A (not) long time ago
in a galaxy (not) far,
far away…
มีหนุ่มไทยคนหนึ่งตัดสินใจลาออกจากงานประจำของตนเอง เพื่อหันมาทุ่มเวลาให้การประดิษฐ์ไลต์เซเบอร์จากภาพยนตร์สตาร์วอร์สเป็นอาชีพ ค่อยๆ เรียนรู้ พัฒนาวงจรภายในไลต์เซเบอร์ให้มีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้นจากเดิม ตกแต่งให้สวยงามยิ่งขึ้น กลายเป็นที่ต้องการของแฟนๆ สตาร์วอร์ส และนักสะสมจำนวนมากจากทั่วโลก
ไลต์เซเบอร์ที่เขาขายมีราคาตั้งแต่ 3 – 4 หมื่นบาท และปัจจุบันมีคิวออเดอร์ยาวไปจนถึงปีหน้า
อะไรทำให้ไลต์เซเบอร์ของเขามีมูลค่า ได้รับความสนใจจากแฟนๆ สตาร์วอร์สทั่วโลกจนสามารถกลายเป็นอาชีพได้
วันนี้ ‘เย่-ธนวัฒน์ ใจกล้า’ ชายผู้มีอาชีพเป็นนักประดิษฐ์ไลต์เซเบอร์ในนาม LIGHTSABER Thailand จะมาถอดสิ่งที่ทำทีละชิ้นส่วน เล่าเรื่องราวการประกอบเป็นไลต์เซเบอร์ให้ฟัง
เริ่มต้นจากความชอบ…
ชีวิตของเย่เริ่มต้นมาไม่ต่างจากแฟนคลับสตาร์วอร์สหลายคน ที่มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์แล้วเกิดความหลงใหลเรื่องราวสงครามจากกาแล็กซีอันไกลโพ้นเรื่องนี้
“พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ผมชอบดูสตาร์วอร์สตั้งแต่เด็ก และชอบไลต์เซเบอร์มาก เวลากลับไปต่างจังหวัดผมจะชอบหยิบไม้มาเหลาทำเป็นไลต์เซเบอร์ฟันเล่นกับเพื่อน ใช้ปากทำเสียงเอฟเฟกต์แบบในหนังกันเอง สนุกกันตามประสาเด็ก”
ในเวลาต่อมา จากการเหลาไม้ทำเป็นไลต์เซเบอร์ เย่ก็ค่อยๆ เริ่มต้นขยับมาซื้อเครื่องมือกลึงเหล็ก ทำกระบี่แสงให้ใกล้เคียงกับในหนังมากขึ้นทุกที
“ช่วงที่ผมได้ทำงานประจำในโปรดักชันเฮาส์ พอหาตังค์เองได้ เราก็เริ่มซื้อของจากสตาร์วอร์สที่ชื่นชอบมาสะสม ซึ่งบางชิ้นไม่มีขายในไทย เราก็ฝากเพื่อนซื้อไลต์เซเบอร์จากต่างประเทศส่งมาให้ ทีนี้พอเห็นว่าน่าจะมีคนชอบและมีความต้องการแบบเรา เลยเริ่มสั่งของสตาร์วอร์สจากต่างประเทศมาขายต่อจนได้กำไร เลยลาออกมาทุ่มเทให้ตรงนี้
“ตอนแรกที่เปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ LIGHTSABER Thailand เราตั้งใจจะทำเป็นเพจไว้สำหรับนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับไลต์เซเบอร์ที่เรารู้ แต่บางครั้งเวลาเรานำเสนอคอนเทนต์ไลต์เซเบอร์ ก็มีแฟนเพจทักมาถามว่าซื้อจากที่ไหนได้บ้าง เพจนี้เลยกลายเป็นช่องทางการขายของผม
“ทีนี้ไลต์เซเบอร์บางเล่มที่เราอยากได้มันเลิกผลิตไปแล้ว ไม่ก็ขายหมดไปแล้ว แต่ด้วยความที่อยากได้มากๆ เลยทำให้เราไปรู้จักกับงานแบบ Custom หรืองาน Fan Made ที่แฟนคลับของสตาร์วอร์สพยายามทำขึ้นมา”
ในแวดวงของไลต์เซเบอร์ หรือสิ่งของจากภาพยนตร์จะมีการแบ่งเกรด เริ่มต้นจากเกรดของเล่น (Toys) ที่เห็นได้ตามโซนของเล่นในห้างฯ ทั่วไป ต่อมาคือเกรดพร็อป (Props) ที่ขอซื้อลิขสิทธิ์จากตัวหนังเพื่อทำออกมาให้คล้ายกับของในหนังมากที่สุด ไม่ว่าจะวัสดุหรือรูปร่างหน้าตา จึงมีราคาที่สูงกว่าแบบของเล่น เหมาะสำหรับนักสะสมที่จริงจังขึ้นมาอีกขั้น และเกรดท้ายที่สุดคืองานแบบ Custom ที่เกิดจากการที่มีคนอยากได้ไลต์เซเบอร์แบบ Toys หรือแบบ Props แต่ขายหมดไปแล้วหรือเลิกผลิตจนหาไม่ได้แล้ว กลุ่มแฟนคลับบางคนที่มีทักษะและเครื่องมือกลึง จึงเริ่มต้นทำไลต์เซเบอร์ของตัวเองขึ้นมา
“หลังจากที่ได้รู้จักกับงานแบบ Custom เราค้นพบว่าแฟนๆ ที่มีทักษะเหล่านี้ เขามีการพัฒนาตัวดาบให้ดีขึ้นจากเกรดของเล่นกับพร็อป เช่น มีการพัฒนาระบบไฟลำแสงของดาบ จากเดิมที่เป็นแบบไฟฉายให้กลายเป็นระบบ Neo Pixel ที่ทำให้แสงวิ่งขึ้นเหมือนการเปิดใช้ไลต์เซเบอร์ในหนัง สามารถปรับสีได้ มีการเคลื่อนไหวของแสงและเสียงตามการเหวี่ยงของดาบ ทั้งยังตอบสนองทันทีไวกว่าแบบของเล่น ส่วนรายละเอียดของด้ามไลต์เซเบอร์ก็มีความละเอียดมากขึ้น พูดง่ายๆ คือ กลุ่มแฟนคลับที่มีทักษะจะพยายามสร้างไลต์เซเบอร์ยังไงก็ได้ให้ออกมาสมบูรณ์ สวยงามที่สุด เท่าที่ความคลั่งไคล้ของเขาจะไปถึง”
ประกอบอาชีพ ประกอบไลต์เซเบอร์ (The Lightsaber Installer)
หลังจากที่ได้รู้จักกับงานผลิตไลต์เซเบอร์แบบ Custom เย่ก็นำข้อมูลที่ได้มาโพสต์นำเสนอในเพจของตัวเอง ทำให้มีแฟนเพจจำนวนมากที่สนใจเริ่มติดต่อมาสอบถามเขาว่าหาซื้องานแบบ Custom ได้จากที่ไหน นั่นทำให้เย่ตัดสินใจเริ่มต้นลงมือทำไลต์เซเบอร์แบบ Custom ขึ้น
“งานทำไลต์เซเบอร์แบบนี้จะมีการแบ่งออกเป็นสามแบบ อย่างแรกคือ คนที่ทำตัวด้ามไลต์เซเบอร์ เรียกว่า Saber Smith กลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีอุปกรณ์ เครื่องมือค่อนข้างครบ แบบต่อมาคือ สายอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มนี้จะเป็นพวกที่เก่งด้านโปรแกรม ทำบอร์ด พัฒนาวงจร ระบบข้างในดาบให้ใช้งานได้ดี คล้ายคลึงกับภาพยนตร์ที่สุด
“พวกสุดท้ายคือ เป็น Installer หรือผู้ติดตั้งแบบผม ที่เอาสองแบบแรกมาประกอบรวมกัน โดยปกติทุกคนจะทำงานร่วมกัน อย่าง Saber Smith เวลาทำด้าม เขาจะทำให้ข้างในด้ามกลวงสำหรับใส่วงจร มีการทำเกลียวสำหรับเปิด และออกแบบวิธีซ่อนเกลียวให้แนบเนียนเมื่อปิด ฝั่งสายอิเล็กทรอนิกส์ จะมีหนังสือบอกวิธีการติดตั้งวงจรต่างๆ ที่เขาออกแบบมาให้ ส่วนหน้าที่ Installer ของผมคือ การนำสองส่วนนี้มาประกอบเข้าด้วยกัน ซึ่งผมจะออกแบบตกแต่งส่วนด้านในให้สวยงาม มีการซ่อนวงจรให้เป็นระเบียบ มีการเพิ่มคริสตัลเข้าไป ให้เหมือนกับภายในไลต์เซเบอร์ของสตาร์วอร์ส”
เย่ใช้เวลาทดลองทำไลต์เซเบอร์เล่มแรกของเขาอยู่พักใหญ่ พรินต์ตำราติดตั้งอิเล็กทรอนิกส์หนาเป็นปึกมาศึกษาการต่อวงจร สั่งซื้อเครื่องกลึง โดยให้พี่ช่างกลึงแถวบ้านช่วยสอน ลองผิดลองถูกจนสำเร็จออกมาเป็นกระบี่แสงเล่มแรก
พอนำมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ก็มีคนเข้ามาชมจำนวนมาก และบางส่วนได้ติดต่อมาขอซื้อ
เย่เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นเรตราคาไลต์เซเบอร์ที่มีการติดตั้งวงจรและคริสตัล จะอยู่ที่ช่วงราคาประมาณหนึ่งพันถึงสามพันดอลลาร์ ตอนนั้นเขาเลยเลือกตรงกลาง ด้วยการบอกราคากับลูกค้าคนแรกไปสองพันดอลลาร์ ปรากฏว่า…เขาตกลงซื้อ!
เย่ได้เงินจากการพยายามทำไลต์เซเบอร์เล่มแรกมาเกือบหกหมื่นบาท
“ตอนนั้นรู้สึกตกใจ แต่ก็รู้สึกว่า กูแม่งทำได้ว่ะ” เขาหัวเราะสนุก
หลังจากนั้นไม่นานลูกค้าคนเดิมก็ติดต่อมาสั่งทำไลต์เซเบอร์เล่มอื่นๆ อีกหลายเล่ม
“เรามาทราบภายหลังว่า ลูกค้าที่มาขอซื้อจากเรา เขาค่อนข้างมีฐานะ และซื้อจากเราเพื่อไปขายต่อในราคาที่ดีกว่า เพราะเรตของเราถือว่าถูกกว่าไลต์เซเบอร์จากช่างทำคนอื่นๆ ในต่างประเทศ”
เย่เริ่มรับออเดอร์ทำไลต์เซเบอร์ พัฒนาความรู้และทักษะมากขึ้น ทำเสร็จก็โพสต์ลงแฟนเพจ จนมีคนรู้จักและติดต่อเข้ามาสั่งซื้อจำนวนมาก ปัจจุบันเขาต้องขอปิดรับออเดอร์ไว้ก่อน เพราะมีคิวยาวไปถึงปีหน้า โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของเขา เป็นออเดอร์ที่มาจากต่างประเทศเป็นหลัก
ชายคนนี้จึงได้มีอาชีพเป็น คนทำไลต์เซเบอร์ และเป็นคนแรกของไทยที่ประกอบอาชีพนี้ ก่อนที่ต่อมาจะมีน้องอีกคนที่สนใจทำแบบเขา ซึ่งได้เย่เป็นคนสอนอีกที
“ตอนที่น้องขอมาเรียนรู้จากผม ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องหวงความรู้อะไร เราแค่กังวลว่าน้องจะทำไหวเหรอ เพราะงานแบบนี้มันต้องมีเวลาจริงๆ และอาศัยใจรักค่อนข้างมาก ตอนนั้นเราเลยสอนน้องไป ถ้าไหวก็ดี ไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ปรากฏว่าสักพักเดียว น้องมาบอกว่าผมซื้อเครื่องกลึงแบบพี่มาแล้วนะครับ เลยคิดว่าน้องมันจริงจังว่ะ อีกอย่างก็คิดว่าดีเหมือนกันเพราะเราจะได้ไม่เหงา มีเพื่อนคุยกันรู้เรื่อง” เย่หัวเราะสนุก ก่อนอธิบายต่อ “ผมมองว่าการมีช่างคนไทยอีกคนเพิ่มขึ้นมา อย่างน้อยถ้าเขาติดตรงไหนก็มาถามเราได้ หรือถ้าเขารู้อะไรมากกว่า เราก็ไปถามได้”
กำไรที่ได้ คือได้อยู่กับสิ่งที่ชอบ
“ตอนที่ผมเริ่มทำไลต์เซเบอร์ใหม่ๆ ตอนนั้นยังมีพวก Saber Smith ไม่เยอะเลย ที่เก่งๆ มีอยู่ประมาณสามคน เป็นชาวอเมริกา ญี่ปุ่น และฮังการี แต่ละคนจะมีความเชี่ยวชาญต่างกัน อย่างของญี่ปุ่น งานเขาจะเนี้ยบมากๆ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปหมด หลายคนทำไลต์เซเบอร์จนรวย หลังๆ มาช่างบางคนถึงขั้นทำมิวเซียมไลต์เซเบอร์ของตัวเอง โพสต์อวดรถซูเปอร์คาร์ เพราะโปรดักต์พวกนี้ถือว่าเป็นงานฝีมือ มีราคาค่อนข้างสูง
“พอทำไปสักระยะ มีคนมาบอกผมเยอะมากเลยว่า ควรจะอัปราคาตัวเองให้มากกว่านี้ ตั้งแต่ขายเล่มแรกไปสองพันดอลลาร์ ผมไม่เคยขายเล่มไหนเกินจากราคานี้อีกเลย ทั้งที่ตอนทำก็รู้สึกว่ายากนะ คิดเอาไว้ว่าจะขายแพงๆ แต่พอทำเสร็จก็คิดว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้นนี่หว่า กลายเป็นว่าไม่กล้าขายแพง” เย่หัวเราะหลังแซวตนเอง
“ผมมองว่าการอยู่ที่ราคาเรตนี้จะทำให้ผมได้งานเรื่อยๆ และมันเข้าถึงได้ง่ายกว่าด้วย ไม่งั้นถ้าขายตามราคาพวกช่างไอดอลของผม ป่านนี้คงมีแลมโบกินีขับไปแล้ว” เขาหัวเราะสนุกอีกครั้ง
นอกจากด้านวิชาชีพแล้ว การทำไลต์เซเบอร์เกือบทุกวันยังทำให้เย่มีสายตาที่ไวต่อกระบี่แสงในฉากต่างๆ ของภาพยนตร์สตาร์วอร์สแต่ละภาค หากจะบอกว่าเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้อาวุธชนิดนี้ไปแล้วก็คงไม่เกินจริงไปนัก
“มันดูจนชินไปแล้ว รู้ว่าฉากไหนจะมีไลต์เซเบอร์อะไรโผล่ออกมา อย่างในซีรีส์โอบีวัน (Obi-Wan) ตัวด้ามไลต์เซเบอร์จะใช้โมเดลของภาค 3 แต่ส่วนหัวมาจากของภาค 4 เพราะเนื้อเรื่องมันอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างภาค 3 กับ 4 หรืออย่างตอนที่ ดาร์ธ เวเดอร์ (Darth Vader) โผล่มาในหนัง Rogue One โมเดลไลต์เซเบอร์ที่ใช้จะเป็นของภาค 5 เพราะส่วนยางมันสูง คนที่เล่นไลต์เซเบอร์จะมีสายตาตรงนี้”
ไม่ใช่แค่ของเล่น แต่ยังมีคุณค่าทางใจ
อย่างที่เย่อธิบายไว้ว่างานทำไลต์เซเบอร์นั้นต้องอาศัยใจรักของผู้ที่ทำอย่างมาก เช่นเดียวกันกับผู้ซื้อที่ต้องมีใจรักในสตาร์วอร์สเช่นเดียวกัน เนื่องจากราคาต่อเล่มที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ในสายตาคนนอกก็มีบ้างเหมือนกันที่มองเข้ามาอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงต้องซื้อของเล่นในราคาที่แพงขนาดนั้น
“ผมมองว่ามันไม่ใช่ของเล่น แต่เป็นของสะสม เหมือนกับรองเท้าที่เอาไว้สวมใส่ แต่ทำไมบางคนเลือกซื้อมาสะสมทั้งที่คู่หนึ่งราคาหลายหมื่น หลายแสน กระเป๋าก็เหมือนกัน มันเอาไว้ใช้ แต่ทำไมบางคนเก็บไว้อย่างดี ไม่ต่างกัน ของเล่นบางอันเอาไว้เล่น แต่บางอันก็เอาไว้สะสม เพราะมันมีคุณค่าทางใจ เขาจึงอยากได้ของที่ดีที่สุด
“ไลต์เซเบอร์มันมีค่าแบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ผมมองว่ามันไม่ใช่แค่การตอบสนองตัณหาของตัวเองอย่างเดียว แต่ยังเป็นอาชีพที่ช่วยหารายได้ให้เรา มีเงินให้พ่อแม่ แถมยังได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย เช่น คนที่เล่นไลต์เซเบอร์เหมือนกัน บางทีเขาไม่รู้จะไปซ่อมที่ใคร ถามปัญหาที่ไหน เพราะคนไทยเล่นค่อนข้างน้อย การที่เราทำตรงนี้ ทำให้เขามีที่จะมาถาม เพราะถ้าไม่ใช่เราที่ทำอยู่ในจุดนี้ แล้วจะเป็นใครที่มาตอบ ไลต์เซเบอร์มันเลยมีคุณค่าตรงที่ทำให้เรามีความสุข”
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน Lightsaber แบบ Custom ของเย่ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก LIGHTSABER Thailand
Writer
อนิรุทร์ เอื้อวิทยา
Photographer
