ส่องวิถีชีวิตเพื่อนบ้าน ‘ชาวปุณณวิถี’ ย่านที่ใครๆก็เผลอมองข้ามกลายเป็นทางผ่านอยู่เสมอเราจึงพามาเข้านอกออกในย่านปุณณวิถีเรียนรู้วิถีชีวิตผู้คนพูดคุยกับคนในย่านดูร่องรอยการเปลี่ยนแปลงจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปรวมถึงของดีของเด็ดประจำย่านที่รอให้คุณไปค้นหา
โบกมือทักทาย…ปุณณวิถี
ย่านปุณณวิถีหลายคนมองว่าเป็นทางผ่านหรือเส้นทางลัดที่ทะลุออกไปได้หลายเส้นทาง แต่รู้หรือไม่ ? ย่านนี้กลับมีของดีของเด็ดที่ซุกซ่อนอยู่มากมาย เราจึงชวนมาแวะเดินดูย่าน นั่งสองแถว ซิ่งรถกระป๊อเข้าออกซอยสุขุมวิท 101 และสุขุมวิท 101/1 ก่อนออกสำรวจ เราคุยกับเจ้าถิ่นถึงการเปลี่ยนแปลงของย่านตามยุคสมัย และได้รู้ว่า เมื่อก่อนย่านนี้ส่วนใหญ่ คือย่านที่อยู่อาศัยของคนเก่าคนแก่ที่พื้นเพอยู่ในย่านเเล้ว แม้เวลาเปลี่ยน ร้านค้าดั้งเดิม อาหารสตรีทฟู้ด ร้านขายของชำอาจบางตาลง แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์น่าค้นหา เราจึงชวนไปท่องปุณณวิถีในแบบฉบับ Urban Creature ไปด้วยกัน
เยี่ยมเยือนเพื่อนบ้านคนใหม่
หากใครเดินทางมาจากบีทีเอส หรืออยากลองแวะมาสัมผัสย่านปุณณวิถีแบบใกล้ๆ เราขอแนะนำร้าน ‘ARCH’ เป็นหมุดหมายแรกเลย เพราะเพียงแค่ก้าวขาลงมาจากรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถี มุ่งหน้าตรงสู่ทางออกที่ 4 ก็จะเจอร้านแล้ว เพียงแค่เห็นภายนอกก็สะดุดตา ไม่เหมือนใครด้วยการตกแต่งที่แปลกตาแต่แทรกซึมอยู่กับอาคารเก่าของย่านได้อย่างลงตัว
‘ARCH’ ร้านกาแฟคุณภาพดีสไตล์ Modern-Loft ที่กลายเป็นจุดดึงดูดใจสายคาเฟ่ฮอปเปอร์แห่งใหม่ จากที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยได้ยินชื่อย่านปุณณวิถีมาก่อน ก็ต้องหันกลับมามองย่านนี้มากขึ้น เพราะด้วยการตกแต่งร้านที่โดดเด่น เท่านั้นยังไม่พอยังมีโซนด้านในที่ตกแต่งด้วยสระว่ายน้ำและมุมถ่ายรูปสุดคูล สร้างบรรยาการให้เราเหมือนออกมาพักผ่อนในโรงแรมที่ต่างจังหวัดแบบนั้นเลยล่ะ
| ARCH
เวลาเปิด – ปิด : 09.30 – 17.30 น. (หยุดวันพฤหัสบดี)
ที่ตั้ง : ติด BTS ปุณณวิถี (ทางออกที่ 4)
หอมกรุ่นความอร่อยครัวซองโฮมเมดเสิร์ฟร้อนๆจากเตา
กลิ่นครัวซองหอมกรุ่นลอยมาแต่ไกล หากใครยังไม่เคยสัมผัสความกรอบนอกนุ่มในละมุนลิ้นที่ฟินจนต้องไปซ้ำ เรากำลังพูดถึง ‘Panin Bakery’ ร้านครัวซองโฮมเมดประจำย่านปุณณวิถีที่รำ่ลือกันว่าเด็ดจริง ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในร้าน ครัวซองหลากหลายไส้วางเรียงรายอยู่ในตู้จนเลือกไม่ถูก พี่เจ้าของร้านแนะนำว่า “อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ” เราก็เอ๊ะ! จริงหรือเปล่านะ ก็เลยลองพิสูจน์แบบแรนด้อมสั่งมาสองชิ้น คือแบบไม่มีไส้ Plain Croissant กับ Bacon Croissant มาลองชิมกันที่ร้านเลย
เรียกว่ากลิ่นหอมเตะจมูกปลุกต่อมความหิวไม่หยุด เรากับเพื่อนใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นครัวซองก็ลงไปอยู่ในท้องเรียบร้อย แอบกระซิบว่าราคาย่อมเยาว์สบายกระเป๋าด้วยนะ ซึ่งบริเวณหลังร้านยังเปิดให้เห็นวิธีการทำครัวซองแบบสดๆ ร้อนๆ ที่พอออกจากเตาแล้วก็ได้มาเฉิดฉายอยู่หน้าตู้หน้าร้านเลย นอกจากนั้นยังมีเมนูกาแฟให้ทานคู่กับครัวซองหอมๆ เพิ่มความฟินคูนสองไปเลย
| PANIN Bakery
เวลาเปิด – ปิด : จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.00 น. หรือจนกว่าของจะหมด (หยุดเสาร์อาทิตย์)
ที่ตั้ง : ติดถนนใหญ่ใกล้กับตึก True Digital Park (โซนสำนักงาน)
ปลุกปั้นกล้ามเนื้อใจให้แข็งแรงด้วยการทำเซรามิก
สมัยนี้เชื่อว่าหลายคนคงอยากหามุมสงบที่สามารถหลบหนีความวุ่นวายของเมืองกรุงไปได้บ้างสักนิดสักหน่อยก็ยังดี เราเลือกเดือนทางด้วยรถสองแถวสีแดงคันโตไปยัง ‘Aromdee Art Studio’ สตูดิโอของคนอารมณ์ดีที่มี ‘พี่เนย-มยุรี’ เป็นเจ้าของสตูดิโอสอนปั้นเซรามิกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองมากๆ สัมผัสตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้ก้าวเข้ามา ทำให้ภาพการปั้นเซรามิกในหัวเราเปลี่ยนไป ของเล็กๆ น่ารักกระจุกกระจิกเต็มไปหมด ถ้วย ชาม แก้วต่างๆ รูปทรงบิดเบี้ยวไม่สมบูรณ์แบบ แต่ยิ่งดูยิ่งน่ารัก เราเดินเข้าไปหยิบจับดูแต่ละชิ้นแล้วเอ่ยคำว่า ‘น่ารัก’ ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ที่นี่เป็นเหมือนจุดบำบัดใจแห่งหนึ่งเลยนะ เพราะการทำงานเซรามิกมันต้องใช้สมาธิ มีสติอยู่เสมอ หนึ่งสมองกับสองมือต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
พี่เนยพูดคุยกับเราอย่างเป็นกันเองพร้อมกับหยิบจับของมาให้ดูไม่หยุด “จริงๆ สำหรับที่นี่เราอยากให้ทุกคนมาทำแล้วผ่อนคลาย มีความสุขกับสิ่งที่ทำนะ ไม่มีรูปแบบหรือกฎตายตัวว่าใครต้องทำอะไร รูปทรงแบบไหน เปิดกว้างให้จินตนาการเต็มที่เลย” พอพูดคุยไปสักพักเราก็รู้สึกว่าดีจังเลยนะ ถ้าเราอยากหามุมสงบที่ได้อยู่กับตัวเอง ได้มีพื้นที่ปลดปล่อยจินตนาการ โดยที่ไม่มีกรอบของความสมบูรณ์แบบมาครอบเอาไว้ ยิ่งพูดคุยกันไปความสุขก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เข้าใจที่มาของชื่อสตูดิโอก็ตอนนี้แหละ
| Aromdee Art Studio
เวลาเปิด – ปิด : จันทร์ – พุธ 10.30 – 17.00 น. , พฤหัสบดี – อาทิตย์ 10.30 – 19.00 น.
ที่ตั้ง : สุขุมวิท 101 ซอยปุณณวิถี 8
ผจญภัยแบบชาวถิ่นด้วยรถสองแถวแดงไปกินอาหารใต้
สำหรับทริปนี้เราใช้การเดินทางแบบคนย่านนี้จริงๆ ด้วยสองแถวแดงและรถกะป้อเป็นหลัก เพื่อเดินทางไป ‘ร้านอาหารใต้ปิ่นโตพ่อ’ พอถึงร้านเราเซอร์ไพรส์มากเพราะไม่ใช่ร้านอาหารแบบที่คิดไว้เลย เป็นความรู้สึกเหมือนมาบ้านญาติมากกว่า เรากล่าวคำทักทายคุณลุงอรุณที่ก็เซอร์ไพรส์ไม่แพ้เรา เพราะจริงๆ แล้วต้องจองมาก่อนเพื่อที่คุณลุงอรุณจะได้จัดเตรียมอาหารพร้อมจัดโต๊ะไว้รอ เพราะเอกลักษณ์ของที่นี่คือการเปิดบ้านทำอาหารแบบสดใหม่ให้ทานกัน นั่งรอกันไม่นานเมนูอาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟเรียบร้อย ผัดสะตอกะปิกุ้ง แกงคั่วปูใบชะมวง ใบเหลียงผัดไข่ กับข้าวสวยร้อนๆ คนละจาน พวกเราไม่รอช้า ทานกันจนหมดเกลี้ยง เรียกว่าอร่อยจนต้องขอเพิ่มข้าวเลยทีเดียว
พออิ่มกันแล้วเราก็แอบมาชวนคุณลุงอรุณคุยถึงที่มาที่ไปของร้านว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร “จริงๆ จุดเริ่มต้นมาจากลุงทำกับข้าวใส่ปิ่นโตให้ลูกไปกินทุกวัน แล้วพอทำไปให้กิน เพื่อนๆ ของลูกมาขอลองชิมกันเรื่อยๆ จนมาเปิดร้าน ก็เลยเป็นที่มาของของชื่อร้านอาหารใต้ปิ่นโตพ่อ แต่ตอนนี้ก็เพิ่งปิดร้านไปแล้วกลับมาเปิดที่บ้านแทน แต่ก็ได้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นนะ”
“สำหรับอาหารใต้ของที่ร้านอาจจะไม่ค่อยเหมือนที่อื่นสักเท่าไหร่ เพราะสูตรอาหารที่ใช้ทำเป็นสูตรจังหวัดสงขลา ที่รสชาติจะค่อนข้างกลมกล่อมไม่จัดจ้านเหมือนสูตรของจังหวัดอื่นๆ แต่เน้นทานง่าย ทานได้เรื่อยๆ และสีสันที่สดใสของอาหารนั่นแหละเป็นจุดเด่นของที่ร้านเลย”
พอเรานั่งคุยไปสักพักก็รู้สึกว่าเราไม่ได้มาแค่ทานอาหาร แต่เรายังได้รับความอบอุ่นเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณลุงอรุณไปแล้ว
| ร้านอาหารใต้ปิ่นโตพ่อ
เวลาเปิด – ปิด : จันทร์และพฤหัสบดี 09.00 – 21.00 น. ,
อังคารพุธศุกร์เสาร์ 10.00 – 21.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
ที่ตั้ง : สุขุมวิท 101 ซอยปุณณวิถี 12
ปลีกวิเวกไปพักผ่อนใจกันที่วัดธรรมมงคลฯ
หลังจากที่ทานอาหารกันอิ่มท้อง แถมยังได้พูดคุยกันจนอิ่มใจแล้วเราก็กล่าวลาคุณลุง แล้วโบกรถกะป้อคันจิ๋วไปที่ ‘วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนทวิหาร’ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘วัดธรรมมงคล’ ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของย่านนี้ เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในวัดเราจะได้เห็นการตกแต่งที่สวยงามของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปี พ.ศ. 2506 ทั้งยังเป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างขวาง ด้านในยังมีกิจกรรมต่างๆ เปิดให้เข้าร่วมอีกด้วย ซึ่งที่มากกว่าการมาไหว้พระทำบุญ แต่ยังมีพื้นที่จำลองบรรยากาศในป่า-ถ้ำ ที่เราสามารถเข้าไปนั่งสมาธิและฟังธรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบจริงๆ ไปจนถึงการเปิดสอนหลักสูตรครูสมาธิ ที่สอนวิธีการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นไปยันขั้นสูงสุดเลย
หากลองเดินเข้าไปด้านในยังมีศูนย์ฝึกอาชีพให้เรียนกันฟรีๆ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ บ้าง หากใครสนใจอยากได้ทักษะการเรียนรู้เพิ่มเติม หรืออยากสร้างอาชีพเสริมหารายได้พิเศษ แนะนำให้ไปลองเรียนที่นี่ได้เลย ซึ่งเลือกเรียนได้ตามสะดวกทั้งวันธรรมดา และวันเสาร์-อาทิตย์ เรียกว่าเป็นหนึ่งในมุมดีๆ ของวัดที่สามารถเป็นได้มากกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือที่พึ่งทางใจเพียงอย่างเดียว
| วัดธรรมมงคลฯ
เวลาเปิด – ปิด: วัดธรรมมงคลฯทุกวัน 07.00 – 17.00 น.
| ศูนย์ฝึกอาชีพ วัดธรรมมงคลฯ
เวลาเปิด – ปิด: ทุกวัน 08.30 – 15.30 น.
ที่ตั้ง : สุขุมวิท 101 ซอยปุณณวิถี 20
สัมผัสบรรยากาศยุค 90 กับร้านเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกัน
เปลี่ยนบรรยากาศข้ามมาที่ฝั่งสุขุมวิท 101/1 กันบ้าง สำหรับซอยนี้ถือเป็นซอยเส้นทางลัดที่สามารถลัดเลาะไปเชื่อมต่อสู่ถนนศรีนครินทร์ได้ด้วย ซึ่งเรียกว่าการจราจรคับคั่งไม่แพ้ใครเลยล่ะ
เรานั่งรถสองแถวลัดเลาะมาเรื่อยๆ ช่วงบ่ายของวันนั้นแดดก็แรงพอตัวเลยพามาหลบร้อนกันที่ร้าน ‘Big Burger’ ร้านเบอร์เกอร์ที่ตกแต่งสไตล์ 90 ทั้งด้วยเฟอนิเจอร์และสีสันสดใสพร้อมบรรยากาศที่มีฝรั่งมานั่งทานเบอร์เกอร์อยู่เหมือนเราหลุดไปอยู่อีกโลกเลย หลังจากที่ลองเปิดดูเมนูเราก็จิ้มเซต ‘ดีลักซ์เซ็ทชีสเบอร์เกอร์’ พอได้ลองชิมแล้วก็ โห… แทบหยุดกินไม่ได้ และหมดเรียบภายในไม่กี่นาที ถ้าพูดถึงรสชาติแล้วมันคงเป็นส่วนผสมระหว่างความเป็นไทยกับความเป็นฝรั่งเข้าด้วยกันที่ลงตัวอย่างบอกไม่ถูก ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่เปลี่ยนบรรยากาศการกินอาหารให้ต่างออกไป จนแทบคิดไม่ถึงว่าในย่านปุณณวิถีจะมีอยู่ด้วย เราว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
| Big Burger
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 10.00 – 22.00 น.
ที่ตั้ง : สุขุมวิท 101/1 ซอยวชิรธรรมสาธิต 32
เข้มข้นหอมถึงใจรู้ลึกรู้จริงเรื่องกาแฟ
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการจิบกาแฟยามบ่าย ‘กระทรวงการคั่ว : Ministry of Roasters’ คือจุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ รับรองว่าถูกใจคอกาแฟตัวจริงแน่นอน ที่นี่ถือเป็นร้านกาแฟแบบครบวงจรเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากเมนูกาแฟแบบสำเร็จแล้ว ยังมีในส่วนของโรงคั่วเมล็ดกาแฟ และ สถาบันสอนเกี่ยวกับการทำกาแฟที่ได้รับการรับรองในระดับสากลด้วย เรียกว่าได้เรียนรู้กันแบบลึกๆ ถึงรากของกาแฟกันเลยทีเดียว เพราะเพียงแค่ก้าวเข้าไปในร้าน พี่ๆ พนักงานก็ให้ข้อมูลกันแบบไม่หวงของ
ซึ่งเมนูที่เราลองสั่งกันมาคือ ‘Coconut Milk Cold Brew’ รสชาติความอบอุ่นของกาแฟผสมผสานกับน้ำและเนื้อของมะพร้าวแบบสดๆ ให้รสชาติที่แปลกใหม่ทานได้เรื่อยๆ กับ ‘Black Orange’ กาแฟผลไม้ที่ผสมความเข้มข้นของกาแฟให้เข้ากันกับส้มได้อย่างไม่เคอะเขิน หากอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาลองลิ้มชิมกาแฟรสชาติใหม่ๆ ขอบอกว่าที่นี่คือหนึ่งในลิสต์ที่ควรมาสักครั้ง หรือใครที่มีแผนว่าอยากศึกษาการทำกาแฟอย่างจริงจัง ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้มุมมองของกาแฟของคุณเปลี่ยนไปจากเดิม
| กระทรวงการคั่ว Ministry of Roasters
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 08.00 – 19.00 น.
ที่ตั้ง : สุขุมวิท 101/1 ระหว่างซอยวชิรธรรมสาธิต 7 และ 9