รัฐบาลคิวบามีโครงการผลิตสมาร์ตโฟนสำหรับประชาชนในประเทศใช้ หวังผลักดันประเทศให้ก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมากขึ้น แต่สมาร์ตโฟนจากรัฐนั้นไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันต่างชาติได้ อีกทั้งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนของสหรัฐฯ คาดว่าโทรศัพท์มือถือนี้อาจเป็นช่องทางให้รัฐบาลละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชนได้ง่ายขึ้น
แต่สำหรับประชาชนคิวบาแล้วประเด็นการเข้ามาสอดส่องข้อมูลส่วนตัวออนไลน์จากรัฐบาลไม่ใช่เรื่องใหม่ที่น่ากังวล สิ่งที่น่ากังวลคือจากรายงานของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมในปี 2019 มีผู้ใช้สมาร์ตโฟน 6 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 11 ล้านคน และมีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เข้าถึงสัญญาณโทรศัพท์ได้ปกติ อีกทั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในประเทศที่เข้าถึงยาก ไม่ครอบคลุมและราคาสูง แล้วไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมีโทรศัพท์มือถือที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เพราะสมาร์ตโฟนนั้นมีราคาแพง เทียบเท่าเงินเดือนโดยเฉลี่ย 4 เดือนของเจ้าหน้าที่รัฐเลยทีเดียว
ข้อดีของสมาร์ตโฟนจากรัฐบาลนี้คือมีราคาถูกกว่าสมาร์ตโฟนจากตลาดมืดที่ลักลอบนำเข้าเกือบครึ่งต่อครึ่ง อีกทั้งรัฐยังประกาศว่าจะสร้างเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ใหม่อีก 50 เสา เพื่อตอบรับโครงการที่ออกมา
ปัจจุบันแม้ยังไม่มีวันประกาศขายโทรศัพท์รุ่นนี้อย่างเป็นทางการ แต่ตัวต้นแบบของสมาร์ตโฟนจากรัฐบาลนี้ได้ประกอบขึ้นแล้วกว่า 6,000 เครื่องผ่านบริษัท ‘Gedeme’ ซึ่งรัฐเป็นเจ้าของ โดยได้ชิ้นส่วนมาจากหุ้นส่วนอย่างบริษัท ‘Huawei’ ของจีนที่ให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีกับคิวบามาโดยตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ Huawei ยังช่วยคิวบาวางระบบ Firewall ที่ควบคุมข้อมูลที่เข้า-ออกบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตส่งผลให้เว็บไซต์ต่างชาติกว่า 50 เว็บไซต์ถูกปิดกั้น
ในปี 2019 ‘Freedom House’ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่สนับสนุนประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมืองและสิทธิมนุษยชน ได้จัดให้คิวบาอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไร้เสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต โดยได้คะแนนประเมินเพียง 22 จาก 100 คะแนน ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่าเมื่อรัฐบาลคิวบาพัฒนาเทคโนโลยีและเปิดให้คนในประเทศเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้น แล้วเสรีภาพต่างๆ จะมีมากขึ้นตามไปด้วยหรือไม่
Source : Vice World News | https://rb.gy/h0fpy9