Electronic Cigarette : บุหรี่ไฟฟ้าคือทางออกจริงหรือไม่ ?
ถ้าหากพูดถึงวิธีการเลิกบุหรี่อย่างการหักดิบหลายคนคงรู้จักดี แล้วถ้าพูดถึงแนวทางการเลิกบุหรี่อย่าง ‘Harm Reduction’ ล่ะ มีใครรู้จักกันบ้างไหม ? ไม่แปลกหากเราจะนึกถึงวิธีการเลิกบุหรี่แบบอื่นๆ ไม่ออก เพราะในบ้านเราก็ไม่มีทางเลือกหรือตัวช่วยในการเลิกบุหรี่มากนัก แต่ในต่างประเทศนั้นแนวทางที่เรียกว่า ‘Tobacco Harm Reduction’ หรือแนวทางการลดอันตรายจากควันบุหรี่กำลังกลายเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก ปัจจุบันในหลายประเทศได้นำบุหรี่ไฟฟ้ามาปรับใช้กับนโยบายควบคุมยาสูบ ด้วยการสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการเลิกบุหรี่แต่ไม่สามารถเลิกได้ หรือผู้ที่ยังไม่พร้อมจะเลิกบุหรี่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ ซึ่งโรคส่วนใหญ่ที่ว่านั้นก็เกิดจากการได้รับสารพิษ จากการเผาไหม้ในบุหรี่ ซึ่งก็คือควันบุหรี่นั่นเอง อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นมาได้ไม่นานมากนัก จึงยังไม่มีรายงานถึงผลการใช้งานในระยะยาว เพราะกว่าจะเกิดโรคนั้นใช้เวลานานหลายสิบปี แต่มีหลายผลงานวิจัยกล่าวถึงการใช้งานระยะสั้น ที่ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา เพราะไม่มีการเผาไหม้ ซึ่งปัจจุบันในหลายประเทศอย่างอังกฤษ นิวซีแลนด์ และอีกหลายประเทศในยุโรป รวมไปถึงประเทศอเมริกา ก็เชื่อมั่นว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข หากมีการควบคุมอย่างเหมาะสม อีกทั้งจะสามารถช่วยลดอันตรายที่เกิดจากควันซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ในขณะเดียวกันสาธารณสุขในหลายๆประเทศก็เชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้น นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับรัฐเมื่อมีการจัดเก็บภาษีตามความเหมาะสมแล้ว ยังจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทางภาครัฐในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ที่เจ็บป่วยจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่อีกด้วย เนื่องจากการเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะผู้สูบบุหรี่นั้นเสพติดนิโคตินไปแล้ว จะมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่จึงก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ยาสูบออกมาหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ คือการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพให้กับนักสูบ ด้วยการตัดตัวการหลักที่ทำให้เกิดโรคอย่าง ‘การเผาไหม้’ ออกไป เพราะการเผาไหม้ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสารพิษนานาชนิด อันเป็นสารก่อมะเร็งที่ออกมากับควันบุหรี่นั่นเอง บุหรี่ไฟฟ้า | คืออะไร บุหรี่ไฟฟ้า : Electronic Cigarette หรือที่นิยมเรียกว่า Vaporizers เป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนจากแบตเตอรี่ ทำให้ขดลวดในอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าเกิดความร้อน เปลี่ยนน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าให้กลายเป็นไอน้ำ เกิดเป็นกระบวนการนำส่งนิโคตินเข้าสู่ร่างกาย โดยปราศจากการเผาไหม้ ซึ่งการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้น จะทำให้ผู้สูบบุหรี่ได้รับประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการสูบบุหรี่แต่ได้รับสารพิษน้อยกว่ามาก และผู้สูบสามารถเลือกระดับนิโคตินได้ตามความต้องการ ไปจนถึงแบบที่ไม่มีนิโคตินเลย สารพิษ | ในบุหรี่ไฟฟ้า หลายคนยังมีความสงสัยว่าจริงๆ แล้วบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยจริงหรือไม่ ? สิ่งสำคัญของบุหรี่ไฟฟ้านั้นคือน้ำยา (E-Liquid หรือ E-Juice) เป็นสิ่งที่ใช้คู่กับบุหรี่ไฟฟ้า โดยน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านี้มีส่วนประกอบของนิโคตินเหลว(หรือจะไม่มีก็ได้) ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้ามาทดแทนการใช้ใบยาสูบ เท่ากับเป็นการตัดขั้นตอนการเผาไหม้ใบยาสูบที่มีในบุหรี่ อันเป็นต้นกำเนิดของสารเคมีกว่า 4,000 ชนิด รวมไปถึงสาร ‘ทาร์ หรือ น้ำมันดิน’ ที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นสารพิษ ซึ่งก่อให้เกิดโรคร้ายรวมถึงโรคมะเร็งด้วย อย่างไรก็ตามยังมีผู้คนจำนวนมหาศาลเข้าใจผิดว่า ‘นิโคติน’ คือสาเหตุของโรคร้ายซึ่งรวมถึงโรคมะเร็ง ทั้งที่ความเป็นจริงนิโคตินเป็นเพียงสารที่ก่อให้เกิดการเสพติด นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของ ‘Vegetable Glycerin’ กลีเซอรีนจากพืช เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มาจากน้ำมันที่ได้จากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ถูกใช้เป็นตัวให้ความหวาน (Sweetener) และเป็นส่วนผสมชนิดหนึ่งในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ ‘Propylene Glycol’ หรือเรียกว่า PG เป็นสิ่งที่ใช้เป็นตัวทำละลายหรือเจือจางวัตถุดิบและสารเคมีประเภทต่างๆในการผลิต ยา อาหาร เครื่องสำอางค์ ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ในขณะที่ทางอเมริกาเริ่มมีการควบคุมการเข้าถึงของเยาวชนอย่างจริงจัง โดยทางองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายควบคุมเรื่องการห้ามจำหน่ายกลิ่นที่ดึงดูดเยาวชน และเคร่งครัดให้ร้านค้าหรือผู้จำหน่ายต้องมีการตรวจอายุผู้ซื้อว่าถึงเกณฑ์หรือไม่ บุหรี่ไฟฟ้า | ข้อดี – ข้อเสียที่ควรรู้ อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคงคนเกิดคำถามว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาหรือเปล่า ? ซึ่งเราเชื่อว่า มีหลายความเห็นถูกปล่อยออกมาบ้างว่ามันอันตรายน้อยกว่า เพราะไม่มีการเผาไหม้ที่ก่อให้เกิดสารเคมี แต่บ้างก็ว่ามันไม่ต่างกัน เพราะสุดท้ายเราก็อัดนิโคตินเข้าไปในร่างกาย แต่สุดท้ายก็ยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ลองมาดูข้อดี – ข้อเสียของบุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่ต้องเทียบกับบุหรี่ธรรมดา เพื่อจะได้คิด วิเคราะห์ตามหลักความจริงที่มันเป็น ข้อดี 1. บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา ข้อนี้สามารถยืนยันได้ด้วยผลการทดลองของ ‘ดร.ไลออน ชาฮับ’ นักวิจัยจากยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (ยูซีแอล) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา นั่นเพราะ มันไม่ผ่านกระบวนการเผาไหม้ จึงทำให้ปลอดจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) หรือสารพิษอื่น ๆ ทั้งยังหมดปัญหาหาควันบุหรี่มือสองที่ผู้ไม่ได้สูบอาจได้รับหากอยู่ใกล้ และบุหรี่มือสาม สารตกค้างที่ติดตามเสื้อผ้า รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ใกล้ตัวผู้สูบ 2. บุหรี่ไฟฟ้าช่วยนำส่งนิโคตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทนอื่นๆ อ้างอิงจากงานวิจัยโดย The National Institute for Health Research and Cancer Research UK พบว่ากลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลิกบุหรี่ได้มากกว่ากลุ่มที่ใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทนเป็น 2 เท่า แต่ทั้งนี้ต้องเข้ารับบริการรับคำแนะนำด้านพฤติกรรมบำบัดจากศูนย์เลิกบุหรี่ของระบบสุขภาพประเทศอังกฤษไปพร้อมๆ กัน 3. บุหรี่ไฟฟ้า ตัวช่วยเลิกสูบบุหรี่ สำหรับใครที่กำลังคิดจะลด ละ เลิกสูบบุหรี่ธรรมดา แต่ไม่อยากหักดิบถึงขั้นเลิกไปเลย บุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือก โดยมีผลยืนยันจากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันในรัฐแคลิฟอร์เนียจำนวน 1,000 คนที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันเป็นเวลา 1 ปี พบว่าร้อยละ 60 มีแนวโน้มที่จะเลิกสูบบุหรี่และลดปริมาณในการสูบลงได้ ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังสามารถปรับระดับนิโคตินได้จนเหลือศูนย์ได้อีกด้วย ข้อเสีย 1. อาจพบโลหะหนักในบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าถึงแม้จะอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ งานวิจัยจำนวนหนึ่งพบว่ายังสามารถพบสารโลหะหนัก และสารพิษได้ ถึงแม้จะพบได้น้อยกว่าในบุหรี่มวน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของอุปกรณ์และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จึงทำให้องค์การอาหารและยา (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตรวจสอบ โดยเรียกร้องให้บริษัทที่ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าส่งรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคด้วย อย่างไรก็ตามการกำหนดมาตรฐานการผลิตของอุปกรณ์ที่ใช้ให้เป็นไปตามมาตรฐาน จะช่วยลดปริมาณของโลหะหนักได้ 2. การใช้นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเสี่ยง เสี่ยงอาการหัวใจวาย ถึงแม้ว่านิโคตินจะไม่ใช่ตัวการหลักที่ทำให้เกิดโรคในบุหรี่มวน และปริมาณนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าก็สามารถปรับระดับได้ จนถึงระดับว่าไม่มีเลยก็ได้นั้น อย่างไรก็ตามก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ หากเกิดการใช้เกินปริมาณที่พอเหมาะ หรือใช้ในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงก็ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น กลุ่มคนมีภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มสตรีตั้งครรภ์ รวมถึงเยาวชน ทั้งนี้ในบางประเทศอย่างเช่นญี่ปุ่นก็มีการกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยจะต้องมีแพทย์ช่วยกำกับควบคุมการใช้นิโคตินอย่างเหมาะสม 3. บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายถ้าอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าถ้าไม่มีมีมาตรฐานอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ อย่างที่เคยเห็นกันในข่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้าระเบิดบ้าง หรือเกิดสารโลหะหนักบ้างอย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศออกมากำหนดมาตรฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายเหล่านี้ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเดิมทีมีการแบนการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศ ก็แถลงการณ์ว่าจะยกเลิกการแบนและเปลี่ยนเป็นกำหนด ให้ผู้ผลิตทั้งหลายต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่หน่วยงานควบคุมสินค้าออกกฎไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับใบรับรองในการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่นี้จะเริ่มใช้ในเดือนเมษายน case study | ประเทศอังกฤษ ส่งเสริมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการเลิกบุหรี่ รัฐบาลอังกฤษส่งเสริมให้ผู้ที่สูบบุหรี่อยู่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เป็นทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่า หรือถ้าใครอยากจะเลิกก็สนับสนุนให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วย นอกจากนี้ งานวิจัยของสาธารณสุขประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่จริงถึง 97% และคนส่วนใหญ่ใช้เพื่อเลิกสูบบุหรี่จริง ไม่ใช่กลุ่มคนใหม่ที่หันมาอยากลองสูบบุหรี่ […]