หากเราเกิดหิวขึ้นมากลางดึก แค่เปิดแอปฯ สั่งอาหารเดลิเวอรี่ก็มีเมนูน่ากินให้กดสั่งได้ง่ายๆ แต่ถ้าเราเลื่อนหน้าแอปฯ ไปเจอเมนูอย่าง ‘ข้าวคลุกพริกน้ำปลา’ ‘ข้าวโรยเกลือ’ ‘ผักกาดต้มน้ำปลา’ เราจะกินลงไหม? แน่นอนคงไม่มีใครอยากกิน แต่สำหรับเด็กยากจนพิเศษที่ไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก นี่คืออาหารเช้าปกติของพวกเขา ซึ่งไม่เพียงแต่ดูไม่น่ากินหากยังขาดคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้เด็กมีน้ำหนักและส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ หรือเรียกว่า ‘ภาวะทุพโภชนาการ’
ด้วยปัญหานี้จึงเป็นที่มาของ ‘ทุพโภชนา’ ร้านอาหารเสมือนจริงในแอปฯ GrabFood ที่มีคอนเซปต์ว่า #มื้อนี้พี่เลี้ยง เพียงแค่เรากดสั่งเมนูอาหารในร้านทุพโภชนา เราจะไม่ได้รับอาหารแต่เงินที่หักจากบัญชีหรือบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับแอปฯ จะถูกนำไปสมทบทุนค่าอาหารแก่เด็กยากจนที่มีภาวะทุพโภชนาการ เปลี่ยนมื้ออาหารเหล่านี้ให้เป็นมื้อเช้าที่ถูกหลักโภชนาการเพื่อที่เราจะได้ ‘อิ่มไปด้วยกัน’
โดยคนต้นไอเดียก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น ‘มานะ แอนด์ เฟรนด์’ เจ้าของเดียวกันกับ ‘ชูใจ กะ กัลยาณมิตร’ บริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่ชอบคิดโฆษณาดีๆ ที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคม จับมือกับโครงการ Grab Loves Children ช่วยเด็กไทยกันนะ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งให้น้องๆ ได้กินอาหารที่ดี ด้วยการบริจาคผ่านร้านทุพโภชนาในแอปฯ GrabFood ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2563 เงินบริจาคสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า