Urban Eyes
รายละเอียดของเมืองทุกเมืองในมุมมองของคนหลังเลนส์
Bloom in My Mind ผลิบานในจินตนาการ
ผลงานภาพถ่ายเซตนี้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของฉันผ่านต้นเฟื่องฟ้า ช่วงชีวิตที่เติบโตและเบ่งบานตั้งแต่วัยเยาว์จนเป็นฉันในทุกวันนี้ วัยมัธยมฯ ที่ชีวิตเหมือนเติบโตอยู่ในกระถาง ผลิบานแต่หันไปทางไหนก็เหมือนกันไปหมด ช่วงมหาวิทยาลัยที่ได้เห็นความหลากหลายของผู้คน ทั้งเบ่งบาน กำลังเบ่งบาน หรือมีบ้างที่ร่วงโรยไปตามกระแสสังคม และกระทั่งช่วงเวลาที่ชีวิตมืดมน ฉันก็ยังเห็นดอกไม้บานท่ามกลางความรู้สึกเหล่านี้ จนเมื่อถึงเวลาที่ออกไปจากความมืดมนตรงนั้นและต้องเติบโตอีกครั้ง ฉันก็เชื่อว่าต่อจากนี้ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด ฉันจะเบ่งบานได้ด้วยตัวของฉันเอง ถึงแม้สุดท้ายเฟื่องฟ้านี้จะต้องร่วงโรยในสักวันหนึ่งก็ตาม หากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่ [email protected] หรือ [email protected]
Photo Mode บันทึกความสวยงามในเกมผ่านภาพถ่ายจากเกม
จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ไม่ได้เพียงทำให้การใช้ชีวิตสะดวกขึ้นเท่านั้น แต่สื่อบันเทิงก็ได้ผลพลอยได้ตรงนี้ด้วย เราต้องยอมรับก่อนว่าทุกวันนี้วิดีโอเกมได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราทุกคนไปแล้ว ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนอาจเล่นเกมเพราะความบันเทิง บางคนอาจเล่นเป็นอาชีพ หรือแม้กระทั่งบางคนเล่นเกมเพื่อซึมซับความสวยงามจากศิลปะในเกมเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพ แสง สี เสียง ที่ถูกจำลองออกมาได้อย่างสมจริง ราวกับว่าเราได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่หรือเหตุการณ์เหล่านั้นด้วย ผลงานชุด Photo Mode ของ ‘เก่ง-กฤษฎา ศรีพรหม’ คือการใช้โหมดถ่ายภาพจากเกม เพื่อบันทึกความสวยงามและความประทับใจจากในเกม เช่น เหตุการณ์ ภูมิทัศน์ และตัวละครสำคัญ จนออกมาเป็นภาพชุดนี้ ติดตามผลงานของ กฤษฎา ศรีพรหม ต่อได้ที่ twitter.com/Keng_console และหากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่ [email protected] หรือ [email protected]
#เหล็กดัดfun
#เหล็กดัดfun เป็นผลพวงของการเดินเล่นอย่างจริงจังตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ความสนุกของการเก็บภาพเหล็กดัดเหล่านี้อยู่ที่ความไม่คาดฝันว่าจะได้เจอ บางครั้งถนนเส้นเดิมที่เดินผ่านทุกวัน เพียงเงยหน้ามองตามนกที่บินตัดหน้าไปก็เจอว่าเหล็กดัดลายประหลาดอยู่ตรงนั้นมาตลอด แม้เหล็กดัดจะอยู่บนวัตถุที่กั้นขวางผู้คนออกจากกัน ประกาศอาณาบริเวณ ขีดเส้นความเป็นส่วนตัว แต่เหล็กดัดกลับเชื่อมโยงเราเข้าไว้กับความเป็นเมือง ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เยี่ยมเยียนจังหวัดที่ไม่เคยไป สถานที่ที่ไม่รู้จัก หรือแม้ในพื้นที่ที่เขาว่ากันว่าไร้แลนด์มาร์กดึงดูดใจ จึงไม่เคยเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับเรา เพราะขอเพียงให้มีโอกาสได้เดินเล่น ก็รับรองว่ามีโอกาสพบเห็นเหล็กดัดที่ทำให้ใจเต้นรัวได้ไม่ยาก หน้าต่างบ้าน ซุ้มทางเข้าวัด รั้วมัสยิด กรอบหน้าต่างศาลเจ้า ในชุมชนคริสต์ ในชุมชนมุสลิม ประตูสถานที่ราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย ตลาด ร้านค้า ตึกแถว ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวที่ต้องการจะบอกเล่าให้เราฟังเสมอ ใครเจอเหล็กดัดลายสนุกๆ มาแบ่งกันดู ผลัดกันชมผ่าน #เหล็กดัดfun และแฮชแท็กของเพื่อนร่วมส่องเหล็กดัดอย่าง #grillsofthailand กับ #grillsoftheworld ได้เลย ติดตามผลงานของ สุวิชา พิทักษ์กาญจนกุล ต่อได้ที่ Instagram : ciawush และหากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่ [email protected] หรือ [email protected]
Eye Contact สบสายตา
เมื่อการออกเดินทางเพื่อไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ จากความตั้งใจ กลับกลายเป็นความบังเอิญในการค้นพบและได้ทำความรู้จักกับสิ่งที่แปลกใหม่ ที่ทั้งพิเศษและแตกต่างออกไปจากข้อจำกัดเดิมที่มี ราวกับว่าได้สบตากับบุคคลแปลกหน้าโดยบังเอิญ และได้รับรู้เรื่องราว คำบอกเล่า และประสบการณ์ต่างๆ จากคนแปลกหน้าผู้นั้น ‘Eye Contact’ ในความหมายโดยทั่วไปคือการที่ดวงตาของบุคคลทั้งสองฝ่ายเกิดการสบตาระหว่างกันและกัน แต่สำหรับตัวเรานั้นความหมายกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง การสบตาไม่ได้เป็นแค่เพียงการจ้องมองกันระหว่างสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการที่ดวงตาของเราได้ผสานเข้ากับบางสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดึงดูด แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่มีชีวิต ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสื่อสาร ถ่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ และความรู้สึกต่างๆ ออกมา โดยไร้ซึ่งดวงตาที่ขยับเคลื่อนไหวหรือบ่งบอกถึงความรู้สึกนึกคิดได้ แต่กลับเป็นตัววัตถุที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมและบรรยากาศต่างๆ เหล่านี้ต่างหากที่เป็นตัวเชื่อมโยง สื่อสาร และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ อย่างเช่น กระจกในพุ่มหญ้าที่สะท้อนเข้ากับแสงแดด เศษแจกันที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น หรือต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ริมรั้วท่ามกลางเศษไม้ใบหญ้า สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วๆ ไป แต่ถ้าหากเราลองหยุดอยู่นิ่งๆ และลองสัมผัสไปกับบรรยากาศรอบๆ เราอาจจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่กำลังพยายามสื่อสารกับเราอยู่ จนเราเองก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงเรื่องราวและที่มาที่ไปของสิ่งของเหล่านี้ ติดตามผลงานของ ณปภัช โสภณวิชาญกุล ต่อได้ที่ Instagram : hatebbroccoli และหากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่ [email protected] หรือ [email protected]
07:00 AM สภากาแฟและอาหารเช้า
ในช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคม จากการพยากรณ์อากาศพบว่ามีฝนตกมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่แทบทุกวัน สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างผมมันเป็นปัญหาไม่ใช่น้อยกับการต้องเดินทางไปทำงานยังสถานที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการหาอาหารเช้าทาน ด้วยช่วงเวลาอันเร่งรีบบางครั้งก็ทำให้เราไม่มีตัวเลือก จนต้องจำใจกดแอปพลิเคชันสั่งอาหารผ่านร้านเดิมๆ เมนูเดิมๆ กลายเป็นช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อหน่ายไปในที่สุด อนึ่งปัญหาของผมกับการสั่งอาหารเช้านั้นมีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาเสาะหาเลือกร้านและเมนูอาหาร เพราะด้วยตัวเลือกที่เยอะ ทำให้ผมนั่งๆ นอนๆ ไถหน้าจอมือถืออยู่นานจนไม่สามารถตัดสินใจได้สักทีว่าจะกดสั่งอะไรดี ไหนจะปริมาณอาหารที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหวในตอนเช้า และปัญหาสุดท้ายที่หนักหนาสาหัสสำหรับผมก็คือ เมื่อรับอาหารจากไรเดอร์มาแล้ว ผมก็ทำได้เพียงแค่นำมันขึ้นมานั่งทานบนห้องเงียบๆ คนเดียว โดยมีรัฐสภาและการจราจรบนท้องถนนเป็นฉากนอกหน้าต่าง ทำหน้าที่เป็นวิวทิวทัศน์เพียงอย่างเดียวที่ผมสามารถใช้พักสายตาได้ ผมใช้ชีวิตซ้ำไปซ้ำมาจนเป็นกิจวัตร ความเบื่อหน่ายและความเหงาค่อยๆ กัดกินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะคุยกับใครสักคน ผมกดเบอร์โทรศัพท์อย่างคุ้นเคย…ปลายสายรับสาย “ฮัลโหล ว่าไงวิน… “ทำไมไม่ลองหาเวลาออกจากคอนโดฯ ไปพวกร้านกาแฟหรือร้านอาหารเช้าดูล่ะ มันก็มีนะที่ไม่ไกลจากคอนโดฯ เอ็ง” เสียงแนะนำจากปลายสายแนะนำอย่างต่อเนื่อง และกระตือรือร้นเมื่อได้ฟังรูทีนชีวิตที่แสนน่าเบื่อของผม “สมัยก่อนตอนเอ็งเรียนอยู่ประถมฯ หลังจากไปส่งที่โรงเรียนเสร็จ ป๊าก็นั่งรถเมล์สาย 56 ไปร้านหนึ่งที่อยู่ตรงแยกวิสุทธิกษัตริย์ ‘ร้านเฮี้ยะไถ่กี่’ เป็นร้านเก่าแก่ที่มีมานานแล้ว สมัยก่อนตอนป๊าทำงานธนาคารแถวนั้นก็แวะไปนั่งกินประจำ เมื่อก่อนร้านนี้ถือว่าเป็นสภากาแฟเลยนะ เพราะหลายครั้งที่พวกคอลัมนิสต์มานั่งคุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้ และถกเถียงกันเรื่องข่าวสารหรือการเมือง “อีกร้านคือ ‘ร้านหน่ำเฮงหลี’ ตรงแยกหลานหลวง เอ็งจำได้ไหมว่าสมัยก่อนเวลาที่เอ็งเดินไปซื้อหนังสือการ์ตูนของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ร้านเขาจะอยู่แถวนั้น เอ็งเดินมานิดหนึ่งก็เจอเลย อยู่ตรงแยกพอดี ร้านนี้สังขยาอร่อยลองไปกินดู […]
Checkmate ซุ้มหมากรุก
‘ไม่ดูตาม้าตาเรือ’ สำนวนสุภาษิตไทยที่เราทุกคนคุ้นเคยและได้ยินกันบ่อยๆ มักใช้กับการตำหนิคนที่ไม่รอบคอบและไม่ระมัดระวัง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าที่มาของสำนวนนี้จะมาจากกีฬาหมากรุก ซีรีส์ภาพถ่าย Lost and Found ประจำสัปดาห์นี้ ขอพาไปพบกับงานอดิเรกที่ทุกคนรู้จักกันดี และเมื่อก่อนเราสามารถพบเห็นกิจกรรมเหล่านี้ได้ตามพื้นที่ต่างๆ ของชุมชน แต่ปัจจุบันเรากลับเห็นภาพนี้น้อยลงเรื่อยๆ เมื่อก่อนตอนมีเวลาว่าง ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวของบ้านและไม่มีเพื่อนบ้านที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวกันในละแวกนั้นเลย กิจกรรมของผมส่วนใหญ่คือการเดินออกไปที่สะพานเหล็กเพื่อซื้อแผ่นเกม และเดินกลับบ้านมาเล่นเกม ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันไปกับการเล่นเกม ต้องยอมรับเลยว่าการเล่นเกมนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว แต่บางครั้งความเหงาก็ก่อกำเนิดขึ้นในจิตใจ เพราะไม่ได้พบเจอ พูดคุยกับเพื่อน หรือกระทั่งเล่นกับเพื่อนตามช่วงชีวิตของเด็กในวัยนั้นที่ควรมี ต้องบอกก่อนว่าในอดีตบ้านของผมที่สำเพ็งเป็นอาคารพาณิชย์สูงห้าชั้น ด้านล่างแบ่งให้ร้านขายผ้าเช่า ผมจึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ชั้นสามของบ้านเท่านั้น ด้วยความเหงาและอยากหาเพื่อนคุยเล่น ผมตัดสินใจเดินลงไปที่ชั้นหนึ่งของบ้าน และขอร่วมวงเล่นหมากรุกกับพี่ๆ ที่ทำงานอยู่ในร้านขายผ้าตอนนั้น นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมีประสบการณ์มีเพื่อนต่างวัยเป็นครั้งแรกของชีวิต เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบปีที่ผมไม่ได้เล่นหมากรุกเลย ด้วยสภาพสังคมที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป มีกิจกรรมทางเลือกมากขึ้น กิจกรรมที่ผมทำทดแทนการเล่นหมากรุกคือการเล่น Trading Card Game เพียงแค่พกสำรับการ์ดติดตัวเราก็สามารถไปร่วมเล่นและทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ในสถานที่ใหม่ๆ ที่มีอย่างแพร่หลายมากขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผมมองว่ากีฬาหมากรุกก็ไม่ต่างจาก Trading Card Game เท่าไรนัก เพียงแค่ในปัจจุบันพื้นที่ที่ถูกจัดให้เล่นหมากรุกมีน้อยลงจากเมื่อก่อน ด้วยความสงสัยและอยากเล่นอีกครั้ง ผมได้หาข้อมูลจนไปเจอซุ้มหมากรุกสองซุ้มที่น่าสนใจและไม่ไกลจากคอนโดฯ ที่พักอาศัยมากนัก ที่แรกที่ผมเลือกเดินทางไปคือซุ้มใต้สะพานพระราม 8 ในวันนั้นผมเดินทางถึงจุดหมายเวลาประมาณบ่ายสามกว่าๆ สิ่งที่พบเจอคือภาพคุณน้าคุณลุงนั่งเล่นหมากรุกกันอย่างเอาจริงเอาจัง ห้อมล้อมไปด้วยบริเวณด้านข้างที่มีร้านรถเข็นขายอาหารและเครื่องดื่มอยู่พอสมควรตามขนบของสวนสาธารณะที่ต้องมีทุกที่ […]
The Existence of Memory การดำรงอยู่ของเศษเสี้ยวความทรงจำ
เรื่องราวและร่องรอยของเศษเสี้ยวความทรงจำในวัยเยาว์ที่ยังหลงเหลือในปัจจุบัน มักถูกกระตุ้นขึ้นเมื่อเราเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และพบเจอสิ่งของ วัตถุ บรรยากาศ กลิ่นอาย หรือแม้กระทั่งความรู้สึก ซึ่งทำให้หวนนึกถึงความทรงจำในอดีตที่ค่อยๆ กลับมาชัดเจน ก่อนจะผสานซ้อนทับเข้ากับเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในปัจจุบัน จนเกิดเป็นจินตภาพในภวังค์ความคิด โดยถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของผลงานภาพถ่าย ในวัยเด็ก ที่อยู่อาศัยหลักๆ ของเราคือบ้านยายและบ้านหลังเก่าที่อยู่พระประแดง สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่เราอาศัยอยู่มานานนับสิบปี ทำให้ได้คลุกคลีกับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมรอบๆ มาโดยตลอด จนเป็นเรื่องชินตาและซึมซับเข้าไปในความทรงจำมาเรื่อยๆ หรือแม้แต่วัตถุสิ่งของบางอย่างก็มีความทรงจำร่วมกับบุคคลในอดีต แต่หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นนทบุรี และทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หรือตอนที่นั่งในรถแล้วมองข้างทาง วัตถุสิ่งของต่างๆ ที่ถูกทิ้งไว้ก็ทำให้ความรู้สึกและบรรยากาศที่พระประแดงย้อนกลับคืนมาเป็นภาพจำเก่าที่ซ้อนทับขึ้นมาใหม่ในเหตุการณ์ปัจจุบัน ติดตามผลงานของ ณปภัช โสภณวิชาญกุล ต่อได้ที่ Instagram : hatebbroccoli และหากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่ [email protected] หรือ [email protected]
2023 Chinese Opera บันทึกเรื่องงิ้วปี 2566
เสียงการแสดงงิ้วจากเทปคาสเซ็ตที่ถูกเปิดโดยอากงของผมดังมาจากชั้นสองของบ้านในทุกๆ เช้าจนเป็นกิจวัตร ภาพของการปิดถนนเส้นเยาวราชจนถึงสำเพ็งเพื่อจัดงานฉลองเทศกาลตรุษจีน ขนมสาคูที่ต้มด้วยน้ำตาลกรวดและเปลือกส้มของเหล่าบรรดาแม่ยกที่ทำมาจากบ้าน เพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับคนที่มาร่วมงานศาลเจ้า ทั้งหมดนี้คือความทรงจำของผมที่มี ‘งิ้ว’ เป็นส่วนประกอบอยู่เสมอ ตั้งแต่ที่ผมย้ายออกจากบ้านที่สำเพ็งไปในช่วงวัยสิบสามปีก็ไม่เคยได้มีประสบการณ์ร่วมกับงิ้วอีกเลย จนกระทั่งปี 2563 ที่ทาง Documentary Club นำภาพยนตร์เรื่อง Farewell My Concubine ที่แสดงนำโดยเลสลี จาง มาฉาย ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าชมในตอนนั้น หลังออกมาจากโรงภาพยนตร์ก็เกิดคำถามขึ้นกับตัวเองมากมาย หนึ่งในคำถามนั้นคือ การแสดงงิ้วในไทยที่เราเคยเห็นเมื่อ 15 ปีก่อนตอนยังเป็นเด็ก ปัจจุบันนี้ยังมีอยู่ไหม เวลาผ่านไปสามปี ประจวบเหมาะกับแผนการทำโปรเจกต์พิเศษ Lost & Found ผมจึงถือโอกาสนี้มาหาคำตอบคลายความสงสัยของตัวเองที่ติดค้างมานาน ก่อนอื่นเลยผมต้องขอบคุณ ‘ท็อบ’ โปรดิวเซอร์หน้ามนคนรามคำแหงของ Urban Creature ที่คอยช่วยผมหาคณะงิ้วที่ยังอยู่และเป็นธุระติดต่อให้ และ ‘พี่พงษ์’ จากเพจใจรักงิ้วที่คอยแนะนำหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับงิ้วให้ผม ในช่วงเย็นวันหนึ่ง ผมนั่งมอเตอร์ไซค์จากคอนโดฯ ไปที่ศาลเจ้าปุนเถ้ากง ย่านสี่พระยา เพื่อไปดูการแสดงงิ้วของคณะซิงอี่ไล้เฮง เมื่อผมมาถึง คนแรกที่ได้เจอคือพี่พงษ์จากเพจใจรักงิ้วที่กำลังง่วนกับการประกอบโทรศัพท์เข้ากับขาตั้ง เพื่อเตรียมบันทึกการแสดงสดของวันนั้น ผมพูดคุยกับพี่พงษ์ได้ไม่นานเท่าไร ‘เจ๊กี’ เจ้าของคณะงิ้ว […]
Song from the Past เสียงเพลงจากวันวาน
เสียงขับร้องเพลงลูกกรุงที่ผมได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ขาของผมก้าวตามไปอย่างอดใจไม่ได้ อาจเพราะความทรงจำในวัยเยาว์ที่ทำให้ผมหวนรำลึกถึงท่วงทำนองและ เสียงเพลงอันคุ้นเคย ร้านคาราโอเกะเป็นแหล่งรวมตัวของผู้สูงอายุที่ล้วนมีความชอบในสิ่งเดียวกัน บางคนมาเพื่อร้องเพลง บางคนมาเพื่อนั่งฟัง และบางคนมาเพื่อคลายเหงา มาบ่อยจนสถานที่แห่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและความทรงจำ น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยถ้าสิ่งเหล่านี้กำลังจะสูญหายไปตามกาลเวลา เพราะสำหรับผม สิ่งเหล่านี้เปรียบได้ว่าเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ผมผ่านมาเพื่อบันทึกช่วงเวลาหนึ่งไว้เท่านั้น ทั้งหมดเกิดจากความบังเอิญอย่างไม่ตั้งใจ ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งเหมาะแก่การออกไปข้างนอก วันนั้นผมมีธุระที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไรนักที่ต้องออกไปทำ ผมโบกมือเรียกรถแท็กซี่จากหน้าคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านเตาปูน จุดหมายปลายทางคือวังบูรพา โชเฟอร์เลือกใช้เส้นทางผ่านหน้ารัฐสภา ซึ่งในเวลานั้นเองถนนเส้นนั้นมีการขุดถนนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่พอดี ฝุ่นตลบอบอวลไปทั้งสองข้างทาง บดบังทัศนียภาพอันแสนสดใสของวันนั้นไป เวลาล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงเศษๆ กับการที่ผมนั่งอยู่ในรถที่การสัญจรบนถนนเป็นไปอย่างยากลำบาก พร้อมกับสภาวะท้องไส้ปั่นป่วนของตัวเองที่ส่งสัญญาณให้รับรู้ว่าต้องการห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด ผมตัดสินใจบอกกับลุงโชเฟอร์ว่าขอลงรถตรงตลาดศรีย่าน ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวกับท่านผู้อ่าน เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความสงสัยกันไปมากกว่านี้ว่าตัวผมเองนั้นคือใคร มาจากไหน ผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เติบโตมาในย่านสำเพ็งเยาวราช พออายุสิบสามปีก็ย้ายที่อยู่มาอยู่แถวสี่แยกพิชัย (แถวๆ ตลาดศรีย่านนั่นแหละ) นั่นทำให้ผมมีความชำนาญพื้นที่ละแวกนั้นอยู่พอสมควร ผมรีบเดินปรี่เข้าไปหาห้องน้ำที่ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่แห่งหนึ่งในย่านนั้น ภาพในหัวของผมเมื่อเข้าไปที่ห้างฯ แห่งนั้น ทำให้นึกย้อนถึงวันวานสมัยยังเด็กที่ได้แวะเวียนมาใช้บริการและซื้อของเล่นเป็นบางครั้งบางคราว แต่นั่นเป็นเพียงภาพในความทรงจำเท่านั้น เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือภาพห้างฯ ที่เปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลย ศูนย์อาหารที่แทบจะร้าง ประตูมู่ลี่ของร้านค้าต่างๆ ปิดลง หลงเหลือไว้แต่ร่องรอยของป้ายที่บอกว่าร้านค้าเหล่านั้นเคยเป็นร้านเครื่องเสียงมาก่อน ในขณะเดียวกัน ผมได้ยินเสียงเพลงที่ไม่สามารถห้ามไม่ให้ตัวเองเดินตามเสียงเหล่านั้นไป “แม้นใจเอื้อเชื่อคำน้ำใจ จะไม่เปลี่ยนกลาย คล้ายน้ำตกหลั่งไหลไม่วาย รักคงไม่หน่ายแนบเคียงทุกครา ขอรักจนกว่าชีวาสลายลาญ” เนื้อเพลงท่อนหนึ่งจากเพลงวิมานรักห้วยแก้ว โดย […]
Urban Eyes 50/50 เขตสาทร
ในที่สุดโปรเจกต์ Bangkok Eyes ก็เดินทางมาถึงเขตที่ 50 ซึ่งเป็นเขตสุดท้ายแล้ว หลายคนอาจคุ้นเคยกันดีกับถนนสาทร ย่านธุรกิจชื่อดัง มีตึกสูงใหญ่ติดถนน และการจราจรที่หนาแน่นโดยเฉพาะช่วงเย็นวันศุกร์ แต่สิ่งหนึ่งที่บางคนอาจยังไม่ทราบคือ ถนนสาทรอยู่ติดกับ 2 เขต โดยมีคลองสาทรเป็นเส้นแบ่งเขต ทางสาทรเหนือจะอยู่ในเขตพื้นที่บางรัก ส่วนถนนสาทรใต้อยู่ในเขตพื้นที่สาทร เขตนี้กินพื้นที่จากถนนสาทรใต้ไปถึงถนนจันทน์ และมีอะไรให้ไปสำรวจมากกว่าการเป็นย่านเศรษฐกิจเท่านั้น ลองตามไปดูพร้อมๆ กัน ท่าเรือสาทร ━ ที่ท่าเรือใต้สะพานตากสินมีคนสัญจรไปมาตลอดเวลา ซีนช่วงเวลาเย็นแสงสวยเป็นพิเศษ เพราะมีแหล่งกำเนิดแสงทั้งหลอดนีออน หลอดไฟธรรมดาสีส้ม และแสงของท้องฟ้ายามเย็น ที่ผสมออกมาทำให้เกิดซีนแห่งแสง แถมจุดนี้คนก็ขึ้น-ลงเรืออยู่เป็นระยะ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีซับเจกต์อยู่ในภาพเลย วัดยานนาวา ━ วัดนี้มีจุดเด่นที่สังเกตได้ชัดคือพระเจดีย์บนเรือสำเภาสีขาวที่ตั้งอยู่กลางวัด แถมตัววัดยังอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีลานอยู่เลียบแม่น้ำ ที่จริงแล้ววัดนี้เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อก่อนชื่อ ‘วัดคอกควาย’ ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีก็ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง และมีชื่อใหม่ว่า ‘วัดคอกกระบือ’ จากนั้นในรัชกาลที่ 3 ท่านโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และสร้างเรือสำเภาเจดีย์ ขึ้นทีหลัง จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘วัดยานนาวา’ จนถึงปัจจุบัน สุสานวัดดอน (สุสานแต้จิ๋ว) ━ สุสานสาธารณะจีนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ชั้นใน […]
The Old Men and The Park สูงวัยในสวนสาธารณะ
ในเมืองใหญ่แห่งนี้มีพื้นที่สาธารณะที่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุให้ได้มาพบปะ สังสรรค์ ทำกิจกรรมร่วมกันค่อนข้างน้อย จะมีก็แต่สวนสาธารณะที่ดูเข้าถึงง่ายหน่อย ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักออกมาทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง รำมวยจีน เต้นลีลาศ หรือแอโรบิก บางคนมาเป็นประจำทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนเกษียณจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า 10 – 20 ปี แต่หากพูดถึงการเดินทางมาสวนสาธารณะ เราได้พูดคุยกับผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งที่มาสวนเป็นประจำ ได้รับคำตอบว่า เพราะสวนอยู่ใกล้บ้านมากๆ ทำให้พวกเขาเดินเท้ามาได้เลย ถึงอย่างนั้นกับบางคนก็ใช้ระยะเวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน มีความยากลำบากอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาก็ยอมเดินทางมา เพราะพื้นที่สวนสาธารณะในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีตัวเลือกมากมายขนาดนั้น เราคิดว่า ถ้ามีสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ มากขึ้นกว่านี้ก็คงดี เพราะนอกจากส่งผลดีต่อผู้สูงอายุในแง่พื้นที่การออกกำลังกายและนัดหมายพบปะเพื่อนฝูงแล้ว ยังทำให้วัยรุ่นและวัยทำงานได้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน แถมยังเป็นหนทางปลีกตัวออกจากสังคมเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แล้วมาผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ หากไปดูในต่างประเทศ ทุกชุมชนล้วนมีสวนสาธารณะขนาดย่อมตั้งอยู่ ทำให้ใครๆ ต่างอยากออกมาเดินเล่นและพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก หรือในบางประเทศที่ออกแบบสวนสาธารณะได้สวยงามมากๆ ก็ต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นได้ด้วย
Urban Eyes 49/50 เขตยานนาวา
วันนี้เราขยับเข้ามาใจกลางเมืองกับเขตยานนาวากัน ถ้าจะให้นึกง่ายๆ ว่าถนนนี้อยู่ตรงไหน ก็คงบอกว่าอยู่ระหว่างเส้นถนนพระรามที่ 3 กับเซ็นทรัล พระราม 3 และเลยไปถึงถนนนราธิวาสฯ อีกหน่อย บริเวณเลียบถนนพระรามที่ 3 มีวัดต่างๆ เรียงรายอยู่เต็มไปหมด บางวัดมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ช่วงกลางๆ ของพื้นที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย บรรยากาศค่อนข้างเงียบ จะมาคึกคักก็ช่วงบริเวณถนนสาธุประดิษฐ์ โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ แถวตลาดนัดใกล้กับตลาดรุ่งเจริญ แถมยังมีสวนสาธารณะบรรยากาศดีๆ ใต้วงแหวนอุตสาหกรรมอีกด้วย ว่าแต่เราไปสำรวจที่ไหนของเขตยานนาวามาบ้าง ไปชมพร้อมๆ กัน วัดปริวาสราชสงคราม ━ วัดนี้เป็นวัดใหญ่และมีจุดเด่นอยู่ที่โบสถ์กลางวัด เนื่องจากรอบโบสถ์นั้นมีรูปปั้นซูเปอร์ฮีโร่และคาแรกเตอร์แปลกประหลาดอยู่เยอะ แถมในโบสถ์ยังมีรูปของคนดัง เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, พระเยซู, เจงกิส ข่าน เป็นเหมือนดังกุศโลบายที่ชักชวนให้คนเข้าวัดมาชมศิลปะต่างๆ แถมได้บุญกลับบ้านด้วย แต่นอกจากโบสถ์กลางวัดแล้ว ที่นี่ยังมีจุดให้อาหารปลาที่จะมีนกพิราบตามมาเยอะพอสมควร เผลอๆ เราอาจได้ซีนนกพิราบกับคนให้อาหารปลาก็เป็นได้ เพียงแต่อาจต้องระมัดระวังตัวจากนกพวกนี้ซะหน่อย วัดช่องนนทรี ━ ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ของเขตนี้ เมื่อเราเข้าไปจะเจอกับเจดีย์โบราณตั้งอยู่ทางขวามือ แล้วถ้าเลยเข้าไปก็จะเจอกับโบสถ์ใหญ่โตน่าเข้าไปกราบไหว้ ส่วนบริเวณรอบวัดเป็นชุมชนที่คนไม่ได้พลุกพล่านมากนัก ตลาดรุ่งเจริญ ━ เราแวะไปช่วงเย็นที่ในตลาดไม่ค่อยมีอะไรขายสักเท่าไหร่ แต่โดยรอบตลาดมีแผงแม่ค้ามาเปิดอยู่ อาหารของกินเต็มไปหมด […]