เราเคยจินตนาการภาพของการนั่งเรือออกไปยังแม่น้ำผืนกว้างใหญ่ มันคงเงียบสงบ และเป็นช่วงเวลาที่ได้ปล่อยทิ้งความไม่สบายใจทุกอย่างออกไป โดยภาพที่คิดไว้เทียบไม่ได้กับของจริงซึ่งเรามีโอกาสได้สัมผัสที่ ‘ปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง’ จังหวัดฉะเชิงเทรา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าครั้งหนึ่งจะได้นั่งเรือประมง ออกไปยังปากอ่าวที่อีกฝั่งเป็นแม่น้ำและอีกฝั่งไหลออกไปยังอ่าวไทย ทั้งยังได้คุยกับชาวประมงถึงวิถีชีวิตริมน้ำบางปะกงที่ว่ากันว่า น้ำจะขึ้นๆ ลงๆ อยู่เสมอ พร้อมกับทดลอง ‘นอนบนเรือ’ ที่รายล้อมด้วยสายน้ำ และบรรยากาศของป่าชายเลน
บางปะกงที่รัก
สำหรับเราที่เป็นคนฉะเชิงเทรามาตั้งแต่เกิด แม่น้ำบางปะกงคือแม่น้ำสายแรกที่สายตาได้สัมผัส พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าเด็กๆ เวลาขับรถขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง เรามักพูดว่า “มีน้ำ มีปลาเต็มเลย” คงมาจากการได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของสายน้ำ
โดยแม่น้ำบางปะกงเป็นแม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออก ซึ่งทอดตัวยาวไหลไปถึงจังหวัดปราจีนบุรี และจะเปลี่ยนชื่อเป็นแม่น้ำปราจีนบุรีเมื่อไหลไปถึงถิ่นนั้น และยังเชื่อมต่อไปยังอ่าวไทยที่ตำบลท่าข้าม อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงทำให้แม่น้ำสายนี้มีทั้งน้ำจืด และน้ำกร่อย โดยจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของน้ำทะเลเข้าหนุน ทั้งบริเวณชายฝั่งของแม่น้ำบางปะกงยังมี ‘ป่าชายเลน’ ระบบนิเวศที่เกิดจากการตกตะกอนของสายน้ำบางปะกง ซึ่งเป็นแหล่งของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ และพรรณไม้นานาชนิด
วิถีริมน้ำ
เพราะความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำบางปะกง และธรรมชาติที่รายล้อม ทำให้แม่น้ำบางปะกงเป็นสายน้ำเย็นที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนริมฝั่งที่สืบทอดประเพณีโบราณ อย่างพิธีแห่หลวงพ่อโสธรทางน้ำ ที่จัดต่อเนื่องกันมากว่า 100 ปี เพื่อล่องไปตามเส้นแม่น้ำบางปะกง ให้ผู้คนสองฟากฝั่งได้สักการบูชา ทั้งยังมีเทศกาลแข่งเรือยาวซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวฉะเชิงเทราที่มีความผูกพันกับแม่น้ำบางปะกงมาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้แม่นำ้บางปะกงยังเป็นเส้นทางสัญจรครั้นอดีตถึงปัจจุบัน เป็นแหล่งอาหารให้ชาวบ้านและสัตว์มากมาย เป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับใช้ในการทำเกษตรกรรม รวมถึงเป็นปากท้องของ ‘ชาวประมง’ ที่ใช้ชีวิตคู่แม่น้ำบางปะกง และถูกส่งต่อรุ่นสู่รุ่นถึงปัจจุบัน ที่เรายังคงเห็นภาพเรือประมงออกหาปลาตั้งแต่เช้ามืด พลบค่ำ ไปจนถึงดึกดื่น จนกลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์แห่งลุ่มน้ำที่มองได้ไม่มีเบื่อ
ประมงพื้นบ้านในแม่น้ำที่ขึ้นๆ ลงๆ
เมื่อพูดถึงการทำประมง ผู้ที่รู้เรื่องการทำประมงพื้นบ้านได้อย่างลึกซึ้งเกินใครต้องเป็น ‘ชาวประมง’ ผู้อยู่กับน้ำมาตั้งแต่เกิด การมาเยือนปากอ่าวบางปะกงครั้งนี้ เราจึงแวะไปที่หมู่บ้านคลองเขต ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง เพื่อพูดคุยกับ ‘พี่เกิ๊ก’ ลูกหลานชาวประมงที่ขับเรือออกสู่ปากอ่าวมานานถึง 25 ปี
“บางปะกงนี่น้ำขึ้นลงไม่เป็นเวลานะ เอาแน่เอานอนกับแม่น้ำไม่ได้เลย (หัวเราะ)” คำตอบของพี่เกิ๊กเมื่อเราถามว่า เนื้อเพลงที่ร้อง “บางปะกงน้ำคงขึ้นๆ ลงๆ” นั้นเป็นจริงหรือเปล่า ก่อนตามมาด้วยเรื่องเล่าเคล้ากับบรรยากาศหลังฝนตกบนเรือประมงที่พี่เกิ๊กขับเรือพาเรามุ่งหน้าอออกสู่ปากอ่าว
พี่เกิ๊กเล่าว่า หมู่บ้านคลองเขต ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวบางปะกงมายาวนานกว่า 80 ปี ซึ่งครอบครัวตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ทำอาชีพประมงจนเลี้ยงให้พี่เกิ๊กเติบโตเป็นชาวประมงพื้นบ้านรุ่นต่อมา ที่ได้วิชาหาปลาติดตัว และเตรียมส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง
“พ่อกับแม่สอนว่า เวลาออกหาปลาให้ออกเรือตอนทุ่มนึงถึงสองทุ่ม หรือเวลาอื่นที่ขึ้นอยู่กับช่วงน้ำขึ้น น้ำลงด้วยนะ แล้วก็เอาอวนไปวางไว้แถวปากอ่าว พอเช้ามืดอีกวันช่วงตีห้าก็มากู้อวนขึ้น แล้วก็ไปแยกประเภท ส่งขายตลาดบางปะกง”
นอกจากนี้ช่วงหน้าหนาว เขายังเล่าถึงเสน่ห์ที่มาเฉพาะฤดูกาลอย่าง โลมาสีดำ โลมาสีเผือก และ โลมาสีชมพู สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่จะว่ายตามกระแสน้ำมาจากเขาสามมุก จังหวัดชลบุรี ฝั่งอ่าวไทย เข้ามาหาปลากินในช่วงฤดูหนาวที่น้ำเค็มรุกเข้าน้ำจืด
ระหว่างทางนั่งเรือกลับเข้าฝั่ง เราผ่านป่าชายเลนที่ถูกล้อมด้วยเสาไม้ไผ่ พร้อมเจ้านกกระยางตัวสีขาวนวลเกาะเกี่ยว จึงถามพี่เกิ๊กออกไปว่า เมื่อก่อนป่าชายเลนแถวปากอ่าวบางปะกงเป็นอย่างไรบ้าง
“เมื่อก่อนแม่น้ำสมบูรณ์กว่านี้ มีทรัพยากรธรรมชาติเต็มไปหมดเลยนะ ปลากระพง กุ้งแม่น้ำ ปลากด ปลากระบอกมีเยอะแยะ ป่าชายเลนก็สมบูรณ์ มีปลาตีน ต้นจาก หาของได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้มันน้อยลงไปมากเลย”
หลังกลับจากล่องเรือที่ปากอ่าว เรือจอดเทียบท่าที่สะพานหน้าบ้านชาวประมง เราได้เห็นรายละเอียดของบ้าน ที่เต็มไปด้วยเหล่าไม้ไผ่ปักลงน้ำ ซึ่งพี่เกิ๊กเล่าว่า ภูมิปัญญาการสร้างบ้านของชาวประมงถูกถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งสิ่งสำคัญคือการสร้างบ้านใต้ถุนสูง โดยใช้ไม้ไผ่แท่งยาวปักลงเลนเป็นหลัก แล้วเอาเชือกมามัดให้เป็นกอใหญ่ ส่วนพื้นใช้ไม้กระดานทั่วไป และหน้าบ้านทุกบ้านจะมีสะพานไม้อยู่ด้านหน้า เพื่อใช้ขึ้นปลา และผูกเรือกับเสา
แน่นอนว่าเมื่อชีวิตผูกพันกับสายน้ำมาตั้งแต่อดีต ของคู่กันมาคงหนีไม่พ้นน้ำท่วม จึงอยากรู้ว่าชาวประมงเขามีวิธีรับมืออย่างไร เพื่ออยู่กับน้ำได้อย่างรอดฝั่ง “ก็แค่อยู่กับมันให้ได้” พี่เกิ๊กตอบกลับมาอย่างปนขำ ก่อนบอกกับเราต่อว่า
“ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับแม่น้ำ เพราะเราก็พึ่งพาเขา ใช้น้ำเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิต ซึ่งมันเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย มีให้พออยู่พอกินก็มีความสุขแล้ว”
ทดลองอยู่กับน้ำ
“ที่พักริมน้ำ บรรยากาศร่มรื่น สัมผัสธรรมชาติปากอ่าวบางปะกง”
ข้างกันกับสะพานที่เราขึ้นจากเรือประมง คือบริเวณของ ‘รตะธารา รีสอร์ท’ ที่เราจะมาทดลองอยู่กับน้ำในครั้งนี้ โดย ‘คุณเพ็ญ’ ผู้เป็นเจ้าของได้แรงบันดาลใจการเปิดรีสอร์ทจากความสวยงามของแม่น้ำหลายสายในไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘แม่น้ำบางปะกง’ เลยอยากสร้างที่พักริมน้ำ เพื่อให้คนหลบหนีความวุ่นวาย มาพักใจที่ปากอ่าวบางปะกง พร้อมทำความรู้จัก และสัมผัสความสวยงามของแม่น้ำที่เรียบง่าย และร่มรื่น ซึ่งสำหรับเราที่เคยมาครั้งแรก รับรู้ได้ถึงความเรียบง่ายและแสนสงบตั้งแต่ได้ก้าวเข้ามายังรตะธารา รีสอร์ทเลยทีเดียว
ถึงเวลาพักผ่อนหย่อนใจ เราเลือก ‘บ้านเรือ’ ซึ่งเป็นห้องพักที่ปรับจากเรือจริง เพราะอยากให้ผู้ที่มาได้สัมผัสการพักบนเรือริมน้ำ ที่ให้ความรู้สึกราวกับได้นอนท่ามกลางสายน้ำเย็น ส่วนห้องพักอีกแบบคือ ‘บ้านรีสอร์ท’ ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันแสนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นป่าโกงกาง ปูก้ามดาบ ปลาตีน และหิ่งห้อยตัวจิ๋วยามค่ำคืนคืน
เดินลัดเลาะเข้าสะพานเล็กๆ ด้านข้าง ก่อนก้าวเท้าลงบ้านเรือที่จอดเทียบท่าหันหน้าเข้าสู่วิวแม่น้ำบางปะกง ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย พร้อมมุมนั่งเล่นด้านหน้าบริเวณหัวเรือสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ที่รตะธารา ยังมีแอคทิวิตี้ให้สนุกกันในลุ่มน้ำบางปะกง ทั้งกิจกรรมเชิงอนุรักษ์อย่างการปลูกป่าชายเลน ส่องสัตว์ที่เกาะนก นั่งเรือเที่ยวชมธรรมชาติที่ปากอ่าว และชมปลาโลมาในหน้าหนาว รวมถึงกิจกรรมสนุกๆ อย่างพายเรือคายัค และตกปลา
เมื่อท้องหิว ‘ครัวระเบียงน้ำ’ ของรตะธาราเปิดต้อนรับ อาหารรสอร่อยที่ใช้วัตถุดิบสดๆ ซึ่งรับซื้อจากชาวประมงพื้นบ้านบริเวณปากอ่าว เมื่อนำมารวมกับฝีมือของแม่ครัวที่อร่อย ยิ่งเป็นจานอาหารที่ชวนหิวยั่วน้ำลาย ต้มส้มปลากระบอก หลนปูพร้อมผักสด และกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาถูกยกมาเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ และแน่นอนว่าเมนูแรกที่เราชิมคือ ‘ต้มส้มปลากระบอก’ น้ำแกงรสจัดจ้าน หอมเครื่องเทศ พร้อมปลากระบอกชิ้นโต ต่อกันด้วย ‘หลนปู’ ที่ใส่เนื้อปูมาล้นถ้วย เนื้อหลนเข้มข้นแกล้มกับผักสดกรอบอร่อย และจานสุดท้ายกับ ‘กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา’ เมนูง่ายๆ ที่ทำให้อร่อยยาก แต่ที่ครัวระเบียงน้ำทำออกมาได้หอมน้ำปลา และเนื้อกะหล่ำปลียังกรอบไม่ช้ำเลยทีเดียว
“เรามีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ได้เห็นคนที่แวะเวียนมารู้สึกสบายใจ มีรอยยิ้ม และมีความสุขกลับบ้านติดไป” นี่คือประโยคส่งท้ายจากพี่เพ็ญที่บอกกับเราก่อนจากกัน
ถ้าเข้าใจเราจะอยู่ร่วมกันได้
การได้มาทดลองอยู่กับน้ำที่ปากอ่าวบางปะกง พร้อมสัมผัสวิถีประมงพื้นบ้านครั้งนี้ ทำให้เราได้รับรู้ถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างผู้คนและแม่น้ำมากยิ่งขึ้น ทั้งยังได้เห็นการใช้ชีวิตอยู่กับน้ำอย่างพึ่งพากัน จนกลายเป็นวิถีชีวิตที่สมบูรณ์ตามแบบฉบับแม่น้ำบางปะกง ไม่เพียงเท่านั้นภาพบรรยากาศของปากอ่าวที่เราได้นั่งเรือออกไปให้เห็นด้วยสองตา คือช่วงเวลาที่ล้ำค่าเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ เรียกว่าเป็นของขวัญชีวิตเลยล่ะ