กลับมาเที่ยวกันอีกรอบแล้ว ครั้งนี้เราจะพาทุกคนออกจากลอนดอนเมืองที่เราอยู่แล้วมาตะลุยยุโรปกันบ้าง ประเทศแรกที่เราจะพาไปในวันนี้คือเบลเยียม หลายคนอาจจะสงสัยว่าเบลเยียมมีอะไรดี นอกจากเบียร์ ช็อกโกแลต และวาฟเฟิลแล้ว ที่นี่มีอะไรน่าสนใจอีก คิดเท่าไหร่ก็อาจจะคิดไม่ออก ใครที่เคยมาที่นี่เราขอเดาว่าน่าจะมาเที่ยวเส้นทาง Benelux ที่ประกอบด้วยเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก หนึ่งในเส้นทางยอดฮิตของทัวร์ยุโรป แต่วันนี้เราจะขอเจาะลึกพาเที่ยวบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียมในแบบที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้และยังไม่เคยลองมาก่อน เพราะเราจะพาไปตามรอยคอมิกสตริป ชมสตรีทอาร์ตสวยๆ ในเมืองกัน
ก่อนจะมาที่นี่เราเคยได้ยินเพื่อนหลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “บรัสเซลส์เหรอ ไม่มีอะไรเลย เที่ยววันเดียวก็หมดแล้ว” ได้ยินแบบนี้เรายิ่งรู้สึกว่าเราต้องทำการบ้านมากขึ้นอีกหน่อย เพราะเมืองมันน่าจะมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าแค่ Grande Place สิ! เราเลยลงมือเปิด Pinterest ลองหาที่เที่ยวเก๋ๆ ฮิปๆ ที่ดูไม่เป็นโปรแกรมทัวร์จนเกินไป และก็ได้เจอกับ Comic Strip Route เส้นทางสตรีทอาร์ทของตัวการ์ตูนต่างๆ นี่แหละ ที่เราคิดว่าน่าสนใจและมีความดีงามอยู่ไม่น้อย
ก่อนจะไปชมสตรีทอาร์ตกัน หลายๆ คนคงตั้งคำถามว่าทำไมต้องคอมิกสตริป เพราะเวลาเราพูดถึงคอมิกเรามักจะนึกถึงฝั่งอเมริกา แต่ที่บรัสเซลส์เองก็เป็นเมืองหลวงของคอมิกสตริปด้วยเหมือนกัน และถือเป็นความภาคภูมิใจระดับชาติของชาวเบลเยียมเลย เพราะที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดตัวการ์ตูนและฮีโร่ต่างๆ มากมาย อย่างที่บ้านโฮสต์ Airbnb ที่เราไปพักด้วยก็มีหนังสือคอมิกวางไว้อยู่ทุกซอกทุกมุมในบ้าน ใครที่อ่านภาษาฝรั่งเศสได้คงได้อ่านกันจนเพลินเลย
จุดเริ่มต้นของ Comic Strip Route นั้นมีมาตั้งแต่ปี 1991 หลังจากที่บรัสเซลส์ได้เปิด Belgian Comic Strip Center ได้เพียง 2 ปี โดยต้องการจะปรับปรุงผนังว่างเปล่าในเมืองให้ดูมีสีสันขึ้นมาด้วยผลงานตัวการ์ตูนของศิลปินชื่อดัง ตัวการ์ตูนที่เราคุ้นหูคุ้นตาหน่อยคงเป็น Tintin จาก The Adventures of Tintin ที่กลายเป็นตัวการ์ตูนขวัญใจใครหลายๆ คน และแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ Tintin เพราะยังมีฮีโร่จากคอมิกเรื่องอื่นๆ ที่กลายมาเป็นงานศิลปะประดับอยู่บนผนังของตึกตามซอกต่างๆ ในเมืองให้เราได้ออกตามหามากกว่า 50 แห่ง
ด้วยเวลาการเตรียมตัวอันน้อยนิดทำให้เราไม่สามารถไปตามล่าเก็บลายแทงมาได้หมด (แน่ล่ะ เพราะมีตั้ง 50 ที่!) แต่เราอยากจะบอกว่าการเดินตามเก็บภาพสตรีทอาร์ตเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม Treasure Hunt อยู่เลยแหละ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอภาพสตรีทอาร์ตสวยๆ โผล่มาเมื่อไหร่ ต้องเดินวนๆ ตามซอกมุมต่างๆ บางทีเราเดินผ่านมาแล้วแต่ลืมสังเกต ก็ต้องวนกลับมาใหม่ ซึ่งก็ทำให้เราได้เห็นเมืองบรัสเซลส์จากมุมมองใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กัน ข้อดีของเมืองนี้คือตัวเมืองมีขนาดเล็กมาก เล็กแบบที่เราสามารถเดินถึงกันได้หมดโดยไม่ต้องขึ้นรถบัสหรือรถไฟใต้ดินเลยก็ยังได้ ยิ่งเรามาช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปแล้ว บอกเลยว่าสามารถเดินเที่ยวได้ทั้งวัน
ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนตามท้องถนนที่นี่ ทำให้เรารู้สึกว่าบรัสเซลส์กลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และมีมิติมากขึ้น ไม่ได้เป็นแค่เมืองที่เราต้องไปสต็อปเพื่อดูแลนด์มาร์กอย่าง Grande Place และ Manneken Pis รูปปั้นเด็กฉี่มาสคอตของที่นี่เท่านั้น
เราชอบความชิลและความสนุกสนานของผู้คน อย่างวันที่อากาศดีๆ ทุกคนจะออกมาเดินเล่น นั่งเล่นในสวน นั่งพูดคุยกันในคาเฟ่ริมถนน หรือแม้แต่นั่งเล่นร้องเพลงกันที่ใจกลาง Grande Place จัตุรัสใจกลางเมืองที่มีอาคารสไตล์บาโรก โกทิก และนีโอ-โกทิก ตกแต่งด้วยสีทองอร่ามเป็นสุดยอดแลนด์มาร์กของที่นี่
ถ้าใครบอกว่าบรัสเซลส์ไม่มีอะไรน่าสนใจ เราขอเถียงขาดใจเลยว่าไม่จริง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีแลนด์มาร์กให้เราไปตามเก็บมากนัก และไม่ได้เป็นเมืองสำหรับขาช้อป แต่เราว่าเมืองนี้มีเสน่ห์เต็มไปด้วยอาร์ตซีนสวยๆ ที่น่าสนใจ แถมยังมีเรื่องราวของคอมิกที่ไม่ซ้ำกับเมืองไหนในโลก เราขอยกให้เป็นอีกหนึ่งเมืองคูลๆ ที่ต้องไปให้ได้เลยล่ะ