เดินทางอย่างไรไม่ให้ทำร้ายโลก ออกจากเมืองหลวงไปสัมผัสธรรมชาติทั้งที ทำไมต้องทิ้งพลาสติกไว้ข้างหลัง เราไม่เอาด้วยกับการท่องเที่ยวที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ขอลองไม่พก ไม่ใช้พลาสติกสักชิ้นเดียว ไม่แน่ใจว่าทำได้หรือเปล่า แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ กับ Experiment Trip คอลัมน์แกะกล่องของ Urban Creature ที่แบกการทดลองไว้บนบ่า และก้าวออกไปท้าทายดูสักครั้ง
เราจึงอยากบิด New CT 125 เพื่อนคู่ใจของสายผจญภัย ที่หนนี้มาในลุคใหม่ ‘Safari Green’ เฉดสีเขียวที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ออกไปค้นหาว่าการแคมปิ้งจะไม่สร้างขยะ และการท่องเที่ยวกับความยั่งยืนจะไปด้วยกันได้จริงไหม กับมอเตอร์ไซค์ที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยให้ตื่นจากการหลับใหล กับมอเตอร์ไซค์ที่ออกแบบมาเพื่อนักเดินทางโดยเฉพาะ
เริ่มบิดกุญแจที่กรุงเทพมหานคร แล้วปักหมุดที่สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี กับระยะทางที่ไม่ใกล้ไม่ไกลราว 200 กิโลเมตร
เสน่ห์ของการขับมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวคือสายลมที่ปะทะหน้าตลอดเวลา และยิ่งพ้นจากตัวเมืองไกลขึ้น ถนนเริ่มบีบแคบลงเหลือเพียงสองเลนที่สวนกัน วิวข้างทางเปลี่ยนจากตึกสูงใหญ่และอาคารพาณิชย์เป็นต้นไม้ที่ห้อมล้อมตลอดสองข้างทาง ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
เราออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด เวลาที่ผู้คนส่วนมากยังคงหลับใหล ในเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังไม่คืนแสงสว่างกลับมาให้ New CT 125 เพื่อนคู่ใจของเราก็เด่นมาแต่ไกลด้วย Full LED Lighting ทรงกลมคลาสสิก นอกจากคอยบอกหนทางข้างหน้าให้เราได้เลือกเดินแล้ว ยังเป็นการแจ้งเพื่อนร่วมทางคนอื่นว่ามีเราอยู่ตรงนี้ได้อย่างชัดเจน
เที่ยวป่าต้องเที่ยวหน้าฝน เพราะสองข้างทางจะเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่ม ให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
ในวิวทิวทัศน์อันสวยงามของขุนเขา บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นสิ่งแปลกปลอมแทรกเข้ามาระหว่างสีเขียว ทั้งสีขาวขุ่นของถุงพลาสติก สีสันอันสดใสของขวดน้ำอัดลม จานกระดาษที่เปื้อนคราบน้ำจิ้มและเนื้อย่าง หรือขวดแก้วสีหม่นก็ถูกปล่อยไว้ตามข้างทาง
สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้เราเลือกจะเดินทางแบบไม่สร้างขยะ เพราะอยากให้เฉดสีของธรรมชาติงดงามได้โดยไม่มีอะไรมารบกวน
เข้าเขตสวนผึ้งไม่ทันไร การทดสอบครั้งที่หนึ่งก็รอเราอยู่ข้างหน้า กับถนนที่มีธารน้ำตัดผ่านระดับความลึกกะยากด้วยสายตา แต่ก็ขอลองดูสักตั้ง
New CT 125 มีท่อไอเสียที่ยกสูงเพื่อการลุยน้ำลึกโดยเฉพาะ และมีการต่อท่ออากาศมาในตัว ต่อให้ลุยลึกเกือบระดับเอวก็ไปไหว อีกสิ่งสำคัญไม่ใช่ระดับน้ำแต่เป็นอะไรใต้น้ำที่เรามองไม่เห็น
ไม่ต้องรีบตกใจ เพราะในที่นี้หมายถึงหินที่อาจทำร้ายเครื่องยนต์ได้ แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมี Crash Bar กับโครงเหล็กไว้กันกระแทกคอยป้องกันไว้อยู่แล้ว
หลังยิงยาวมาจากกรุงเทพฯ ฝ่าฟันทั้งทางถนน และทางฝุ่น เราขออยู่นิ่งๆ จิบน้ำจากกระบอกที่พกติดตัวตลอดเวลา และปล่อยใจไปอยู่กับธรรมชาติสักพัก ก่อนออกไปลุยต่อ
เดินทางมากว่า 200 กิโลเมตร ถึงเวลาเข้าที่พัก ความรู้สึกตอนนี้คือความตื่นเต้นและความสนุกกลบความเมื่อยล้าไปโดยสิ้นเชิง
New CT 125 มีแรงต้นที่ดีบิดสนุก Torque หนัก Gear ถึง หนึบเกาะถนน เข้าโค้ง และทรงตัวได้ดี ต่อให้เจอเนินเขาหรือทางขรุขระก็ไปได้ไม่มีปัญหา เพราะช่วงล่างและโช้กถูกออกแบบมาเน้นลุยชนิดที่เป็นมินิ CRF ที่เกาะถนนหนึบด้วยยาง IRC ขนาด 80/90 – 17
ออกตัวไปข้างหน้าด้วยระบบเกียร์วนแบบไม่มีครัช ทำให้การขับขี่เข้าใจง่ายไม่ต้องคอยพะวง เครื่องยนต์ทำหน้าที่ได้ดีในพิกัด 125 CC เงียบเชียบไม่โหวกเหวก ทนทาน ประหยัด ไว้ใจได้ตามสไตล์ฮอนด้า เท้าตบเกียร์มือบิดคันเร่ง ตั้งใจให้มั่นลุยไปได้เลย
หมดห่วงไม่ว่าจะไปทางไหนเพราะ New CT 125 มีดิสก์เบรกล้อหน้า-หลัง และ ABS ล้อหน้า เจออะไรไม่คาดฝันก็เอาอยู่
ลุยมาพอสมควรฝนเริ่มตั้งเค้า ละอองน้ำโปรยปรายพอให้การเดินทางเริ่มออกรสออกชาติมากขึ้น เราเลือกพักที่ ‘ริมธารา แคมป์ปิ้ง’ จุดหมายปลายทางของเหล่าไบเกอร์ มีจุดเด่นที่ลานกางเต็นท์ริมธาร กับเสียงน้ำที่ไหลให้ฟังตลอดวัน
และมีอีกจุดหนึ่งเป็นลานกางเต็นท์บริเวณป่าสน ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่มากันเป็นหมู่คณะ
Time to Trail จะไปทางไหนของก็ต้องครบ New CT 125 ถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกสัมภาระโดยเฉพาะ เพราะมีตะแกรงหลังขนาดใหญ่ เหมาะกับการเข้าป่าผจญภัยที่ต้องอาศัยอุปกรณ์จำนวนมาก
เช็กลิสต์สัมภาระที่เราพกมาด้วย นอกจากเต็นท์คู่ใจและเสื้อผ้า ก็มีถุงกันน้ำไว้ใส่ผ้าเปียกหรือผ้าที่ใช้แล้ว ไอเทมที่ขาดไม่ได้คือกระบอกน้ำใบเล็กไว้แก้กระหายระหว่างวัน พร้อมใบใหญ่ไว้เก็บน้ำสำรอง
ที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์ที่พกไว้ทำอาหารง่ายๆ กินเองในตอนเช้า เพราะมื้อเย็นไม่ได้กะว่าจะมีปาร์ตี้ และอยากไปอุดหนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นมากกว่า
ขอเตือนไว้ก่อนว่าใครจะมาแคมปิ้งช่วงนี้ควรเตรียมตัวให้พร้อม เพราะในบางวันฝนที่นี่ตกกันแบบไม่ลืมหูลืมตา แม้จะตกไม่หนักขนาดที่ภูเขาละลายเมืองในภาพยนตร์เรื่องมหา’ลัย เหมืองแร่ แต่ก็เปียกโชกไม่แพ้กัน
ข้อเสียคือถนนหนทางอาจจะเฉอะแฉะไปบ้าง แต่ถ้ามีรถสำหรับพร้อมลุยอยู่แล้วก็ไม่ใช่ปัญหา ข้อดีคือคุณจะได้ยินเสียงฝนเปาะแปะตลอดวัน ตลอดคืน และตื่นมาพบกับบรรยากาศดีๆ ยามเช้า และฟ้าหลังฝนของที่นี่ต้องบอกว่าสวยงามจริงๆ
ภาพจำเวลามาแคมปิ้งคือการยกเพื่อนมาทั้งแก๊ง หรือที่บางคนชอบแซวกันว่าเปลี่ยนที่ดื่มกิน จนบางครั้งเสียงดังโวยวายจนรบกวนผู้อื่น ริมธารา แคมป์ปิ้ง ขอปฏิเสธผู้เข้าพักกลุ่มนี้โดยสิ้นเชิง เพราะอยากให้ทุกคนให้เกียรตินักเดินทางคนอื่นที่อยากมาพักผ่อน และต้องการความเงียบสงบ
อย่างที่เล่าไปตั้งแต่ต้นว่าเราตั้งใจจะไม่ใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเลยสักชิ้นในการเดินทางครั้งนี้ พอถึงมื้อเช้าเลยเลือกจะดริปกาแฟดื่มเองข้างธารน้ำ กินคู่กับขนมปังปิ้งทาเนยถั่ว เมื่อแกล้มไปกับบรรยากาศแบบนี้ ก็ได้มื้อเช้าที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
บางครั้งการที่จะไม่สร้างขยะเลยสักชิ้นเดียวก็เป็นเรื่องยาก แต่ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เราเริ่มต้นจากการพกพาชนะไปเองเพื่อล้างทำความสะอาด หรือพกผลิตภัณฑ์ทางเลือกไปใช้ อย่างกระดาษสำหรับกรองกาแฟก็เป็นวัสดุ ที่สามารถย่อยสลายได้อยู่แล้ว
เพื่อตอบสนองแนวคิดของ Zero Waste การทำให้ขยะเหลือศูนย์หรือลดจำนวนขยะที่มาจากต้นทางให้น้อยที่สุด
สีเขียว Safari Green กลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวไปกับธรรมชาติ
The Journey Never Ends การเดินทางไม่มีวันสิ้นสุด ยังมีหนทางอีกมากมายที่รอให้เราออกไปค้นหา และเส้นทางในการเดินหน้าเพื่อสิ่งแวดล้อมก็ยังต้องไปต่อเช่นกัน
หนนี้เราทำตามภารกิจที่ตั้งไว้แต่แรกได้สำเร็จ ด้วยการไม่ใช้พลาสติกเลยสักชิ้นเดียวระหว่างการเดินทาง ถือเป็นโชคดีเพราะมีร้านอาหารของชาวบ้านให้เติมพลัง และเติมน้ำใส่กระบอกไว้สำหรับลุยต่อได้
หัวใจของนักเดินทางจะห่อเหี่ยวในวันที่ต้องกลับบ้าน และจะสูบฉีดความตื่นเต้นไปทั่วร่างเมื่อการผจญภัยกลับมาเยือนอีกครั้ง กับ CT 125 เพื่อนคู่ใจของสายผจญภัย ที่ไม่ว่าจะออกเดินทางครั้งไหน ก็เต็มไปด้วยความประทับใจเสมอ
New CT 125 กับเฉดสีใหม่ Safari Green มีวางจำหน่ายแล้วที่ CUB HOUSE ทุกสาขา รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.thaihonda.co.th/cubhouse/ct125/
Writer
Urban Creature
Photographer
