จะเป็นอย่างไรหากเราต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวโดยไม่ออกไปไหนเลย เราจึงพาคุณเดินทางไปยังรัฐอะแลสกา (Alaska) ประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นที่ตั้งของ ‘Begich Towers Condominium’ ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเมือง 14 ชั้นที่อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน เพื่อแอบส่องการใช้ชีวิตไปยันแผนการจัดการ ว่าเขาอยู่กันได้อย่างไรในพื้นที่ที่จำกัดแบบนี้
| Focusing on Whittier
ถึงเวลาออกไปค้นหาเรื่องราวในเมือง ‘วิตทิเออร์’ (Whittier) เมืองท่าเล็กๆ แห่งรัฐอะแลสกา อันเป็นที่ตั้งของเมืองที่ถูกขนานนามว่า ‘เมืองหลังคาเดียวกัน’ หรือในชื่อจริง Begich Towers Condominium หากย้อนเวลากลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ท่ามกลางมหาสมุทรธารน้ำแข็ง และน้ำตกที่ปกคลุมด้วยภูเขาสูงตระหง่าน กลับเป็นที่ตั้งของอาคาร Begich Towers Condominium ซึ่งมีจุดกำเนิดจากกองทัพสหรัฐอเมริกาที่เริ่มสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารกับท่าเรือ รวมถึงทางรถไฟเพื่อเป็นจุดขนส่งสินค้าและลำเลียงสิ่งของก่อนเข้าสู่เมือง
เมื่อพูดถึงภูมิอากาศของอะแลสกา หลายคนก็คงนึกว่ามีแต่อากาศหนาวเย็น แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วงฤดูร้อนที่นี่จะมีแสงแดดส่องลงมามากถึง 22 ชั่วโมงต่อวัน แถมในฤดูหนาวก็โหดเอาการ เพราะเราอาจเห็นหิมะตกได้สูงถึง 250 นิ้วเลยทีเดียว ทั้งยังผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาอย่างโชกโชน ทั้งระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ แต่ตึกก็ยังคงสตรองไม่เคยเปลี่ยน ส่งต่อกันหลายต่อหลายรุ่น จนกลายเป็นเมืองที่มีทุกอย่างอยู่ในตึกกับประชากรเพียง 200 กว่าคนในปัจจุบัน
| Focusing on Begich Towers Condominium
คำว่า ‘เมือง’ ในความคิดของใครหลายคนอาจจะต้องกินพื้นที่กว้างขวาง แต่นั่นไม่ใช่นิยามของ ‘เมืองหลังคาเดียวกัน’ เพราะเมืองนี้มีความสูงเพียง 14 ชั้นเท่านั้น ซึ่งนอกจากที่อยู่อาศัยแล้ว ภายในอาคารยังแบ่งสัดส่วนอย่างหลากหลาย ทั้งโรงเรียน ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านค้าขายของชำ โรงพยาบาล ร้านซักรีด โบสถ์ขนาดเล็ก ห้องประชุม ไปจนถึงสระว่ายน้ำในร่ม เรียกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
จึงทำให้การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ รวมถึงการประกอบอาชีพก็อยู่ในตึก Begich Towers Condominium เรียกว่าเป็นเมืองที่ครบวงจรในหนึ่งเดียว หากมองจากมุมที่ต่างออกไป อาจสงสัยว่าการใช้ชีวิตภายในตึกเดียวจะสะดวกสบายแค่ไหนกัน จริงๆ แล้วการอยู่อาศัยของคนที่นี่ทำให้เห็นถึงความสุขที่มีระยะห่างที่พอดี บางคนอาจคิดว่าที่นี่เป็นเมืองแออัด แต่ไม่ใช่เลย สมาชิกของที่นี่จะได้สิทธิ์อาศัยในห้องพักส่วนตัวโดยจำกัดจำนวนคน และแต่ละห้องก็ได้รับสิทธิ์ในพื้นที่สำหรับเก็บของซึ่งแยกออกจากตัวห้องพักด้วย และผู้พักอาศัยทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎของที่นี่อย่างเคร่งครัด เหมือนกับการอยู่คอนโดฯ เลยล่ะ
โดยเหตุผลที่ผู้คนเลือกที่จะอาศัยอยู่ในตึกตึกเดียว เพราะในฤดูหนาวอากาศจะหนาวแบบโหดร้ายมาก และด้วยสภาพภูมิประเทศจะมีลมพัดแรงเป็นพิเศษ ส่งผลให้เมืองถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ แต่ผู้คนยังคงสามารถอาศัย ทำงาน เรียน และประกอบกิจกรรมอื่นได้สบายๆ เพราะทุกอย่างนั้นอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน
| Focusing on the Management
สำหรับการอยู่อาศัยร่วมกัน ไม่ว่าจำนวนผู้อยู่อาศัยจะมากหรือน้อย ความมีระเบียบวินัยและการเคารพกฎซึ่งกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สังเกตได้จากการวางกฎของที่ Begich Towers Condominium ค่อนข้างเข้มงวด หากมีการกระทำผิดเกิดขึ้น แต้มสำหรับแต่ละบ้านก็จะลดลง ซึ่งอาจมีผลกับการพิจารณาต่อสิทธิ์การอยู่อาศัยต่อไปด้วย รวมถึงการปล่อยให้คนภายนอกเข้าเยี่ยมชมต้องได้รับการอนุญาตจากลูกบ้านทุกคนก่อน และจำกัดจำนวนอย่างแน่ชัด
อีกทั้งการเดินทางมาเมืองวิตทิเออร์ค่อนข้างยากลำบากอยู่เหมือนกัน ด้วยลักษณะพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง วิธีเดียวที่จะไปถึงได้คือการลอดผ่านอุโมงค์ ‘Anton Anderson Memorial Tunnel’ ที่อยู่ใต้ภูเขานั้น มีความยาวถึง 13,000 ฟุต และมีลักษณะค่อนข้างแคบ
จึงอนุญาตให้มีการเดินทางในทิศทางเดียวเท่านั้น ทั้งรถยนต์และรถไฟจะใช้ถนนร่วมกันใน 1 เลน ไม่สามารถสวนกันได้ รวมถึงมีเวลาเปิด-ปิดทางเข้าอย่างชัดเจน ตั้งแต่ 05.30 – 23.00 น. ดังนั้นจึงต้องมีการจัดตารางเวลาการเดินรถ ทั้งเข้า-ออกอุโมงค์เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ล้นเมืองในอนาคตด้วย เรียกว่าแผนการจัดการของคนที่นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
| Focusing on the Sustainable Tourism
เมื่อพูดถึงเมืองวิตทิเออร์ อาจจะคุ้นหูสำหรับบรรดานักท่องเที่ยวตัวยง เพราะที่นี่เป็นประตูสู่อ่าว ‘Prince William Sound’ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะและแม่น้ำ วิวสวยจนแทบลืมหายใจ ถือเป็นเมืองท่าของทัวร์เลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่มาอะแลสกาเพื่อล่องเรือสำราญ ส่วนใหญ่ก็ต้องมาลงเรือกันที่นี่ จึงทำให้ตึก Begich Towers Condominium ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย
จากที่อยู่อาศัยของคนไม่กี่ร้อยคน แต่กลับเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวมากถึง 900,000 คนต่อปี ทำให้บรรดาเหล่าผู้อยู่อาศัยก็ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยผู้พักอาศัยเริ่มเปิดห้องให้คนเช่าแบบ Bed and Breakfast กันมากขึ้น เริ่มมีการตั้งกฎระเบียบสำหรับนักท่องเที่ยว และที่สำคัญคือการควบคุมปริมาณไม่ให้มากจนแออัดเกินพอดี แถมระหว่างการเยี่ยมชมที่พักยังมีการพูดคุยและบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของตึกนี้ให้ฟังด้วย เหมือนเราไปเยี่ยมญาติมากกว่าไปเที่ยวซะอีก
Sources :
Anchorage Daily News | bit.ly/2WpYNqJ
Dailybreak | bit.ly/2UmGUX5
Daily Mail | dailym.ai/2J5eETq
Insider | bit.ly/3bd5oJb
NPR | n.pr/3deu45V
OntheRoadStory | ontheroadstory.com/alaska-ep4/
Steemit | bit.ly/3b9r48Y
Wikipedia | bit.ly/2QGmuXZ