ในแวดวงนักวาดภาพประกอบไทย ชื่อของ Jirayu Koo หรือ ‘จิ-จิรายุ คูอมรพัฒนะ’ คงเป็นที่คุ้นหูของใครหลายคน พอๆ กับ ‘น้องกลมกลม’ คาแรกเตอร์ที่เธอสร้างสรรค์ จะไม่ให้จำได้ได้ยังไง เพราะน้องกลมกลมเป็นตัวการ์ตูนที่ทั้งตุ๊ต๊ะ มีสีสันสดใส แถมยังไร้รูปแบบจนสามารถไปอยู่ในงานออกแบบได้หลากหลายประเภท
ล่าสุด น้องกลมกลมไปปรากฏตัวในแคมเปญพิเศษอย่าง Hoegaarden rosée ‘Love Series’ ที่ Hoegaarden ประเทศไทยได้จัดขึ้นเพื่อต้อนรับวาเลนไทน์และเฉลิมฉลองอายุครบรอบ 7 ปีของแบรนด์ ด้วยการชวน Jirayu Koo กับอีก 3 ศิลปินไทยมาสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบกำแพงศิลปะขนาดใหญ่ (Wall Art) ภายใต้คอนเซปต์ ‘I’m in Love’ ให้คนโสด คนมีคู่ คนสถานะไม่ชัด หรือใครก็ตามได้ไปเดินเล่น (ใจ) เต้น และถ่ายรูปไปด้วยกัน กำแพงศิลปะ I’m in Love จะจัดขึ้นที่ Warehouse 30 ตั้งแต่ 1 – 15 กุมภาพันธ์ 2565 นี้แหละ แต่ก่อนที่จะไปเจอน้อง เราอยากชวนย้อนกลับไปดูเส้นทางของ Jirayu Koo กว่าจะมาเป็นนักวาดภาพประกอบดังในทุกวันนี้ รวมถึงฟังแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบน้องกลมกลมในแคมเปญนี้ที่เธอทุ่มให้ทั้งใจ
ก่อนที่จะมาเป็นหนึ่งในนักวาดภาพประกอบชื่อดังของไทย ‘จิ-จิรายุ คูอมรพัฒนะ’ เริ่มเรียนรู้ศิลปะที่สาขาวิชานิเทศศิลป์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง หลังเรียนจบเธอโลดแล่นในวงการเอเจนซีโฆษณาในฐานะกราฟิกดีไซเนอร์อยู่พักใหญ่ กว่าจะมาพบว่างานภาพประกอบนั้นมีเสน่ห์ น่าหลงใหล ก็ตอนที่ได้ทำภาพประกอบให้นิตยสารฉบับหนึ่งเป็นครั้งแรก
สำหรับจิรายุ งานภาพประกอบในครั้งนั้นมันทั้งสนุก เป็นอิสระ และจุดประกายให้เธออยากเรียนรู้เกี่ยวกับภาพประกอบมากขึ้นควบคู่ไปกับงานออกแบบที่ทำ นั่นต่อยอดไปสู่การตัดสินใจไปเรียนต่อที่อังกฤษซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของชีวิตการทำงาน ที่นั่นเธอได้เห็นความหลากหลายของภาพประกอบและสื่อที่ทำให้รู้ว่างานภาพประกอบไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่บนหน้ากระดาษเสมอไป เธอเรียนรู้ ฝึกฝน จนค้นพบว่างานคอลลาจคืองานที่ตัวเองถนัด
“ก่อนหน้านี้เราไม่ได้วาดภาพเลย เพราะเรามองว่าเราต้องวาดรูปให้เหมือนก่อนถึงจะเป็นนักวาดภาพประกอบได้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นเลย” จิรายุเล่าอดีตให้เราฟัง “ที่อังกฤษ พอเราได้ทำคอลลาจไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่าการเอารูปคนอื่นจากที่ต่างๆ มาใช้ แล้วมาตัดหัว ตัดขา แปะสลับกันมันมีเรื่องของลิขสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าทำไมเราไม่ครีเอตตัวคาแรกเตอร์ขึ้นมาเองเลยล่ะ” ตอนนั้นเองที่ ‘น้องกลมกลม’ ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
“เราไม่ได้กำหนดว่า (น้องกลมกลม) จะต้องอ้วนหรือผอม ซึ่งพอลองทำมาเรื่อยๆ น้องกลมกลมเองเขาก็เริ่มมีพัฒนาการมากขึ้น พอได้กลับมาทำงานที่ไทยอีก จากเดิมที่น้องกลมกลมตัวจิ๋วๆ ก็เริ่มมีชีวิตชีวา มีสีสัน และอ้วนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคาแรกเตอร์น้องกลมกลมได้เติบโตไปกับงานของเรา เติบโตไปกับความมั่นใจของเราจริงๆ” จิรายุเล่าอย่างออกรส
“งานภาพประกอบเป็นการถ่ายทอดความคิดของเราผ่านคาแรกเตอร์น้องกลมกลม ซึ่งในโปรเจกต์พิเศษครั้งล่าสุดที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับทาง Hoegaarden นี้ (เรา) ใช้ชื่อผลงานว่า ‘Let’s Dance’ ซึ่งเป็นการชักชวนให้คนอื่นๆ ได้ร่วมเต้นไปกับเรา” ไอเดียตั้งต้นสำหรับน้องกลมกลมเวอร์ชัน Let’s Dance จิรายุเผยว่ามันมาจากความรู้สึกอยากชวนใครสักคนที่เธอรักและไว้ใจให้มาเต้นรำด้วยกัน “ธรรมชาติของการเต้นรำแต่ละครั้ง คนเราจะต้องเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันก่อนถึงจะเต้นด้วยกันได้ มันอาจเป็นความรักแบบหนุ่มสาว ความรักระหว่างเพื่อน พ่อกับแม่ หรือกับใครก็ได้ที่เราชวนมาเต้น ซึ่งระหว่าง (เต้น) นั้นเกิดความสัมพันธ์บางอย่างที่เราอาจเรียกว่า ‘ความรัก’
“ความรักอาจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เป็นความรักในโมเมนต์ที่สนุก ความรักที่จะมีบรรยากาศที่ดีร่วมกัน (เรา) เลยครีเอตออกมาเป็นภาพที่ชื่อว่า ‘Let’s Dance’ นั่นเอง” เธอบอก
ว่ากันว่าศิลปะคือส่วนผสมของทักษะกับความในใจ แล้วพอได้จับน้องกลมกลมมาเล่าเรื่องราวหวานแหววแบบนี้ มุมมองความรักของ Jirayu Koo เป็นยังไง-เราโยนคำถาม เธอหัวเราะก่อนจะตอบว่า “จริงๆ แล้วเราเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความโรแมนติกเลย เป็นผู้หญิงแบบแมนๆ มากกว่า แต่ก็มีมุมโรแมนติกในแบบของเรา มีความสัมพันธ์ที่ดีในแบบของตัวเอง
“ส่วนตัวแล้วคิดว่าความรักคือสิ่งจำเป็นนะคะ แม้อาจจะไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่ก็จำเป็นต้องมี และยิ่งถ้าเป็นความรักที่ดี ในที่นี้หมายถึงดีทั้งกับคนที่อยู่กับเราและตัวเราเองด้วย เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ทำร้ายใครเลยก็จะดีมากๆ” เพราะมองความรักแบบนี้ จิรายุจึงต่อยอดไอเดียออกมาเป็นน้องกลมกลมเวอร์ชัน Let’s Dance เพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์ที่เป็นการสื่อสารทั้ง 2 ฝ่าย (Two-way Communication) เพราะเธอเชื่อว่าความรักก็เหมือนการเต้นรำ มันคือการรับส่งซึ่งกันและกัน ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้นคงเต้นพร้อมกันไปไม่ได้แน่นอน
มากกว่าการมองว่าความรักคือสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ จิรายุคิดว่าความรักคือจุดเริ่มต้นและทางออกให้กับหลายๆ ปัญหา หากโลกนี้ปราศจากความรัก โลกทั้งใบก็คงน่าอยู่น้อยกว่าเดิม “หากโลกนี้ปราศจากความรัก หลายๆ อย่างอาจจะแย่ลงกว่าเดิม เพราะขนาดเรามีความรักแล้วยังรู้สึกว่าการใช้ชีวิตทุกวันนี้ยากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อะไรก็ตามที่ทำให้เรารักกันได้ เอื้อเฟื้อกันได้ น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด
“บางปัญหาเราแก้ที่คนอื่นไม่ได้ เราแก้ปัญหาฝุ่น PM ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะหยุดเชื้อไวรัสยังไง แต่ถ้าเราเริ่มจากตัวเรา จากการมีความรักให้ตัวเอง รักตัวเองให้มากพอแล้วส่งต่อความรักให้กับคนอื่น” สำหรับเธอ การไม่มีความรักนั้นแย่ยิ่งกว่าการที่เราไม่รู้ว่าสถานการณ์โรคระบาดจะจบสิ้นลงเมื่อไหร่เสียอีก “เพราะเราคิดว่าความรักคือตัวตั้งต้นของทุกๆ อย่าง ถ้าเราไม่มีความรักให้กับอะไรเลยคงเฉาแน่ๆ โลกใบนี้คงจะสีเทาไปมากกว่านี้แน่เลย”
หลังจากสำรวจมุมมองความรักของนักวาดสาวกันหอมปากหอมคอ เรากลับมาคุยกันถึงประสบการณ์การสร้างสรรค์ชิ้นงาน Let’s Dance ที่จิรายุทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อมัน “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทาง Hoegaarden ที่เลือกเป็นหนึ่งในสี่ศิลปินในโปรเจกต์นี้ บรีฟการทำงานในแคมเปญค่อนข้างเปิดกว้างมาก คำว่า I’m in Love นั้นให้อิสระกับการครีเอตชิ้นงานจริงๆ ซึ่งในฐานะศิลปินนั้นดีมากๆ”
เธอแซวตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาโจทย์ที่เปิดกว้างมากๆ แบบนี้เธออาจรู้สึกหนักใจเป็นพิเศษ “เพราะเราไม่รู้ว่าจะไปทางไหน แต่พอทำงานมาสักระยะหนึ่ง การที่ลูกค้าเลือกเรานั่นก็เพราะเขาไว้ใจเราระดับหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นเราเองต้องไว้ใจตัวเองที่จะทำงานออกมาให้ดี (เรา) เลยรู้สึกว่าโจทย์นี้เหมือนได้รับของขวัญ ได้รับความไว้ใจจากลูกค้า เราก็จะเต็มที่กับมันในการเล่าเรื่อง “โปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์ที่เราได้ทำงานเป็นตัวตนของเราจริงๆ แต่ในทางเดียวกันก็ได้ดึงความเป็นแบรนด์ของลูกค้าเข้ามาใส่ไว้ในงาน ควบคู่กันไปอย่างสมบูรณ์” เธอพูดยิ้มๆ
อีกไม่กี่วันแล้วที่น้องกลมกลมเวอร์ชัน Let’s Dance จะไปโลดแล่นบนกำแพง เผยตัวตนให้สายตาคนภายนอกได้ชม ซึมซับ และสัมผัสนิยามความรักผ่านงานศิลปะในแบบฉบับของ Jirayu Koo ในฐานะศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน จิรายุนั้นตื่นเต้นไม่แพ้คนดู
“เราอยากเชิญชวนคนรักงานศิลปะให้ไปเดินเล่น ไปชมภาพวาดกัน โดยเฉพาะผลงาน Let’s Dance ของจิที่ตั้งใจไว้ว่า (คนดู) สามารถชมและยืนเต้นคู่กันไปกับน้องกลมกลมได้ด้วย ถึงช่วงเวลานี้อาจจะออกไปทำกิจกรรมกันยากสักหน่อย แต่การจัดแสดงงานครั้งนี้เป็นพื้นที่เปิด ก็น่าจะสร้างความสบายใจได้ระดับหนึ่ง ไปแล้วร่วมโพสท่าเต้นในแบบของคุณ หรือจะโพสท่าคู่กับ Wall Art ของศิลปินแต่ละคนก็ได้นะ” จิรายุแนะนำ
ใครที่ชอบเสพศิลปะ เสพภาพวาดสวยๆ เป็นชีวิตจิตใจ ตามไปชมผลงานของ Jirayu Koo และศิลปินอีกหลายคนได้ที่ Warehouse 30 ระหว่างวันที่ 1 – 15 กุมภาพันธ์นี้ แอบกระซิบว่านอกจากกำแพงความรักสุดชิกในงานยังมีกิจกรรมถ่ายภาพลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจาก Hoegaarden ให้ร่วมสนุกด้วยนะ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจของ Hoegaarden (TH) https://www.facebook.com/HG.Thailandofficial เลย
Writer
