หลังจากที่ Michelin Guide มาถึงประเทศไทย และมีร้านอาหารได้ดาวกันไปถึง 17 ร้าน สร้างกระแสฮือฮาอย่างหนัก คนที่ยังไม่เคยลองก็ยิ่งอยากจะไปรับรส อยากกินร้านติดดาว แต่จองก็ยาก แพงก็แสนแพง ไม่มีปัญญา ไม่อยากอดทนรอคิว มา! เราจะพาไปกินร้านใกล้เคียงแก้ขัดแทน ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัญชาติเดียวกันที่ราคาน่ารักกว่า casual กว่า หรือร้านที่มีเมนูดังเมนูเดียวกันแก้อยากไปพลางๆ
Gaggan (**)
ร้านอาหารอินเดียฟิวชั่นแบบคอร์สเมนู โดยเชฟ Gaggan ซึ่งมีเทคนิคการทำอาหาร พรีเซ้นท์ และจัดจานแบบอลังการแน่นเว่อร์นั้น แน่นอนว่าไม่มีร้านอื่นร้านไหนที่แทนกันได้ แต่ถ้าอยากจะทานอาหารอินเดียราคาเบาลงมาหน่อยในสไตล์สั่งได้เองตามใจตัวเอง เลือกได้ตามเมนู โดยที่ไม่ถูกกำหนดมาโดยเชฟ กะเกณฑ์ราคาได้เอง รสชาติดีแบบแคชชวล เราขอแนะนำ Indus และ Masala Art ร้านอาหารอินเดียเครื่องเทศถึงรสถึงชาติในรูปแบบโมเดิร์นที่ถ้าอยากอาหารอินเดียนเมื่อไหร่ ก็พุ่งตัวไปได้เลยแบบทั้ง walk-in และจองล่วงหน้า
Le Normandie (**)
J’Aime by Jean-Michel Lorain (*)
L’Atelier de Joel Robuchon (*)
Savelberg (*)
รวบตึงกับร้านอาหารฝรั่งเศษติดดาวแพ๊งแพงแต่ดีงามตามมาตรฐาน Michelin ซึ่งทุกร้านที่กล่าวมาจะเป็นประเภท fine dining จองยากกันซักนิด โดยเฉพาะช่วงเทศกาล แต่ถ้าอยากทานอาหารฝรั่งเศษแบบมั่นใจได้ในรสชาติและคุณภาพในบรรยากาศที่สบายลงมาหน่อย เราแนะนำ Philippe ซึ่งมีชื่อเสียงมานานแล้ว ได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งจะใกล้เคียงสุดกับร้านที่ติดดาว ราคาสูงพอสมควร แต่ก็จะมีความ casual กว่า และอีกร้านที่แนะนำ ไม่ใช่ร้านอาหารฝรั่งเศษแต่เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนสไตล์สบายๆ รสชาติจัดจ้านเหมาะลิ้นคนไทย อย่างร้าน Delicatezza บ้านพระอาทิตย์ โดยเชฟป้าแป๊ว ซึ่งมีสิ่งที่เด่นมากๆ คือขนมปังที่เสิร์ฟมาให้กับทุกโต๊ะซึ่งอบสดๆ ในร้าน ทานคู่กับเนยแสนจะธรรมดาก็อร่อยแบบหมดแถวได้ ทำให้นึกถึงขนมปังในร้านฝรั่งเศษดีๆ เลยล่ะ
Suhring (*)
ร้านอาหาร fine dining เยอรมันที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานแต่มาแรงแซงทุกคนด้วยคอร์สเมนูที่ไม่เหมือนที่ไหน ด้วยราคาที่สูงและควรจะต้องจองล่วงหน้า เราเลยอยากจะแนะนำร้านอาหารเยอรมันแท้ๆ อย่าง Bei Otto ให้ทุกคนได้ลิ้มรสความเป็นเยอรมันแบบเต็มที่ เพราะเค้าเด่นทั้งเรื่องเนื้อสัตว์ และไส้กรอก แฮม ประเภทต่างๆ รวมทั้ง pastry ไปจนถึงเครื่องดื่มเช่นเบียร์สัญชาติเยอรมันต่างๆ ให้ได้ทานเต็มๆ มื้ออย่างจุใจ ทั้งนี้จะทานไส้กรอกเยอรมัน หรือขาหมูเยอรมัน เค้าก็มีหมดในรสชาติที่หลายต่อหลายคนชื่นชอบ และราคาที่สบายกระเป๋ากว่า
Mezzaluna (**)
Elements (*)
ทั้ง 2 ร้านเป็นร้านอาหารสไตล์นานาชาติกินบรรยากาศ ที่เน้นเรื่องความหลากหลาย รสชาติ และสกิลการปรุงอาหารของเชฟ แน่นอนว่าราคาสูง และเนื่องจากติดดาวไปแล้วอาจจะทำให้การไปจองคิวเพื่อทานอาหารและชมวิวจาก Mezzaluna บนตึก State Tower หรือ Elements บนตึกโรงแรม Okura Prestige นั้นยากขึ้นไปอีก เราเลยมาแนะนำร้าน Red Sky ร้านอาหารนานาชาติบนตึก Centara Grand ที่อาหารรสชาติดีแถมชมวิวได้ 360 องศา และร้าน Cocotte ที่อาหารของเค้าเน้นวัตถุดิบสดๆ จากฟาร์มทั้งผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ ซึ่งรสชาติอาหารไม่แพ้ใคร ในบรรยากาศสบายๆ อบอุ่น
Bo.lan (*)
Chim by Siam Wisdom (*)
Nahm (*)
Saneh Jaan (*)
Sra Bua by Kiin Kiin (*)
Paste (*)
มาถึงแก๊งค์ร้านอาหารไทยที่โดดเด่นจนติดดาวกันไป ทุกร้านมีจุดเด่นและสไตล์ของตัวเอง แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นไทยและเครื่องแกงที่ถึงแม้จะฟิวชั่นไปแล้ว ก็ยังคงออริจินความไทยไว้อยู่ ซึ่งแต่ละร้านจะเป็นกึ่ง fine dining เราเลยอยากจะมาแนะนำร้านอาหารไทยรสชาติดี ไปทานง่าย บรรยากาศสบาย ที่มีเมนูบางเมนูใกล้เคียงกันอย่างจานแพนง หรือน้ำพริกต่างๆ เริ่มจากร้านแรกคือ Supanniga Eating Room หรือห้องทานข้าวสุพรรณิการ์ ซึ่งมี 2 สาขาด้วยกันแล้ว โดดเด่นที่รสชาติอาหารที่กลมกล่อมคงคุณภาพมาตรฐานดีทุกจาน เป็นบรรยากาศร้านอาหารธรรมดาๆ ตกแต่งสวยงาม ไม่เกร็ง มีเมนูหลากหลาย และอีกร้านคือร้านบ้านนวล ซึ่งต้องโทรไปจองก่อน เพราะทำอาหารแบบโต๊ะต่อโต๊ะ รับแค่ไม่กี่โต๊ะต่อวัน ในบรรยากาศแบบทานข้าวบ้านที่ต่างจังหวัด ไม่ติดแอร์ รสชาติแบบจัดจ้าน homemade มีเมนูหลักๆ และเมนูพิเศษประจำวันหรือฤดูกาล สามารถรีเควสและปรับแต่งเมนูที่อยากทานได้ เหมือนทานข้าวบ้านง่ายๆ ชิลๆ ไม่เหมือนที่ไหนเลย
Upstairs Mikkeller (*)
ชื่อคือไม่มีชื่อ แค่บอกว่าอยู่ข้างบนร้าน Mikkeller ซึ่งเป็นร้าน craft beer ชื่อดังในรูปแบบบ้าน ซึ่งข้างบนเปิดเป็นที่นั่งทานอาหาร fine dining สไตล์ chef’s table แบบคอร์สตามใจเชฟอเมริกันสัญชาติเกาหลี สามารถเลือกแบบ paring กับเบียร์ของทางร้านได้ ที่นั่งมีไม่มาก ราคามาตรฐานร้านติดดาว แต่บรรยากาศเป็นกันเองแบบบ้านๆ ใจจริงอยากจะมาแนะนำ chef’s table เชฟไทยอย่างเช่นเชฟอาร์ต และอีกหลายๆ คน ซึ่งเชฟอาร์ตเป็นเชฟสปอนเซอร์โดยบุญรอด เลยมีการทำคอร์สอาหาร paring กับเบียร์เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จองยากและราคาค่อนข้างสูงอยู่ดี เราเลยฉีกกฏมาแนะนำร้าน craft beer อย่าง Craft ดีกว่า ที่รอบข้างจะมี food truck เลือกทานได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น Bud’s BBQ สำหรับวันศุกร์-เสาร์ และ Daniel Thaiger สำหรับวันอาทิตย์ เพราะคิดๆ ดูแล้วก็มีความคล้ายคลึงกันตรงที่มี craft beer สดให้เลือกตามใจชอบ แถมมีอาหารให้อิ่มท้องเลือกตามใจอยาก จะจับคู่เมนูไหนกับเบียร์ตัวไหน แทนที่จะแล้วแต่เชฟ อันนี้แล้วแต่เราเลย ในราคาและเมนูที่กำหนดเองได้
Ginza Sushi Ichi (*)
ร้านซูชิ omakase หรือเรียกว่าซูชิสไตล์แล้วแต่เชฟ ซึ่งทางเชฟจะเป็นคนกำหนดและจัดเตรียมแต่ละเมนูให้เราในมื้อนั้นๆ ซึ่งราคาต่อคอร์สก็โหดแสนโหดอยู่ ซึ่งถ้าใครอยากได้ประสบการณ์การทานซูชิแบบ omakase นั่งเคาเตอร์บาร์มีปฏิสัมพันธ์กับเชฟในราคาสบายกระเป๋าหน่อยแล้วล่ะก็ เราแนะนำร้าน Shinsei Sushi ซึ่งนำคอนเซป omakase มาทำในราคาที่จับต้องได้ ไม่แรงเกินไป และใช้วัตถุดิบกับการปรุงแต่งแบบเบสิค แต่มีคุณภาพ ไม่แฟนซีหรือซับซ้อนเกินไป ไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่หายาก เลยทำให้ราคาไม่แรง ไปลองกันได้
เจ๊ไฝ (*)
สุดท้ายนี้ ยกให้เจ๊ไฝ ร้าน street food ร้านเดียวที่ได้ดาว Michelin ด้วยอาหารจานเด็ดของเจ๊ไฝซึ่งก็คือ ไข่เจียวปูแน่นๆ เน้นๆ ซึ่งปกติร้านก็คนเยอะอยู่แล้ว กับราคาไข่เจียวปูมหาโหด เราเลยหาทางเลือกมาให้เป็นเมนูไข่เจียวฟูปูจากร้าน Garlic และ ครัวอัปษร ที่เค้าว่ากันว่าเมนูนี้ก็อร่อยเหมือนกัน แค่คนละแบบ คนละสไตล์ แล้วแต่คนชอบ ไม่รู้สินะ อันนี้ลิ้นใครลิ้นมัน ความชอบใครความชอบมัน ใครอยากรู้ก็ต้องไปวัดกันด้วยตัวเองแล้วล่ะ