพื่อทำความขจัดคราบดินโคลนออกจากร่างกาย ด้วยผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ที่สำคัญยังมีกลิ่นหอม ช่วยให้สะอาดได้อย่างมั่นใจ

หลังจากร่างกายสะอาด เรามาเติมพลังให้อิ่มท้องด้วยมื้ออาหารทะเลจากร้านในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นหมึกผัดไข่เค็ม ปลากะพงลุยสวน กุ้งทอดซอสมะขาม ยำทะเลผักชะคราม ต้มยำรวมมิตรทะเล และหอยหลอดผัดฉ่า เมนูขึ้นชื่อของคลองโคนที่ปิดท้ายวันนี้ได้อย่างสวยงาม

ระหว่างเดินทางกลับ ความรู้สึกดีๆ ของการลงมือปลูกป่า กล้าเปื้อนเพื่อเปลี่ยนได้ติดตามเราไปจนถึงกรุงเทพฯ แม้ว่าจะต้องออกแรง เลอะโคลนจมดินกันบ้าง แต่ต้นกล้าในวันนี้จะเติบโตเป็นป่าโกงกางที่คอยโอบอุ้มชีวิต เป็นแหล่งพักพิงให้สัตว์น้อยใหญ่ เป็นอากาศที่สดใส และเป็นวิถีชีวิตของชุมชนคลองโคนอย่างแน่นอน 

ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ ลองรวบรวมความกล้าแล้วมาเปื้อนเพื่อเปลี่ยนไปด้วยกัน ถ้าเปรอะเปื้อนก็ให้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำโพรเทคส์ สูตรผสานแฟลกซ์ซีด ออยล์ ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ให้คุณกล้าเลอะ เพื่อส่งต่ออนาคตดีๆ และสร้างสังคมให้ยั่งยืน

มากไปกว่านั้น โพรเทคส์ยังสานต่อกิจกรรมดีๆ และสนับสนุนความกล้าเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ใครสนใจ ติดตามข่าวสารและข้อมูลกิจกรรมได้ที่ Facebook : Protex Thailand หรือ http://www.protex.co.th/daretogetdirty 

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.