ถ้าพูดถึง “ซอยรางน้ำ” เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงแหล่งช้อปปิ้งอย่าง “King Power” จุดเช็คพอยท์ยอดฮิตที่ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติต้องมาเดินช้อปปิ้งไอเท็ม duty free กัน แต่รู้หรือเปล่าว่า จริงๆ แล้ว ในซอยรางน้ำ ยังมีแอคทิวิตี้อีกมากมาย ให้เราได้ไปลุยอย่างสนุกสนานแบบไม่ซ้ำเลยทีเดียว
วิธีการเดินทางไปลุยแอคทิวิตี้ที่ซอยรางน้ำก็ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วย แค่ลงรถไฟฟ้าสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วเดินต่อไปอีกนิดประมาณ 600 เมตรก็ถึงแล้ว มาเริ่มลุยแอคทิวิตี้ไม่ซ้ำใน 1 วัน ทั้งนั่งชิลล์ที่คาเฟ่ กินอาหารเจ้าเด็ด ชงชาต้นตำรับ ช้อปปิ้งให้สนุกมือ และแฮงก์เอ้าท์ที่รูฟท็อปบาร์ไปพร้อมกัน
Sponsored by: IDEO MOBI RANGNAM
ก่อนจะไปลุยแอคทิวิตี้กันให้ทั่วย่านรางน้ำ เรามีคอนโดมิเนียมใหม่ในซอยรางน้ำมาแนะนำกับ “IDEO MOBI RANGNAM” คอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ดีไซน์ในสไตล์ Futuristic เน้นเส้นสายที่ดูล้ำสมัย เหมือนการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายลื่นไหลไม่รู้จบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Synthesis of Nature and the Future “คอนโดแห่งอนาคตที่ให้ชีวิตได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมเทคโนโลยีเพื่อผู้อยู่อาศัย Smart Solar Fresh Air System นวัตกรรมที่ใช้ระบบโซลาร์เซล ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาด มาใช้ขับเคลื่อนระบบระบายอากาศในห้องพัก เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตในการพักอาศัย
ทั้งยังตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูงใจกลางเมืองบนซอยรางน้ำ ที่สะดวกสบายทุกการเดินทาง สามารถเชื่อมต่อสู่ถนนพญาไท และถนนราชปรารภได้อย่างง่ายดาย และห่างเพียง 630 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเชื่อมต่อไปยัง Airport Rail Link สถานีพญาไท เพียง 1 สถานี และ Airport Rail Link สถานีราชปรารภ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีส้ม ที่จะเปิดให้บริการประมาณปี 2567
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ : https://bit.ly/2Q2WkMO
01 | Eatery and Cafe’ : Chibi Chibi Cafe & Atelier
เริ่มต้นวันใหม่แสนสงบที่ “Chibi Chibi Cafe & Atelier” คาเฟ่เล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยรางน้ำ ภายในร้านตกแต่งโดยการดึงคาแร็กเตอร์ความเป็นนิวยอร์กผสมกับกลิ่นอายญี่ปุ่น ทำให้ได้บรรยากาศสบายๆ แสนน่านั่งเหมือนมาจิบกาแฟที่บ้านเพื่อน พร้อมบรรยากาศโปร่ง สบายตาด้วยหลังคา Skylight เปิดให้แสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาด้านใน
เมนูอาหารของทางร้านมีครบทั้งคาว หวาน และเครื่องดื่ม โดยเน้นอาหารโฮมเมดแท้ๆ คัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน รวมถึงทำขนมปังที่ใช้ประกอบอาหารของร้านเองอีกด้วย ตอนไปเราลองสั่ง “โรสแมรี่ลาเต้” มาชิม เป็นการแฟหอมกรุ่นกลิ่นโรสแมรี่ ดื่มแล้วสดชื่นยามเช้า
where : 112/4 ซอยศรีอยุธยา 2
time : ทุกวัน | 10.00 – 20.00 น.
02 | Local Food : Chak Ki Phattakhan
ซอยรางน้ำขึ้นชื่อเรื่องของกินเจ้าอร่อยดั้งเดิม ที่เปิดเรียงรายให้เราได้เลือกรับประทานมากันหลายปี เราเลยพามาต่อกันที่ “ภัตตาคารจ๊ากกี่” ที่มีเมนูขึ้นชื่อลือชามากว่า 30 ปี อย่าง “ราดหน้าหมี่กรอบ” ซึ่งเดิมทีร้านนี้เปิดที่เยาวราช ก่อนจะย้ายมาสร้างความอร่อยต่อที่ซอยรางน้ำ โดยตัวร้านอาคารพาณิชย์ สะดุดตาด้วยสีของโต๊ะ -เก้าอี้ที่ตัดกันอย่างสดใส
มาถึงแล้วต้องไม่พลาดสั่ง “ราดหน้าหมี่กรอบหมู” เส้นกรอบอร่อยไม่อมน้ำมัน ราดน้ำรสชาติเข้มข้นที่เป็นสูตรลับเฉพาะ ท็อปด้วยคะน้ากรุบกรอบ และหมูนุ่มลิ้นที่เคี้ยวปุ้บรู้สึกเหมือนละลายได้อยู่ในปาก บอกเลยว่าฟินสุดๆ นอกจากนี้ ภัตตาคารจ๊ากกี่ ยังมีเมนูเด็ดอื่นๆ ที่เราอยากชวนให้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น บะหมี่หมูแดง หรือราดหน้าเต้าซี่ รับรองว่าอร่อยไม่แพ้กัน
where : 1/35 ถนนรางน้ำ (ประมาณกลางซอย)
time : วันอังคาร-อาทิตย์ | 11.00 – 15.00 น.
03 | Original Cup Of Tea : Peace Oriental Teahouse
ตกบ่ายต้องหาชารสต้นตำรับจิบให้สดชื่นสักถ้วย เราพามาที่ร้าน “Peace Oriental Teahouse” สาขา King Power ห้องน้ำชาสไตล์ตะวันออกที่เข้าถึงรากวัฒนธรรมชาติตะวันออกอย่างแท้จริง ทางร้านจะโดดเด่นเรื่องการชงชาจีน และชาญี่ปุ่น ที่มีเอกลักษณ์ และความพิถีพิถันเฉพาะตัว ภายในร้านดีไซน์อย่างน้อยแต่มากตามแบบฉบับสไตล์มินิมอล เน้นไม้เป็นวัสดุหลัก เพื่อสร้างบรรยากาศอบอ่นและสงบ
โซนเคาน์เตอร์บาร์ไม้ คือมุมเปิดให้เราได้ดื่มด่ำกับเรื่องราวของการชงชาตามวิถี Zen แบบออริจินัล โดยคัดสรรใบชาจีนและญี่ปุ่นหลากหลายชนิดมาผลัดเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน ซึ่งชาแต่ละชนิดจะมีวิธีการชงที่ต่างกันออกไป ทำให้ได้ชาที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และคงรสชาดั้งเดิมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เช่น เมนู “Ceremonial Grade Matcha” มัทฉะยอดนิยมที่ถูกใจคนรักชา ซึ่งทางร้านคัดสรรใบชาเกรดพรีเมียม ที่ใช้ในพิธีชงชาแบบ Zen จัดว่าเป็นอีกหนึ่งใบชาที่ดีที่สุดในโลก นำมาชง 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกแบบ Koicha ที่ให้รสชาติชาแบบเข้มข้น และครั้งที่สองแบบ Usucha ที่จะให้รสชาติชาที่อ่อนละมุน เรียกได้ว่าเป็นแอคทิวิตี้สุดแสนจะคราฟท์ และมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากทีเดียว
where : ชั้น G King Power รางน้ำ
time : ทุกวัน | 10.00 – 21.00 น.
04 | Shopaholic : King Power
ท้องอิ่มต้องเดินย่อยกันสักหน่อย มาถึงซอยรางน้ำและได้แวะไปจิบชาที่ “Peace Oriental Teahouse” สาขา King Power กันแล้ว ก็เดินย่อยกันต่อที่ King Power เลย ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่า ที่นี่คืออาณาจักรแห่งสินค้าปลอดภาษีระดับโลก มีร้านรวงและแบรนด์ดังมากมายให้เลือกช้อปกันอย่างสนุกมือ ทั้งเครื่องสำอาง น้ำหอม เสื้อผ้า แอคเซสเซอรี ไปจนถึง gadget IT ต่างๆ โดยชั้นแรกจะเป็นโซนของแบรนด์ดังยอดฮิต และชั้นสองเป็นโซนเครื่องสำอาง น้ำหอม นาฬิกา เครื่องประดับ และจิวเวลรี
อีกทั้งยังมีร้านอาหารชื่อดังมากมายกว่า 20 ร้าน มาเปิดให้ได้ฝากท้องยามหิวหลังจากเดินช้อปปิ้ง ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากรีโนเวทใหม่เมื่อปีที่แล้ว คิงพาวเวอร์ ยังเปิดพื้นที่สำหรับเอนเตอร์เทนเมนท์ มีโรงละครอักษรา King Power Lounge และ The Atlas Club สำหรับพักผ่อน ซึ่งหลายคนอาจคิดว่า จะมาช้อปที่นี่ได้ต้องมีไฟลท์บินเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วยังมีโซนสำหรับคนที่ไม่มีไฟลท์ด้วยนะ
where : ถนนรางน้ำ
time : ทุกวัน | 10.00 – 21.00 น.
05 | Hangout : SKY TRAIN JAZZ BAR
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเข้าสู่ช่วงยามเย็น ถึงเวลาที่เราจะออกไปแฮงก์เอ้าท์กับแก๊งเพื่อนกันแล้ว เราเลยชวนมาชิลล์กันที่ “SKY TRAIN JAZZ BAR” บาร์รูปท็อปที่คนชอบพูดกันว่า มีอยู่จริงๆ หรอเนี่ย ! เพราะร้านนี้ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของบ้านจอหงวนโจ ตรงหัวมุมปากซอยถนนรางน้ำ ที่ข้างล่างเปิดเป็นร้านสเต็ก Eat Am Are ทางเข้าร้านจะเป็นช่องเล็กๆ ข้างตัวตึก ให้เราเดินบันไดขึ้นไปยังชั้น 4
ระหว่างทางเดินขึ้นมานั้น เราจะเจอกับงานอาร์ตตามกำแพง ให้เราแวะชมตอนพักเหนื่อยได้ แล้วค่อยเดินขึ้นไปดื่มด่ำกับบาร์สไตล์วินเทจ สั่งดริงค์แก้วโปรดมาทานคู่กับอาหารไทยรสอร่อย พร้อมฟังเพลง Jazz เคล้ากับวิวใจกลางกรุงเทพฯ มองแสงสี และรถไฟฟ้าเพลินๆ ยามค่ำคืน ถือว่าคุ้มค่าเหนื่อยที่เดินขึ้นไปถึงดาดฟ้าเลยล่ะ
where : 46 ถนนรางน้ำ
time : ทุกวัน | 17.00 – 01.00 น.