ลาบเสียบ Jim Thompson Art Center ร้านกับแกล้มอีสานฟิวชันที่อยากเป็นพื้นที่เปิดบทสนทนาให้คนกรุง

ท้องฟ้ายามเย็นกำลังระบายสีส้มอ่อน เราเดินขึ้นบันไดไปสู่ชั้นดาดฟ้าของ Jim Thompson Art Center พลางถอดเสื้อตัวนอกออกเพื่อรับลม พื้นที่ข้างบนนี้กว้างขวาง เงียบสงบ บรรยากาศเหมาะกับการสูดอากาศ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วคุยเรื่อยเปื่อยกับใครสักคน และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มีร้านค้ามาตั้งอยู่ตรงนี้ ‘ร้าน’ ที่เราพูดถึงคือลาบเสียบ ร้านกับแกล้มอีสานฟิวชันที่ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนในวงการกินดื่มแต่อย่างใด ร้านแห่งแรกก่อตั้งในปี 2563 โดย ‘ฝ้าย-อาทิตย์ มูลสาร’ ชายหนุ่มผู้เปลี่ยนโฮมสตูดิโอในซอยวัดลาดปลาดุกให้เป็นแหล่งสังสรรค์ใหม่ของชาวกรุง ด้วยการเสิร์ฟลาบเสียบไม้ย่างใหม่ๆ คู่กับเครื่องดื่มเย็นฉ่ำ  ย่างไปย่างมาได้สองปี ลาบเสียบก็คิดถึงการขยายกิจการสู่สาขาใหม่ แต่อาทิตย์เกรงว่าจะดูแลทั้ง 2 สาขาไม่ไหว จึงเปลี่ยนแผนเป็นย้ายร้านมาอยู่บนดาดฟ้าของ Jim Thompson Art Center แทน บาร์สีเลือดหมูเปิดโล่งให้ความรู้สึกคล้ายร้านอิซากายะสไตล์ญี่ปุ่น ตกแต่งด้วยอุปกรณ์ในครัวของคนอีสานบ่งบอกว่าเรามาไม่ผิดที่ ในแสงสีส้มของอาทิตย์ยามเย็น อาทิตย์ที่เป็นเจ้าของร้านเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เขารับออเดอร์อย่างเป็นมิตรและส่งต่อให้คนครัวรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ช่วงเวลารอลาบเสียบให้สุกนั้น เรามีโอกาสได้นั่งคุยกับเขาเรื่องการทำร้านและการผลักดันอาหารอีสานไปสู่ขอบเขตใหม่ๆ “พอพูดคำว่าลาบเสียบ ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา มากินกับปาก คนทั่วไปอาจนึกภาพไม่ออกว่าลาบเสียบเป็นยังไง ถ้าให้นิยาม คุณจะนิยามแบบไหน” คือคำถามของเราในวันนั้น และต่อจากนี้คือคำตอบสุดนัวจากปากของชายเจ้าของร้าน ลาบเสียบคือร้านกับแกล้ม สันนิษฐานแรกตอนได้ยินคำว่าลาบ เราคิดถึงเมนูลาบอีสานในร้านอาหารทันที แต่อาทิตย์ยืนยันกับเราว่า “ลาบเสียบไม่ใช่ร้านอาหารที่จะมากินเอาอิ่ม” […]

Jim Thompson Art Center จากพิพิธภัณฑ์ผ้าไทย สู่สเปซใกล้สยามฯ ที่รวมห้องสมุด คาเฟ่ และแกลเลอรีไว้ด้วยกัน

ปทุมวันน่าจะเป็นย่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่มีคนเลือกเป็นจุดหมายปลายทางในการนัดพบ แลกเปลี่ยนบทสนทนา และใช้เวลาผ่อนคลายมากที่สุด นั่นเป็นเพราะย่านนี้เป็นที่ตั้งของสยามและศูนย์การค้าที่อุดมไปด้วยร้านรวงมากมาย  แต่ขณะเดียวกันท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยวิถีชีวิตแบบร่วมสมัยและความวุ่นวายใจกลางเมือง ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน อาคารทรงเรือนไทยที่รายล้อมไปด้วยสวนเขียวขจีซ่อนตัวอยู่ในซอยเกษมสันต์ 2 ซึ่งนอกจากประวัติศาสตร์และของสะสมเก่าแก่ของจิม ทอมป์สัน ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยแล้ว ที่นี่ยังติดท็อป 2 ในบรรดาสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวมากที่สุดรองจากวัดพระแก้วด้วย ถึงจะเป็นสถานที่ที่มีความน่าสนใจ แต่ด้วยองค์ประกอบทั้งหลายนี้ย่อมสร้างภาพจำให้คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่นี่ ขนาดเราที่อาศัยอยู่ย่านนี้มานานหลายปีก็ไม่เคยคิดมาเยือน เพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว จนเมื่อช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวหอศิลป์ Jim Thompson Art Center (JTAC) ขึ้นในบริเวณใกล้เคียงพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน เป็นตึกสูง 4 ชั้นบนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร มีพื้นที่ใช้สอยครบครันตั้งแต่ลานจอดรถ คาเฟ่ ห้องสมุด อาร์ตช็อป แกลเลอรี ไปจนถึงพื้นที่จัดกิจกรรม เพื่อตอบโจทย์ในการเป็นแหล่งความรู้และจุดพบปะของผู้คนที่สนใจศิลปะ ทำเอาเราต้องติดต่อขอพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับผู้อำนวยการหอศิลป์ ‘เจี๊ยบ-กฤติยา กาวีวงศ์’ ภายในหอศิลป์มีอะไรบ้าง ความตั้งใจและหมุดหมายของการขยับขยายเขตแดนทางศิลปะร่วมสมัยครั้งนี้คืออะไร เรามาทัวร์พื้นที่ทางศิลปะแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ไปพร้อมๆ กัน เพิ่มโอกาสด้วยการสร้างพื้นที่แห่งใหม่ ก่อนทัวร์หอศิลป์ Jim Thompson […]

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.