ภาพหาดทรายสีขาวนวลทอดยาวตลอดแนวชายหาด เหล่าเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวซัดเข้าฝั่งเป็นระยะ หรือผืนน้ำสีฟ้าครามที่เปล่งแสงระยิบระยับ พร้อมกับสายลมอ่อนๆ ที่พัดเส้นผมให้ปลิวไสว ตามด้วยไออุ่นจากแสงแดด ล้วนชวนให้หลงเสน่ห์ของทะเล จนอยากฉุดร่างกายให้ลุกขึ้นไปเติมความสดชื่นอย่างเต็มที่
เชื่อว่าความงามเหนือผิวน้ำที่เรามองเห็น คงเทียบไม่ได้กับการเห็นหมู่มวลปลาเล็ก-ใหญ่ และสีสันอันสดใสของปะการังที่ขึ้นเรียงรายตามโขดหินในโลกใต้ท้องทะเลอย่างใกล้ชิด แต่ความจริงแล้ว สีสันเหล่านั้นถูกกลืนหายจนกลายเป็น ‘สีขาว’ ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ความเค็มของน้ำทะเล ตะกอนจากน้ำจืด ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจาก ‘ครีมกันแดด’ บนร่างกายมนุษย์
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani2-07-1024x683.jpg)
#Saveปะการัง ด้วยพลังของเพื่อนซี้
ในวันที่การบีบครีมกันแดดเพียง 1 ข้อนิ้ว สะเทือนถึงโลกใต้ท้องทะเล เพราะมีส่วนทำให้เกิดปะการังฟอกขาว สามเพื่อนซี้ที่รักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จึงผุดไอเดียแบรนด์ ‘KAANI (คานิ)’ ครีมกันแดดรักษ์ปะการัง หรือที่เรียกว่า ‘Reef-safe’ คือ ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อแนวปะการัง ด้วยความตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลท้องทะเล
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-10-1024x683.jpg)
“ตัวผมดำน้ำมาตั้งแต่ยังเล็กที่หินแดงหินม่วงในจังหวัดภูเก็ต ตอนนั้นผมเห็นสีแดงและสีม่วงบนปะการังละลานตาเต็มไปหมด แต่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ผมกลับไปดำน้ำอีกครั้ง ผมเห็นแค่โขดหินเท่านั้นเอง”
จีน-พชร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ KAANI (คานิ) เล่าถึงความทรงจำวัยเด็กที่เขาได้ชื่นชมความสวยงามของปะการังที่ปัจจุบันคล้ายกับตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์สีขาวโพลน ซึ่งก่อนหน้านั้นตัวเขาเองใช้ครีมกันแดดสูตร Reef-safe จากต่างประเทศ แต่กลับพบว่าไม่ตอบโจทย์ ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เหมือนกัน เพราะเมืองไทยมีอุณหภูมิสูงกว่า และความชื้นมากกว่า ทำให้ครีมกันแดดขาววอก และเหนอะมากเป็นพิเศษ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-16-683x1024.jpg)
ประกอบกับเพื่อนซี้อีกสองคนอย่าง แปม-ชนิภา สารสิน และ สตางค์-ดิษย์ลดา ดิษยนันทน์ ผู้หลงใหลการดำน้ำเห็นผลกระทบจากกิจกรรมของคนต่อปะการัง รวมไปถึงอาการ ‘ผิวแพ้ง่าย’ จากสารเคมีต่างๆ ที่ผสมในครีมกันแดด ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคน พาราเบน แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม ทำให้พวกเธอพยายามเฟ้นหา ‘ผลิตภัณฑ์ที่ใช่’ ซึ่งผลลัพธ์คือ ‘ไม่มี’
“เราทั้งสามคนอยู่นิ่งๆ ไม่ค่อยเป็น (หัวเราะ) ไลฟ์สไตล์ของเราต้องออกไปเผชิญแดด และมลภาวะตลอดเวลา ซึ่งการดำน้ำเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เจอแดดเยอะเป็นพิเศษ แล้วตอนนั้นเรามารู้ว่าครีมกันแดดบางชนิดมันไม่ดีต่อปะการัง พวกเราพยายามเลี่ยงและหันไปใช้น้ำมันมะพร้าวแทน แต่เวลาไปทริปก็ยังเจอคนใช้ครีมกันแดดอยู่ มันเลยเป็นคำถามว่าพอมีทางเลือกครีมกันแดดที่เป็นมิตรต่อปะการังไหม” แปมตอบ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-17-1024x683.jpg)
ระดมความคิดผลิตครีมกันแดดรัก (ษ์) ปะการัง
กว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด KAANI ทั้งสามคนใช้เวลาศึกษาเป็นปี เพื่อค้นคว้าข้อมูล ทำความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับวงจรชีวิตของโปรดักต์ 1 ชิ้นอย่างยั่งยืน
“การที่เราจะทำโปรดักต์ขึ้นมาหนึ่งชิ้น มันหมายถึงเราเปลี่ยนทรัพยากรธรรมชาติมาเป็น ‘อะไรบางอย่าง’ ที่เราใช้ได้ ดังนั้น มันต้องแตกต่างจากสินค้าในท้องตลาด และที่สำคัญ มันต้องแก้ปัญหาในสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้” แปมตอบ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-14-1024x683.jpg)
“ดีต่อธรรมชาติ ดีต่อผิวเรา และดีต่อการใช้งาน”
คือคอนเซปต์หลักของแบรนด์ที่อยากส่งต่อให้ผู้บริโภค ฟังดูอาจเห็นภาพไม่ชัด อย่างแรก KAANI เป็นครีมกันแดดแบบ Physical Sunscreen ซึ่งเป็นเหมือนฟิล์มบางๆ เคลือบผิวคอยสะท้อนแดดออกไป เพื่อไม่ให้รังสี UV ทำร้ายผิวโดยครีมกันแดดไม่ต้องซึมเข้าผิวหนัง ทำให้ไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกาย เนื่องจากประกอบไปด้วยสาร Zinc Oxide กับ Titanium Dioxide ขนาด Non-Nano ที่เป็นโมเลกุลใหญ่ที่จะไม่ทิ้งปนเปื้อนปะการัง และไม่มีสารต้องห้ามทั้งสิบชนิด เข้าข่าย Reef-safe ที่เข้มงวดมากที่สุด
โดย KAANI ยึดกฎหมายของประเทศปาเลา แหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งประกาศแบนสารต้องห้ามที่มีส่วนผสมอันตรายต่อสัตว์ทะเลและปะการัง ได้แก่ Oxybenzone (Benzophenone-3), Ethylparaben, Octinoxate (Octyl Methoxycinnamate), Butylparaben, Octocrylene, 4-Methylbenzylidene Camphor, Benzyl Paraben, Triclosan, Methylparaben และ Phenoxyethanol
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-12-1024x683.jpg)
“แม้ว่า Reef-safe ยังไม่มีการประกาศใช้ในมาตรฐานเดียวกัน บางแห่งอาจไม่มี Oxybenzone และ Octinoxate ก็ใช้คำว่า Reef-safe บนผลิตภัณฑ์ได้แล้ว แต่แบรนด์ KAANI เลือกใช้มาตรฐานของปาเลา เพราะเป็นประเทศที่เข้มงวดมากที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็น Vegan และ Cruelty-free คือไม่ทดลองใช้กับสัตว์ และไม่มีส่วนผสมที่มาจากสัตว์เลย” แปมเสริม
ขณะที่ครีมกันแดดส่วนใหญ่ในตลาดเป็นแบบ Chemical Sunscreen โดยวิธีการทำงาน คือ เมื่อเนื้อครีมซึมเข้าไปอยู่ในผิว มันจะเปลี่ยนรังสี UV ให้เป็นความร้อน ซึ่งเราอาจคุ้นเคยกับประโยคที่บอกว่า “ทาครีมกันแดดก่อน 10 – 15 นาที” เพื่อรอให้ครีมซึมเข้าไปในผิวหนัง แต่ข้อเสียคือ เราต้องทาซ้ำบ่อยทำให้มีโอกาสตกค้างในร่างกาย เนื่องจากครีมกันแดดแบบเคมีต้องทำปฏิกิริยากับแดดตลอดเวลา
คิดทุกขั้นตอนใน 1 วงจรของครีมกันแดด
เมื่อเราลงลึกถึงเรื่องผลิตภัณฑ์ ทั้งสามคนบอกกับเราว่า ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดจะถูกบรรจุอยู่ใน ‘หลอดพลาสติก’ เพราะใช้งานง่าย และไม่ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในทันที แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาเป็นผู้ผลิต ก็ต้องรับผิดชอบกับพลาสติกที่เกิดขึ้น ทำให้แคมเปญ ‘การรับคืนหลอด’ ถูกตั้งขึ้นมาควบคู่กันไปด้วย
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-09-1024x683.jpg)
“เราไม่ได้มองว่าพลาสติกคือตัวร้าย แต่เราต้องคิดว่า หนึ่งวงจรของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เกิดไปจนตาย มันจะไปไหนต่อ พวกเราเลยผุดไอเดียรับหลอดคืน เพื่อรวบรวมกลับมาแล้วคัดแยกส่งไปตามโครงการต่างๆ ที่เขารับพลาสติกแต่ละประเภท เช่น การรีไซเคิลใหม่ หรือ Eco Bricks และเมื่อลูกค้าคืนตามจุดรับหลอด หรือส่งไปรษณีย์คืนกลับมา เราจะลดราคาสินค้าในรอบถัดไปให้สามสิบห้าบาท
“มีหลายคนถามว่าแล้วในอนาคตหลอดครีมกันแดดจะยังเป็นพลาสติกต่อไปไหม ขอตอบเลยว่าเราไม่หยุดพัฒนา ซึ่งตอนนี้เรามีตัวเลือก ‘พลาสติกรีไซเคิล’ ที่มีคุณสมบัติดีพอๆ กับพลาสติกที่เราใช้ โดยเราจะรวบรวมหลอดเก่าส่งให้แหล่งรับซื้อพลาสติก เพื่อไปทำเม็ด Post Consumer Recycled หรือ PCR แล้วเขาจะนำเม็ดพลาสติกที่ได้ไปขายให้กับโรงงานผลิตหลอดพลาสติกให้เราอีกทีหนึ่ง ทำให้เกิดการใช้วัสดุหมุนเวียนขึ้น” แปมเสริม
ไม่เพียงแค่หลอดครีมกันแดดที่พวกเขาใส่ใจ แต่รวมไปถึงแพ็กเกจจิ้งที่ไม่หุ้มพลาสติกและบรรจุลงกล่องกระดาษแทน เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกโดยยังคงรักษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ระหว่างขนส่งได้ นอกจากนี้ เวลาส่งสินค้าไปต่างประเทศ จะมีรายละเอียดข้อมูลที่แตกต่างกัน นั่นหมายถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่หลายพันชิ้น ซึ่งอาจสร้างขยะพลาสติกเพิ่มโดยใช่เหตุ KAANI จึงเลือกที่จะเปลี่ยนข้อมูลลงบนกล่องบรรจุภัณฑ์แทน
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-13-1024x683.jpg)
รวมไปถึงการส่งพัสดุให้กับลูกค้าที่ทางแบรนด์เลือกใช้กล่องไม่มีลาย ไม่มีพรินต์ชื่อแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้านำมาใช้ซ้ำได้ หรือการใช้กระดาษรีไซเคิลจากสำนักงาน เพื่อรองกันกระแทก และพวกเขายังบอกอีกว่า อย่าตกใจ หากลูกค้าได้รับกล่องพัสดุรีไซเคิลไป เพราะเป็นความตั้งใจของแบรนด์ที่อยากใช้ซ้ำให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญพวกเขายืนกรานว่ามันไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์แน่นอน
“เราพยายามคิด และทำทุกอย่างเท่าที่จำเป็น มันเป็นเรื่องเล็กที่บางคนอาจไม่ได้คิด แต่ถ้าทำซ้ำๆ หลายรอบต่อวัน หลายชิ้นต่อปี มันก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน” สตางค์เสริม
Sun Care ต้องสำคัญเท่า Skincare
เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า KAANI ใช้เฉพาะออกแดด ออกทะเล อย่างเดียวหรือเปล่า เพราะถ้าเราไม่ได้มีกิจกรรมดำน้ำตลอด ทำไม ‘ครีมกันแดด’ ถึงสำคัญนักล่ะ ปฏิเสธไม่ลงว่าเมืองไทยนั้นแดดร้อนจนแสบหน้า ซึ่งการอยู่ห้องแอร์ทั้งวันจนไม่ออกไปไหนคงไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาในระยะยาวนัก เพราะฉะนั้น ‘การทาครีมกันแดด’ จะช่วยป้องกันผิวให้เราออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้เหมือนเดิม
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-06-683x1024.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani-07-683x1024.jpg)
“เราอยากให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของครีมกันแดด เทียบเท่ากับสกินแคร์ที่อยู่ในตู้ เพราะสิ่งที่เราต้องการสื่ออีกอย่าง คือให้คนใช้ครีมกันแดดในทุกๆ วัน เพราะ UV ทำร้ายผิวมากกว่าที่คิด หลายคนยังเข้าใจผิดว่าแดดทำให้ผิวดำ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ เพราะแดดทำให้เกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ผิวหมองคล้ำไม่สดใส ถ้าสะสมมากๆ ก็อาจเกิดมะเร็งได้” จีนตอบ
“ต้องเข้าใจก่อนว่าการทาครีมกันแดดไม่ได้แปลว่าเม็ดสีผิวของคุณจะหยุดทำงาน และผิวไม่เข้มขึ้น เพราะว่าร่างกายของเรามันสร้างเม็ดสีขึ้นมา เพื่อการต่อสู้กับ UV มันเป็นกระบวนการธรรมชาติอยู่แล้ว แต่การทาครีมกันแดดมันจะช่วยเสริมประสิทธิภาพกันแดด และปกป้องผิวให้ผิวสุขภาพดี” แปมเสริม
“เราทำมาเพื่อคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงถูกจริตกับสภาพผิว ภูมิอากาศ และไลฟ์สไตล์มากกว่า นอกจากนี้ เรายังอยากสื่อสารออกไปว่าคนทุกสีผิว คือ Beautiful เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องตามโฆษณาว่าขาว หรือผ่องใส แต่เรามีผิวสุขภาพดีในฉบับของเราได้” สตางค์เสริม
ก่อนหน้านี้ ครีมกันแดดของ KAANI มีกลุ่มเป้าหมายเป็น ‘นักดำน้ำ’ แต่กลายเป็นว่าคนที่ซื้อเยอะที่สุดเป็นกลุ่มคนผิวแพ้ง่าย แถมยังใช้ได้กับเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งเสียงตอบรับที่พวกเขาประทับใจมากที่สุด คือคำขอบคุณจากลูกค้าซึ่งป่วยเป็นมะเร็ง และมองหาครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของโลหะหนักในไทยยากมาก จนกระทั่งมาเจอแบรนด์ KAANI ทำให้ทีมงานรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้น เดินมาถูกทางแล้ว
ไม่ต้องลงไปปลูกปะการังก็ดูแลสิ่งแวดล้อมได้
แม้ว่าปะการังจะสามารถรอเวลาฟื้นฟูตามธรรมชาติ หรือการลงไปปลูกเพื่อเพิ่มจำนวนปะการังใต้ท้องทะเล แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำแบบนั้นได้ ทั้งสามคนจึงไม่อยากให้มองว่าการฟื้นฟูธรรมชาติ หรือดูแลธรรมชาติเป็นเรื่อง ‘ไกลตัว’ เพราะทุกอากัปกิริยาของมนุษย์ ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับชีวิตประจำวันได้
“ทุกคนไม่จำเป็นต้องลงไปดำน้ำปลูกปะการัง หรือแบกเป้เข้าไปปลูกป่า เพราะการที่เราไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมก็เท่ากับว่าเราดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วยแล้ว จีนต้องการย้ำว่าแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้าทุกคนทำมันก็สร้างความแตกต่างได้เยอะ” จีนตอบ
“ต้องขอบคุณแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ที่ทำให้คนตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และเข้าถึงได้ แต่การลงมือทำต้องอาศัยเวลาจริงๆ เพราะพฤติกรรมคนจะเปลี่ยนทันทีเลยไม่ได้ อย่างเราในฐานะผู้ประกอบการ มันคือการคิดวงจรของผลิตภัณฑ์หนึ่งชิ้น และทำอย่างไรให้ง่ายต่อการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค” สตางค์เสริม
“จะมีคนสงสัยว่า Reef-safe มันช่วยสิ่งแวดล้อมได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะเวลาทดลองในแล็บกับน้ำทะเลมันจะเหมือนกันจริงเหรอ แต่แปมมองว่าถ้าสารชนิดไหนมีโอกาสเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เราจะไม่เสี่ยง เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่เรารอไม่ได้ ถ้าเรารองานวิจัยในอีกสิบถึงยี่สิบปีข้างหน้าว่ามันกระทบมากจริงๆ ตอนนั้นเราอาจจะแก้อะไรไม่ได้แล้ว”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210305-kaani2-10-1024x683.jpg)