‘ซีเรียล’ อาหารเช้าแสนง่ายที่ได้มายาก - Urban Creature

ซีเรียล อาหารเช้ารองท้องในยามเร่งรีบ ยังคงยืนหนึ่งในใจสำหรับใครหลายคนที่มักคิดเมนูไม่ออก แต่รู้หรือเปล่าว่า กว่าจะมาเป็นซีเรียลให้เราเห็นหน้าคร่าตา และได้ลิ้มรสกันนั้น แท้จริงแล้วสมัยก่อนผ่านการต่อสู้มาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นการปฏิวัติด้านอาหารอันร้อนแรงในสหรัฐอเมริกา

จุดเริ่มต้นของซีเรียล เกิดจากการต่อสู้ที่ว่ากันแล้วช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ เพราะเป็นการฟาดฟันกันระหว่างกลุ่มผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติ ผู้นิยมวารีบำบัด และคริสตจักรเซเวนธ์เดย์แอดเวนทิสต์ ซึ่งสิ่งที่เขานั้นงัดขึ้นมาต่อสู้กัน คือเรื่องความต้องการจัดการระบบการทำงานของร่างกาย เนื่องจากสมัยนั้นชาวอเมริกันส่วนใหญ่มักจะชอบกินอาหารเช้าแบบจัดหนักจัดเต็ม คือหนักเนื้อสัตว์ที่ล้วนแต่มีใยอาหารน้อย จึงทำให้หลายคนมีอาการท้องผูกรุนแรง และมีอาการทรมานจากอาหารไม่ย่อย สิ่งนี้จึงเป็นชนวนหลักที่ส่งผลให้เจ้าซีเรียลและเหล่าธัญพืชทั้งหลายเกิดขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 19 ‘ซิลเวสเตอร์ เกรแฮม’ ผู้ที่กินมังสวิรัตเป็นหลัก ออกมาบอกว่า แป้งสาลีโฮวีตนั้นจะแก้ปัญหาสุขภาพได้ เขาจึงกลายเป็นเหมือนโฆษกคนแรกที่ป่าวประกาศให้คนเริ่มปฏิวัติอาหารเพื่อสุขภาพ

เกรแฮมจึงลงมือทำขนมปังเกรแฮม และแครกเกอร์เกรแฮมจากธัญพืชออกมาจำหน่าย สิ่งนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะเขาประกาศบอกใครต่อใคร หรือชวนให้คนอื่นๆ เชื่อว่า การกินเนื้อสัตว์จะทำให้ไม่ดีต่อสุขภาพ ส่วนกาแฟและชานั้นก็ดันโดนประณามว่าเป็นยาพิษ หลายคนเลยสนับสนุนสิ่งที่แกรแฮมทำ และเชื่อว่าเป็นของดีต่อสุขภาพ แน่นอนว่าสิ่งที่เกรแฮมสร้างความเชื่อให้ชาวอเมริกัน กลายเป็นไอเดียเริ่มต้นที่ส่งต่อให้เกิดซีเรียล

กรานูลา ปี ค.ศ. 1858 ‘ดร.เจมส์ เคแลบ แจ็กสัน’ เข้ามาบริหารอนามัยวารีบำบัดแห่งหนึ่ง โดยผู้ป่วยที่เข้ามารักษานอกจากต้องบำบัดผ่านการอาบน้ำที่แสนทรมานแล้ว ยังต้องถูกจำกัดให้กินอาหารที่เน้นธัญพืชอีกด้วย เมื่อเป็นแบบนี้ แจ็กสันจึงไม่หยุดนิ่ง เข้าปี ค.ศ. 1863 เขาเริ่มผลิต ‘ซีเรียลอาหารเช้าชนิดแรก’ มีชื่อเรียกกันติดปากว่า ‘กรานูลา’ (Granula)

แต่ตอนนั้นกรานูลายังไม่เหมาะกับคนเร่งรีบหรือเป็นอาหารจานด่วนได้เลย เพราะกว่าจะได้กิน ต้องแช่นมไว้ข้ามคืนเพื่อให้ธัญพืชอ่อนนุ่มลงและเคี้ยวง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามแม้จะดูกินยาก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แถมยังทำรายได้ให้เขาเป็น 10 เท่า จากที่ลงทุนไป

กราโนลา
ต่อมาปี ค.ศ. 1880 ‘ดร.จอนห์ ฮาร์วีย์ เคลลอกก์’ ผู้ที่ศึกษาการแพทย์และศาสนามาอย่างดี ทั้งยังเป็นสมาชิกของคริสตจักรเซเวนธ์เดย์แอดเวนทิสต์ เปิดสถาบันส่งเสริมสุขภาพ ช่วงนั้นเขาต้องไปอยู่หอซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่อนุญาตให้ปรุงอาหาร ด้วยความที่หิวโหยและกินได้แต่มังสวิรัติ  เขาจึงคิดว่าจะทำซีเรียลอาหารเช้าที่กินได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเวลา เลยคิดค้นบิสกิตที่ทำจากข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และแป้งข้าวโพด แล้วตั้งชื่อเชิงล้อเลียนกับของแจ็กสันว่า ‘กราโนลา’ ทำให้เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง

กราโนสเฟลกส์
เรื่องราวการคิดค้นซีเรียลดำเนินต่อมายังปี ค.ศ. 1893 โดย ‘เฮนรี ดี เพอร์กี’ ทนายความที่อยากทำซีเรียลให้มีความแตกต่างไปจากเดิม ด้วยการนำข้าวสาลีนึ่งจนนุ่ม ทำเป็นเส้น และอัดเข้าหากัน แต่เสียดายที่เป็นบิสกิตที่เสียไวไปหน่อย ช่วงหลังเขาเกือบจะถอดใจ แต่ดร.เคลลอกก์ผู้ที่คิดค้นกราโนลาดันมาหา พร้อมยื่นข้อเสนอขายสูตรการผลิตซีเรียล ระหว่างคุยกันเคลลอกก์ดันเผยสูตรของตัวเองไปเสียก่อน และสุดท้ายเพอร์กีไม่ได้ตัดสินใจซื้อ แต่ก็แอบลักไก่เอาไปปรับเป็นสูตรของตัวเอง จนร่ำรวยในที่สุด

ดร.เคลลอกก์ รู้แบบนี้เข้า ก็ไม่ยอมแพ้ จึงคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ซะเลย โดยใช้ความรู้ที่มีทั้งหมด สร้างกระบวนการทำข้าวสาลีให้สุก อัดให้แบนเป็นเกล็ด จากนั้นอบให้แห้ง และตั้งชื่อว่า ‘กราโนสเฟลกส์’ นับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ แต่เขาดันไม่มีหัวธุรกิจ จึงวางขายแค่ที่สถานีอนามัยเป็นหลักเท่านั้น และคนที่ซื้อคือเหล่าผู้ป่วยนั่นเอง

‘ชาร์ลส์ วิลเลียม โพสต์’ ผู้คลุกคลีอยู่กับธุรกิจซีเรียล แต่เพราะความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ทำให้เขาต้องเข้ารักษาตัวที่สถานีอนามัยของดร.เคลลอกก์ และที่นี่เองที่ทำให้เขาพบขุมทรัพย์แห่งใหม่ เพราะได้รู้ว่าที่เขารักษาอยู่นั้น ส่วนสำคัญคือการได้กินอาหารสุขภาพที่ดี ประกอบกับเขาได้เห็นผลิตภัณฑ์ของดร.เคลลอกก์ สี่ปีต่อมาจึงนำไปพัฒนาเป็นเครื่องดื่มธัญพืชและซีเรียลออกขายสู่ท้องตลาด 

นอกจากนี้ชาร์ลส์ วิลเลียม โพสต์ยังผลิตซีเรียลขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมทุ่มเงินซื้อโฆษณาไปมากมาย เพื่อสื่อสารว่าการกินชา กาแฟ หรือของหนักๆ ตอนเช้านั้นไม่ดีอย่างไร และการกินผลิตภัณฑ์ของเขานั้นมันดีอย่างไร จนทำให้ซีเรียลของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

แม้โพสต์จะทำซีเรียลออกมาจนขายดีไม่หยุดหย่อน แต่ดร.เคลลอกก์ยังคงขายกราโนสเฟลกส์ให้แค่ผู้ป่วยของเขาเท่านั้น จน ‘วิลลี คีธ’ น้องชายของเขามองว่า ไม่ได้การแล้ว ของดีขนาดนี้ทำไมคนอื่นๆ ยังไม่รู้จักล่ะ จึงนำกราโนสเฟลกส์มาปรับปรุง ต่อยอดให้เป็นเกล็ดข้าวโพด จนท้ายที่สุดก่อตั้งเป็นบริษัทอาหารเช้าเคลลอกก์อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมผลิตภัณฑ์ซีเรียลอาหารเช้าที่เรารู้จักกันดีอย่าง ‘คอร์นเฟลกส์’ (Corn Flakes) แต่ระหว่างคุยกันอยู่ดีๆ ก็ดันแตกคอ เพราะเรื่องการเติมน้ำตาลให้มีรสชาติมากขึ้นเท่านั้นเอง

ต่อมาปี ค.ศ. 1922 ดร.เคลลอกก์ได้จดทะเบียนใช้ชื่อบริษัทเคลลอกก์อย่างเป็นทางการ และคอร์นเฟลกส์กลายเป็นซีเรียลอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น ทำให้นักบุกเบิกซีเรียลคนอื่นๆ กระโดดเข้ามาร่วมในวงการผลิตซีเรียลอย่างคับคั่ง จนทำให้เวลาใกล้ๆ กัน ชาวอเมริกันมีซีเรียลให้เลือกบริโภคหลากหลายแบบ เพราะมีโรงงานที่พร้อมผลิตซีเรียลกว่า 30 แห่งทั่วสหรัฐฯ

ไม่น่าเชื่อว่า แค่เรื่องท้องผูกจากการกินเนื้อสัตว์มากเกินควร จะนำไปสู่การปฏิวัติเพื่อการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการต่อสู้กันอย่างเข้มข้น จนสุดท้ายกลายเป็น ‘ซีเรียล’ อาหารจากเหล่าธัญพืชให้เรากินยามเช้า 


Sources : หนังสือตำนานอาหารโลก เบื้องหลังจานโปรดโดนใจคนทั่วโลก
https://www.kelloggs.com/  – https://bit.ly/2ASZQGT

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.