บินมาที่นี่ก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มกับประเทศนี้เอาเสียเลย อาจเป็นความไม่ชอบใจส่วนตัวเรื่องของเวลาที่เร็วกว่าบ้านเรา ก็แหมคุณขา บินมาก็เหนื่อยจะแย่ เวลาก็ตี 5 บ้านเรา แต่ 8-9 โมงเช้าบ้านเขา ยิ่งเราสูงวัยขึ้นบ้างแล้ว จะให้ถึงโรงแรมปุ๊บแล้วออกเลยก็รู้สึกบาปต่ออวัยวะและสุขภาพของตัวเองมาก เลยนอนมันยาวๆ ลืมตามาอีกทีก็ฟ้ามืดแล้ว ได้แต่สั่งอาหารมาทานที่โรงแรมแล้วก็นอนดูซีรีย์ในดวงใจวนไปค่ะ เช้าก็กลับ
แต่วันนี้อากาศดีมากจริง เป็นความเย็นที่ลงตัว เมืองไทยร้อนไป ยุโรปหนาวไป ที่นี่เย็นสบาย ก็เลยต้องขอออกไปเดินสำรวจท้องที่กันสักหน่อย
เปิดอากู๋ดูว่าที่นี่มีไรน่าสนใจบ้าง ……คุณพระ เยอะมากจนน่าตกใจ ทั้งตลาดเก๋ๆน่าเดิน ย่าน graffiti ที่รายล้อมไปทั่วเมือง
ถัดไปไม่ไกลจากตัวเมืองมีขบวนรถไฟเก๋ๆที่เราสามารถนั่งห้อยขาชมวิวออกมานอกหน้าต่างได้ด้วย ชอบสิ แต่งตัวค่ะ คว้ากล้องไปเดินเล่นกัน
วันนี้หลอกล่อเพื่อนแอร์มาได้ 2 คน ที่แรกที่อยากไปก็ไม่พ้นตลาดนี่ล่ะค่ะ เหตุผลคือ เมื่อตอนก่อนขึ้นห้อง มีโอกาสได้ชิมเชอรี่พันธุ์ tasmanian มันพิเศษยังไงเหรอคะ ก็ตลอดทั้งปีมันจะมีให้เก็บเกี่ยวได้แค่เพียงเดือนเดียวเท่านั้นคือเดือนมกราคมนี่ล่ะค่ะ อร่อยหวานกรอบชุ่มปากสุดๆไปเลยค่ะ! จากหน้าโรงแรม เรานั่งรถ tram (แบบฟรี) สาย 96 ไปลงที่ queen st. แล้วเดินอีกสักหน่อยประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ Victoria Market ที่ คุณจะหาซื้อได้ทุกอย่าง ของกิน ของใช้ ของเก่า ของใหม่ ของฝาก ของตัวเอง ได้หมด แถมเดินเพลินอีกค่ะ เพราะจะมีศิลปินสมัครเล่นมาคอยเล่นดนตรีให้ฟัง
มาถึงที่เราไม่รอช้ารีบพุ่งตัวไปโซนผลไม้ เดินตามกลิ่นเชอรี่แสนหวานไปค่ะ แล้วเราก็พบเข้ากับร้านนึง คนออกันเต็ม โอ๊ยคุณขา จะไม่ออได้ไง นางขายเชอรี่โลละ 8 ดอลค่ะ ถูกเป็น…เลย เพียงแต่ว่าเราเลือกไม่ได้ เค้าจะเป็นคนตวงใส่ถุงส่งให้เราเอง มันเลยจะมีเสียบ้างแตกบ้าง แต่คัดที่เสียที่แตกออกแล้วก็ยังคุ้มมากอยู่ดีค่ะ เสียดายว่า ตม.บ้านเราเค้าไม่ให้นำเข้า เลยซื้อกันได้แค่พองาม ไม่งั้นนะ หึ!
จากนั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆค่ะ โอ้โหชอบมาก เค้าเป็นตลาดก็จริงแต่เป็นตลาดที่สะอาดสะอ้าน แบ่งหมวดแบ่งโซนขายได้อย่างน่าทึ่ง นี่ก็ไม่รู้ว่าทึ่งเกินไปรึเปล่าเพราะว่าไม่ค่อยเดินตลาดเท่าไหร่ค่ะ นอกจากตลาดขายของเก่า เพราะทำอาหารไม่เป็น ต้มไส้กรอกให้สุกได้ ก็เก่งมากแล้วจริงๆค่ะ
นี่ก็เอาบรรยากาศมาให้ชมกันนะคะ
ลืมบอกว่าตลาดปิดตอนบ่าย 2 นะคะ เผื่อใครสนใจอยากมาเดินจะได้เตรียมเวลาถูกค่ะ
ช๊อปเสร็จแล้วที่หมายต่อไปก็คือ ย่าน graffiti ค่ะ จะบอกว่ามีให้เห็นทั่วเมืองกันเลยทีเดียว แต่ดูแล้วสวยค่ะ
เค้าทำดี เค้าซนแบบตั้งใจ แบบมีศิลปะมากๆ วาดกันประหนึ่งนี่คือศิลปะชิ้นมาสเตอร์พีซของเค้ากันเลยทีเดียว
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งจากในซอยเล็กๆที่เดินผ่านค่ะ จริงๆเค้ามีย่านที่ดังๆอยู่แต่ไม่ไหวค่ะคนเยอะเหลือเกิน กี่ไม่ชอบเบียดเสียดกับใคร ส่วนตัวไม่ค่อยเซลฟี่อยู่แล้วด้วย จะถ่ายคนอื่นกับภาพกว้างๆไปเลยมากกว่า พอคนยั้วเยี้ยมากก็บังลวดลายไปหมด เลยมาหามุมร้างผู้คนที่อื่นๆแทนค่ะ
มาถึงตอนนี้ก็เริ่มหิวข้าวละค่ะ ยกนาฬิกาดูเป็นเวลาบ่ายโมงบ้านเราพอดี เรากลับมาที่ walking street เพื่อมาหาไรทานกันที่นี่ค่ะ มีร้านรวงหลากหลายแบบให้เลือกนั่งตั้งแต่ร้านกาแฟเก๋ๆไปถึงร้านอาหารไทย จีน ฝรั่งมังฆ้อง แล้วก็ด้วยความอะไรก็ไม่รู้ แต่อาหารไทยที่ต่างเมืองมันอร่อยดีจังค่ะ ถึงหน้าตาจะไม่เหมือนที่เราทำกินกันที่บ้านแต่รสชาตินี่ถึงมากเลย
ที่นี่มาทีไรต้องสั่งแกะย่างจิ้มแจ่ว กะเพราแซลมอนกินตลอด แจ่วเค้าสุดจริงๆ กะเพราก็เจ้มจ้นเหลือร้าย โทรสั่งให้มาส่งที่โรงแรมได้ด้วยค่ะ (ไม่มีรูปนะคะ) เผลอกินหมดเสียก่อน แหะ เอารูปย่านร้านอาหารไปแทนเนอะ
จากนั้นเราก็เดินย่อยสักพักแล้วก็ค่อยๆเดินกลับรร.ค่ะ ระหว่างทางกลับ เพื่อนขอแวะซื้อวิตามินตามสั่งที่ร้าน chemist (เป็นร้านขายวิตามินราคาค่อนข้างถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปค่ะ ใครที่เป็นสายสุขภาพ สายบำรุง ก็ลองมาเลือกดูนะคะ มีเกือบทุกยี่ห้อเลยค่ะ
วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น และดูเหมือนว่าจะเย็นเป็นวันสุดท้ายของเดือนแล้วด้วยค่ะ ทำให้เดินเที่ยวเล่นสนุกมาก ถ้าเป็นวันแดดเปรี้ยงคงไม่ไหวจริงๆ นี่ก็เดินถึงค่ำกันเลย มีใจเป๋เลี้ยวเข้าหาร้านที่แปะป้าย Sale อยู่บ้าง ของมันจะดูน่าสนใจยังงัยไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยใจไปมากค่ะ ถือว่ายังรักษาสภาพการเงินในกระเป๋าไว้ได้อย่างดี ไฟลท์นี้พี่กี่รอดแล้ว 555
มาถึงตอนนี้ ก็ต้องขอลาไปก่อนนะคะทุกคน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ ^^