#มุมมองบางกอกในสายตาของเด็กต่างจังหวัด2
เรื่องเล่าจากเด็กรามฯ สู่งานนอกเวลามหาโหด !
“งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข”
ผมเชื่อว่ามหา’ลัยรามคำแหง เป็นมหา’ลัยที่มีนักศึกษาทำงานระหว่างเรียนมากที่สุดในประเทศไทย ! เนื่องจากรูปแบบการเรียนที่เน้นผลสอบแบบ 100% การเข้าเรียนจึงไม่มีผลอะไรกับเกรดมากนัก การเอาเวลามาหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินใช้เพิ่มเติมจึงเป็นอะไรที่ดูจะเข้าท่ามากกว่า….
ผมคือหนึ่งในนั้น คือไม่เกี่ยงว่าจะเป็นงานอะไรแบบไหน ขอเพียงแค่จบงานแล้วได้เงินใช้ก็เพียงพอแล้วล่ะนะ ซึ่งงานพวกนี้ก็จะมีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไปแล้วแต่งานแล้วแต่คนจ้าง ไม่ว่าจะเป็นเด็กยกของ, สตาฟท์งานอีเว้นท์ในห้าง, แจกใบปลิว, ติดป้าย, เดินทรูปในตลาด หรือแม้กระทั่งเฝ้าป้าย และโบกธง !
เคยสงสัยกันใช่มั้ยล่ะ ว่าไอ้คนที่ใส่ไอ้โม่งโพกหัวปิดหน้าปิดตายืนโบกธงอยู่ริมถนนเนี่ย มันโบกกันทำไม? โบกไปเพื่ออะไร? เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เล่าให้ฟังทีละอย่างนะ….
การทำงานพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้สมองเท่าไหร่ ไอ้ที่สำคัญก็คือร่างกายต้องพร้อม แข็งแรงอดทนและบึกบึน เพราะคุณเชื่อได้เลย ว่านายจ้างที่จ่ายเงินให้คุณไปทำงานน่ะ เขาเอาเราคุ้มทุกบาททุกสตางค์ที่เสียให้เราอย่างแน่นอน ฉะนั้น หากร่างกายไม่แข็งแรงก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน
ยกตัวอย่าง ผมเคยรับงานยกของที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งแถวถนนพระราม 6 เป็นการย้ายสต็อกของจากตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างไกลกันพอสมควร และของที่จะย้ายนี่คือมีทุกอย่าง เอวรี่ติงจิงกาเบลมาก เต็มห้องไปหมด ยอมรับว่าไปวันแรกพอเห็นของแล้วลมแทบจับอยากจะเดินมาหน้าโรงบาลแล้วขึ้นรถเมล์สาย 92 กลับลาดพร้าวเหลือเกินแต่ก็ทำไม่ได้เพราะรับงานเขามาแล้ว จึงจำใจต้องลงมือทำ ซึ่งผมมีคู่หูมาด้วยอีกคนนึงเป็นเพื่อนผมเอง แต่เป็นผู้หญิง!!!! ก่อนมาก็บอกแล้วนะว่ายกของ ไหวมั้ย? มันบอกได้ สบายมาก คือเหมือนจะร้อนเงินอะ สุดท้ายก็ช่วยกันทำช่วยกันเข็นช่วยกันย้ายจนหมดใช้เวลา 3 วันจึงเสร็จ ซึ่งงานนี้ได้ค่าแรงวันละ 400 บาท…….เล่นเอาซะหลังยอกเลยทีเดียว
อีกงานที่น่าสนใจก็คือ แจกใบปลิว…!!
เหมือนง่ายนะ แต่ไม่เลยสักนิดเดียว การแจกใบปลิวคือการยัดเยียดโฆษณาใส่มือของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งลองถามตัวคุณเองดูสิ ว่าเวลาเห็นคนยืนแจกใบปลิวอยู่แล้วต้องเดินผ่านคุณจะอยากรับมั้ย? เกิน 80% ไม่อยากรับแน่นอน บางคนรับเพราะเกรงใจ แทบไม่อ่านเนื้อหาในใบปลิวเลยด้วยซ้ำ บางคนรับปุ๊ปทิ้งปั้ป! เอาให้เห็นกันจะๆไปเลยต่อหน้าต่อตา ก็กลายเป็นขยะไร้ค่าไปอีก บางงานนี่บุกถึงตู้เก็บเงินค่าทางด่วนเลยนะ คือจ่ายค่าทางด่วนเสร็จก็ยัดใบปลิวใส่มือไปเลย แล้ววันนึงแจกหลายพันใบอะ บอกได้คำเดียวว่าลากเลือด!!! แต่แปลก หนังสือพิมพ์กลับแจกได้แจกดีสวนทางกับใบปลิวในมือผมเหลือเกิน ผมเคยไปยืนแจกใบปลิวอยู่ตรงถนนอโศก ไปตั้งแต่หกโมงเช้า ก็ไปเจอกับเจ้าถิ่นอย่างคนแจกหนังสือพิมพ์ฉบับนึง เราก็เนียนตีซี้ไปยืนแจกใกล้ๆ แกเลย กะว่าคนรับหนังสือพิมพ์เสร็จแล้วต้องรับใบปลิวเราด้วยแน่นอน!! แต่เปล่าเลยครับ คนรับแต่หนังสือพิมพ์!! เมินใบปลิวในมือผมอย่างไม่แยแสเลยด้วยซ้ำ เราเริ่มแจกกันหกโมง พอเจ็ดโมงนิดๆ คนแจกหนังสือพิมพ์แจกหมดกลับบ้านแล้ว
ทิ้งผมให้ยืนแดดส่องก้มหน้าก้มตาแจกไปอยู่คนเดียว! อิจฉาเลย…….
อีกงานที่น่าสนใจก็คือการเดินทรูป….
เดินทรูป ก็คือการเดินประชาสัมพันธ์อะไรสักอย่าง อาจจะเป็นสินค้าหรืองานอีเว้นท์อะไรสักงานที่กลุ่มเป้าหมายอยู่ตามแหล่งชุมชนหรือสถานที่ที่คนพลุกพล่าน ซึ่งลักษณะงานก็คล้ายกันนั่นแหละ อาจจะมีเดินแจกของ ถือป้าย มี mc พูดประชาสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ วนไปวนมาจนกว่าจะหมดเวลาทำงานที่นายจ้างกำหนดไว้
ผมเคยไปเดินทรูปโปรโมทหนังเรื่องนึงที่ตลาดนัดจตุจักร งานนั้นน่าจะมีการประสานงานอะไรกันผิดพลาดสักอย่างระหว่างเจ้านายผมกับทางสถานที่ ซึ่งพอเราเริ่มออกเดินในตลาดได้สักแปปเดียว เจ้าหน้าที่เทศกิจมาจอดรถรับถึงตัวเลย มันฮาตรงที่ผมบอกกับเจ้าหน้าที่เขาไปว่า “ผมติดต่อกับคุณก.ไปแล้วครับ” เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า “อ๋อ ก. เหรอ งั้นก็ขึ้นรถเลยๆ!!” ทำเอาพวกเราทีมงานหน้าเหวอกันเลยทีเดียว สุดท้ายก็ต้องขึ้นรถ ป้ายเป้ยลำพงลำโพงโดนจับโยนใส่หลังกะบะหมด ส่วนตัวพวกผมก็โดนให้ขึ้นไปนั่งหลังกะบะด้วยเพื่อพาตัวไปยังที่ทำการของพวกเค้า ที่หลังกะบะนอกจากจะมีป้ายของพวกผมแล้ว ยังมีหาบสำหรับขายส้มตำวางอยู่ด้วย พินิจพิเคราะห์ดูแล้ว น่าจะยังไม่ทันได้ตำสักครกนึงเลยมั้งโดนยึดมาซะก่อนเพราะครกแลดูสะอาดเหลือเกิน น่าสงสารจริงๆ สุดท้ายเจ้านายผมก็ประสานคุณก.นั่นแหละให้มาเคลียให้ จนได้กลับไปทำงานเหมือนเดิม……
มาถึงงานที่พีคที่สุดสำหรับผมแล้ว นั่นก็คืองานเฝ้าป้ายและโบกธงริมถนน!!! เคยเห็นเทศกิจมาตามเก็บป้ายโฆษณาพวกโครงการบ้านตามริมถนนมั้ยครับ? นั่นแหละคือเหตุผลของการทำงานเฝ้าป้าย เพราะเราไม่ได้ติดตั้งป้าย แต่ใช้คนยืนถือนั่นเอง….
งานพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นของโครงการบ้านหรือคอนโดฯต่างๆ ที่เวลามีงานแบบแกรนโอเพนนิ่งหรืองานเปิดรับจองอะไรเทือกๆ นี้ มันจำเป็นที่จะต้องสร้างจุดสนใจในละแวกของงานขึ้นมาเพื่อที่ว่าลูกค้าที่จะเดินทางมาร่วมงานหรือมาดูมาจองเนี่ย จะได้เห็นว่างานอยู่แถวนี้นะ มาถูกแล้วนะหรือคนที่ยังไม่รู้ก็จะได้รู้ไปด้วย
สำหรับผมเฝ้าป้ายดีกว่าโบกธง เพราะบางทีป้ายมันอันใหญ่ มันสามารถบังแดดให้ได้ ส่วนธงนี่ต้องโบกให้พลิ้วปลิวไสวอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นมันเมื่อยแขนแน่นอน งานพวกนี้มีอยู่ทั่วบางกอกเลยนะเพราะโครงการบ้านหรือคอนโดฯ เนี่ยผุดขึ้นเยอะมาก และส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีการนี้ทั้งนั้น บางครั้งคนที่อยู่ในละแวกที่เราไปทำงาน เห็นเรายืนตากแดดทำงานแล้วเกิดสงสาร บางท่านก็ใจดีเอาน้ำเอาท่ามาให้กิน เป็นความสวยงามเล็กๆ น้อยๆ ที่หยิบยื่นให้กัน
มีอยู่งานนึง รุ่นพี่ผมไปเฝ้าป้ายอยู่แถวๆ ซีค่อนฯ มั้งถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาพักพอดี แกเลยเอาป้ายเนี่ยมาพิงบังแดดไว้แล้วตัวเองก็ลงไปนอนบนสนามหญ้าเล็กๆ ริมถนน มีคุณแม่ท่านนึงเดินจูงลูกผ่านมา เห็นรุ่นพี่ผมนอนอยู่ใต้ป้ายริมถนนเค้าหันไปพูดกับลูกว่า “เห็นมั้ยลูก ถ้าลูกขี้เกียจเรียนก็จะลำบากเหมือนพี่เค้านี่แหละ”!! จริงครับ ถ้าขี้เกียจเรียนลำบากแน่นอน คุณแม่พูดถูกแล้วววววว……
คนทำงานพวกนี้มีให้เห็นกันอยู่ทั่วไปในบางกอกมหานคร เป็นงานที่ทำง่ายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องมีอะไรที่ซับซ้อนวุ่นวาย เพียงแค่คุณอดทนได้ คุณก็ทำงานได้
เวลาทำงานผมจะมีคาถาประจำใจอยู่สามคำ เป็นสามคำที่มีความหมายและล้ำค่ากับผมเหลือเกิน ซึ่งผมจะท่องไว้ตลอดเวลาที่ทำงานเลย สามคำนั้นก็คือ
“เงิน เงิน เงิน”
ท่องไว้จะได้มีแรง…..